ผลิตภัณฑ์ ‘Ra-yu’ หรือ chili oil ที่ใช้อย่างแพร่หลายในอาหารจีนกลายเป็นสินค้าใหม่ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในตลาดญี่ปุ่น ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่ดูเหมือนเผ็ด แต่รสชาดไม่เผ็ดมากและมีกลิ่นหอม โดยมีส่วนผสมของกระเทียมเจียว น้ำมันงา พริก ผงของหอมใหญ่ และถั่วแอลมอนด์ เป็นต้น สามารถทานได้ทันทีโดยราดบนข้าวร้อนๆ หรือทานร่วมกับอาหารอย่างอื่น
บริษัทโมโมยะผู้ริเริ่มผลิต ‘Ra-yu’ ขายในท้องตลาดในปี 2009 ได้ไอเดียมาจากร้านราเมงข้างบริษัทซึ่งใช้ ‘Ra-yu’เป็นส่วนผสมในราเมงและบรรจุ ‘Ra-yu’ ในขวดเล็กๆ ทำเป็นของฝากขายในราคาขวดละ 500 เยน (ประมาณ 190 บาท) ซึ่งได้รับความนิยมเป็นอย่างมากจากลูกค้า โดยโมโมยาใช้สโลแกน “Tabereru Ra-yu” หรือ edible chili oil ในการโปรโมทสินค้า จนกลายเป็นสินค้าขายดีที่ถึงกับผลิตสินค้าออกมาไม่ทันจำหน่าย ในขณะที่บริษัทผู้ผลิตผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ ต่างแข่งขันกันออกผลิตภัณฑ์ขนมขบเคี้ยว อาหารแช่แข็ง และอื่นๆ ที่ใช้ ‘Ra-yu’ เป็นส่วนผสมออกมาวางจำหน่ายในท้องตลาด ผลิตภัณฑ์ที่ขายดีเช่น สปาเก็ตตี้ซอส’Ra-yu’ (มียอดขาย 4 เดือนสูงถึง 700 ล้านเยนทะลุเกินเป้าหมายยอดขาย 6 เดือน), Ra-yu tantan fried rice, Ra-yu takana fried rice, Sembei (rice cracker) รสชาด Ra-yu ซึ่งมีขายทั้งในซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านสะดวกซื้อ นอกจากนี้ ยังมีขายในรูปแบบของ Fast food เช่น Ra-yu burger ของ Mos Burger และ เบอร์เกอร์กุ้งราดมายองเนสและ Ra-yu ของ Lotteria
ปรากฎการณ์ฮิตติดตลาดของ ‘Ra-yu’ เป็นที่ถูกจับตามองโดยทำให้เห็นว่าท่ามกลางตลาดอาหารที่กำลังหดตัว เนื่องจากจำนวนประชากรเกิดน้อยลง ในขณะที่ประชากรส่วนใหญ่เข้าสู่วัยผู้สูงอายุ ตลาดอาหาร สามารถกลับมาตื่นตัวได้ด้วยการนำเสนอเครื่องปรุงที่สร้างรสชาดในการรับประทานอาหารแบบใหม่ให้กับตลาดญี่ปุ่น จนทำให้ ‘tabereru Ra-yu’ กลายเป็นคำฮิตติดอันดับ 1 ใน 10 ของปี 2010 ในญี่ปุ่น
ข้อคิดเห็นและบทวิเคราะห์
‘Ra-yu’ เป็นเครื่องปรุงที่มีอยู่ในตลาดญี่ปุ่นมานาน แต่ในอดีตคนญี่ปุ่นรู้จัก ‘Ra-yu’ จำกัดอยู่เฉพาะเวลาใช้จิ้มทานกับเกี๊ยวซ่าในร้านอาหารจีน ในครั้งนี้บริษัทโมโมยาคิดค้นและผลิต ‘Ra-yu’ ที่สามารถทานเป็นกับข้าวได้ ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ชาวญี่ปุ่นรู้จักรสชาดอาหารที่แปลกใหม่ เติมรสชาดใหม่ให้กับครัวเรือนญี่ปุ่น ต่างไปจากรสชาดอาหารแบบเดิมๆ ที่มีอยู่อย่างจำกัดในอาหารญี่ปุ่น การประสพความสำเร็จของ ‘Ra-yu’ ทำให้เห็นถึงโอกาสของเครื่องปรุงอาหารรสชาดใหม่ๆ อย่างเครื่องปรุงของอาหารไทยซึ่งมีความหลากหลายกว่าอาหารญี่ปุ่น โดยหากผู้ผลิตสามารถเข้าใจและเข้าถึงความต้องการของตลาด โอกาสที่จะทำให้กลายเป็นเครื่องปรุงที่มีอยู่ในทุกครัวเรือนญี่ปุ่น ก็ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันมีผู้ผลิตชาวญี่ปุ่นนำรสชาดพริกขี้หนูของไทยซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวญี่ปุ่นที่นิยมอาหารไทยมาผสมผสานกับ Yuzu (ผลไม้รสเปรี้ยวคล้ายมะนาว) ซึ่งเป็นของขึ้นชื่อของจังหวัดโคจิ ทำเป็นเครื่องปรุงชนิดใหม่ มีชื่อว่า Prikkiz สามารถใช้เป็นน้ำสลัด หรือทานร่วมกับอาหารอื่นๆ อย่างเช่น เนื้อย่างหรือเกี๊ยวซ่าได้ โดย Mr. Ogyu Chikanori หัวหน้าบรรณาธิการของนิตยสาร Mart ซึ่งเป็นนิตยสารเกี่ยวกับอาหาร คาดการณ์ว่า Prikkiz นี้จะกลายเป็นสินค้าขายดีอันดับที่ 2 ใน 10 สินค้า/เครื่องปรุง ที่คาดว่าจะเป็นที่นิยมในปี 2011 ในญี่ปุ่น
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th