สถานการณ์สินค้าอิเล็คทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศญี่ปุ่น เดือนมกราคม 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday January 25, 2011 13:44 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ภาวะการตลาดสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้าของญี่ปุ่น

1.1 ในเดือนธันวาคม 2553 มีผู้ยื่นขอ Eco-Point ของรัฐบาลที่สนับสนุนการซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ประหยัดพลังงานถึง 3.76 ล้านราย หรือมูลค่า 5.92 พันล้านเยน นับว่าสูงที่สุดนับตั้งแต่เริ่มโครงการนี้ โดยผู้ยื่นขอแต้มสำหรับการซื้อโทรทัศน์จอแบนสูงขึ้นกว่าร้อยละ 40 โครงการนี้เริ่มตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2552 และมีผู้ได้รับแต้มจำนวน 33.21 ล้านราย มูลค่า 461.1 พันล้านเยน

1.2 ปริมาณความต้องการชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์ยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง บริษัทอิเล็คทรอนิกส์ชั้นนำ ได้รับคำสั่งซื้อกว่า 800 พันล้านเยนระหว่างเดือนตุลาคม-ธันวาคม 2553 เพิ่มขึ้นร้อยละ 5 จากช่วงเดียวกันของปี 2552 เช่น บริษัทมูราตะ มีคำสั่งซื้อ 150 พันล้านเยน จากความต้องการตัวเก็บประจุแบบเซรามิกส์ (ceramic capacitor) และชิ้นส่วนอื่นๆที่ใช้กับสมาร์ทโฟน บริษัท ทีดีเค มีคำสั่งซื้อ 227.1 พันล้านเยน จากคอยล์ และชิ้นส่วนสมาร์ทโฟน และบริษัทเกียวเซร่ามีคำสั่งซื้อ 180 พันล้านเยน

1.3 จากการที่มีการผลิตโทรทัศน์ระบบ 3 มิติในต้นปี 2552 ทำให้มีความต้องการรายการโทรทัศน์ระบบ 3 มิติ บริษัทโซนี่กำลังจะเสนอภาพยนตร์ทางโทรทัศน์ที่ผลิตสำหรับโทรทัศน์ระบบ 3 มิติโดยเฉพาะและนับว่าเป็นภาพยนตร์โทรทัศน์ 3 มิติเรื่องแรกของโลกชื่อเรื่องว่า “Tokyo Control” มีทั้งสิ้น 10 ตอน และจะเริ่มแพร่ภาพในช่องเคเบิ้ล Skyperfect เริ่มตั้งแต่วันที่ 19 มกราคม โดยทีมงานผลิตได้ขอคำแนะนำจากผู้สร้างภาพยนตร์เรื่อง “Avatar” ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง ส่วนบริษัทพานาโซนิกส์กำลังพัฒนารายการโทรทัศน์ 3 มิติเช่นกัน โดยผลิตรายการเพลงในช่อง BS Asahi ออกอากาศในวันธรรมดา

1.4 บริษัทขนาดใหญ่ในญี่ปุ่น เช่น แคนนอน และนินเทนโด เน้นการทำตลาดในต่างประเทศ โดยรายได้จากต่างประเทศเป็นสัดส่วนร้อยละ 80 บริษัทแคนนอนมีรายได้เพียง 199.9 พันล้านเยนจากตลาดในประเทศเมื่อเทียบกับ 913.1 พันล้านเยนจากตลาดต่างประเทศ ส่วนโตชิบา ตั้งเป้าที่จะจับกลุ่มลูกค้าระดับกลางในแอฟริกา และ ตะวันออกกลาง ที่มีรายได้ประมาณ 3,000 เหรียญต่อปี จะเริ่มผลิตโทรทัศน์ในอียิปต์ในเดือนมีนาคม คาดว่าจะจำหน่ายถึง 2 ล้านเครื่องต่อปี โดยเป็นรุ่นขนาด 32 นิ้ว ซึ่งจะสามารถประหยัดค่าใช้จ่ายร้อยละ 3 และคาดว่าจะเพิ่มสัดส่วนตลาดจากร้อยละ 9 เป็นร้อยละ 20 ในปี 2554

2. ความเคลื่อนไหวของบริษัท

2.1 บริษัท มิตซูบิชิ อิเล็คทริค จะสร้างโรงงานแห่งใหม่ขนาด 38,000 ตารางเมตรที่เมืองฮิเมจิ จังหวัดเฮียวโกะ เพื่อผลิตพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้า (Elecric Power Steering) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม โดยพวงมาลัยระบบนี้จะประหยัดพลังงานได้ร้อยละ 3-5 บริษัทตั้งเป้าว่าจะผลิตจำนวน 12 ล้านยูนิตภายในปี 2558

2.2 บริษัทโตชิบาจะร่วมมือกับบริษัท ซูมิโตโม่ พัฒนาระบบการบริหารการใช้พลังงานในบ้านเพื่อที่จะประหยัดการใช้ไฟฟ้า โดยจะติดตั้งในสมาร์ทโฮมที่สร้างโดยบริษัทซูมิโตโม่ เจ้าของบ้านจะสามารถทราบปริมาณการผลิตกระแสไฟฟ้าจากโซลาร์เซลล์ รวมทั้งปริมาณการใช้พลังงานภายในบ้าน โดยสามารถดูได้จากจอภาพที่ติดตั้งไว้ภายในบ้าน และในอนาคตระบบนี้จะสามารถทราบถึงปริมาณการใช้เครื่องปรับอากาศภายในบ้าน รวมทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆที่ควบคุมปริมาณอุณหภูมิ และความชื้น รวมทั้งจะสามารถเติมไฟฟ้าให้รถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริดอีกด้วย

2.3 บริษัทนินเทนโดจะเปิดตัวเกมส์ 3 มิติ ที่ญี่ปุ่นในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2554 และที่สหรัฐอเมริกาในวันที่ 27 มีนาคม 2554 โดยผู้เล่นไม่จำเป็นต้องใส่แว่นตาพิเศษ ราคาจำหน่ายในสหรัฐอเมริกาอยู่ที่ 305 เหรียญหรือประมาณ 25,000 เยน แม้ว่าจะมีการกังวลว่าเกมส์ 3 มิตินี้จะทำลายสุขภาพของเด็กเล็ก โดยจะเปิดตัวเกมส์ใหม่ “Nintendogs+Cats” ซึ่งพัฒนาจากเกมส์ยอดฮิต “Nintendogs”

2.4 บริษัทโซนี่ประกาศจะรับพนักงานชาวต่างชาติร้อยละ 30 โดยจะรับผู้ที่สำเร็จการศึกษาชาวจีน อินเดีย รวมทั้งประเทศเอเชียอื่นๆ เพื่อการแข่งขันในตลาดโลก โดยพนักงานใหม่จะเริ่มทำงานในประเทศญี่ปุ่นก่อน โดยผู้ที่มีความสามารถโดดเด่นจะได้รับการฝึกเพื่อคัดเลือกให้เป็นผู้บริหารของบริษัทในสาขาต่างประเทศ ในปัจจุบันโซนี่รับพนักงานตรงจากมหาวิทยาลัยในจีน และอินเดีย และจะขยายไปยังอินโดนีเซีย เวียดนาม และอื่นๆ โดยเน้นสาขาวิทยาศาสตร์ และวิศวกรรมศาสตร์ ทั้งนี้การจ้างพนักงานต่างชาติเริ่มขยายตัวมากขึ้นในญี่ปุ่น เช่น พานาโซนิกส์ และ Uniqlo ต่างก็ต้องการรับพนักงานต่างชาติเป็นส่วนใหญ่

3. ภาวะการส่งออกและนำเข้าสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ของญี่ปุ่น

การส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ในเดือนพฤศจิกายน 2553 มีมูลค่า 7.89 แสนล้านเยนลดลงร้อยละ 6.9 จากเดือนพฤศจิกายน ปี 2552 โดยยอดการส่งออกรวม 11 เดือนของปี 2553 มูลค่า 9.48 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.2 จากปี 2552 สินค้าที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นคือ ส่วนประกอบอิเล็คทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.7 และอุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 25.7 ส่วนสินค้าที่ปรับลดลงคือ วีดีโอ ลดลงร้อยละ 1.9 อุปกรณ์สื่อสาร ลดลงร้อยละ 1.6 คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ลดลง ร้อยละ 2.9

ส่วนการนำเข้าสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ในเดือนตุลาคม 2553 มีมูลค่า 6.89 แสนล้านเยน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากเดือนตุลาคม ปี 2552 โดยยอดการนำเข้ารวม 11 เดือนของปี 2553 มูลค่า 6.68 ล้านล้านเยน สินค้าเกือบทุกหมวดปรับตัวเพิ่มขึ้น เช่น Consumer equipment เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.7 และส่วนประกอบอิเล็คทรอนิกส์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.3 ส่วนสินค้าที่ปรับลดลงคือ เครื่องจักรธุรกิจ ลดลงร้อยละ 29.7 หลอดไฟลดลง ร้อยละ 27.5

สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ นครโอซากา

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ