แนวโน้มวิถีการบริโภคอาหารของสหรัฐอเมริกา ปี 2554 (ตอนที่ 1)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday January 27, 2011 16:07 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ปัญหาเศรษฐกิจและการว่างงานของสหรัฐฯ ในปัจจุบัน รวมไปถึง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยี เป็นปัจจัยสำคัญต่อการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมการบริโภคอาหารของผู้บริโภคสหรัฐฯ ดังนั้น The Food Channel: www.foodnetwork.com สื่อทาง Online ด้านอาหารที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯ ร่วมกับผู้เชี่ยวชาญมืออาชีพด้านอาหาร บริษัท Culture Waves และบริษัทวิจัยการตลาด บริษัท Mintel International ทำการคาดการณ์แนวโน้มการบริโภคอาหารที่จะได้รับความนิยมสูง 10 อันดับในสหรัฐฯ ของปี 2554 ดังนี้

1. อาหารถนอมและหมักดองมาแรง (The Canning Come Back)

การถนอมอาหาร (ผักและผลไม้หมักดอง) ทั้งในรูปการบรรจุกระป๋อง/ขวดแก้ว และการถนอม/รักษาอาหารด้วยวิธีการต่างๆ จะได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น เนื่องด้วย ผู้บริโภค มีความกังวล และให้ความสำคัญต่อความปลอดภัยของอาหาร/วัตถุดิบในระยะเวลาที่ผ่านมา สหรัฐฯ การเรียกเก็บสินค้าอาหาร (Food Recall) หลายๆ ชนิด เช่น มะเขือเทศ พริก เนื้อ และ ไข่ไก่ เป็นต้น

ผู้บริโภคจึงให้ความสำคัญต่อด้านความปลอดภัยของอาหารที่บริโภคเพิ่มขึ้น และเห็นว่า การเก็บรักษาถนอมอาหารด้วยตนเอง จะช่วยลดปัญหาด้านความไม่ปลอดภัยของอาหารลงได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้บริโภค สามารถควบคุมระดับความเค็ม หรือระดับความหวาน หรือ ปริมาณเครื่องเทศ ตามรสชาติที่ชอบ เพื่อสุขภาพอนามัยของตนเองได้อีกด้วย

นอกจากนั้นแล้ว ปัจจัยทางด้านภาวะเศรษฐกิจและการว่างงานในอัตราสูงของสหรัฐฯ ทำให้ผู้บริโภคต้องประหยัดการใช้จ่าย จึงเป็นเหตุผลสนับสนุนอีกประการหนึ่ง ชักนำให้ผู้บริโภค หันไปถนอมผักและผลไม้ตามแบบฉบับของตนเอง เพื่อเก็บไว้รับประทาน

2. ผู้ชายเข้าครัวปรุงอาหาร (Men in Aprons)

ปัจจุบัน เพศชายมีบทบาทต่ออาหารมากขึ้น ดังนั้น การเข้าครัวปรุงอาหารได้สลับปรับเปลี่ยนไป ผู้ชายหันมาเข้าครัวมากขึ้น ทั้งนี้ เพราะว่ามีจำนวนผู้ชายตกงานมาก เมื่อเปรียบเทียบกับผู้หญิง ซึ่งมีงานทำและมีหน้าที่การงานในสาขาต่าง ๆ สูงกว่าผู้ชาย แม้แต่นิตยสารTIME กล่าวว่าปัจจุบันเป็นเศรษฐกิจแบบ “Sheconomy”ที่กำลังมาแรง เนื่องจากผู้หญิงมีบทบาทมากขึ้นทางเศรษฐกิจ มีหน้าที่การงาน เป็นผู้บริหารและมีตำแหน่งในระดับสูงตามองค์กร/บริษัทต่างๆ จึงทำให้เกิดการถ่วงดุลอำนาจทางครอบครัว Balance of Power) ซึ่งสามี-ภรรยาที่ทั้งสองฝ่ายเป็นผู้หารายได้เลี้ยงครอบครัว

ปัจจัยอีกประการหนึ่ง ที่มีอิทธิพลให้ผู้ชายยุคนี้ เข้าครัวมากขึ้น เนื่องจาก รายการสอนทำอาหารทางสื่อโทรทัศน์ ที่มีพ่อครัวชื่อดังเป็นผู้ดำเนินการ Ms. Hanna Rosin นักเขียนคอลัมนิสต์ในวารสาร Atlantic Monthly ให้ความเห็นว่า ผู้หญิงเข้าครัวปรุงอาหารเป็นเพราะบทบาทหน้าที่ที่จะต้องปรุงอาหารให้สมาชิกในครอบครัวรับประทาน ในขณะที่ผู้ชายเข้าครัวเพื่อต้องการอวดฝีมือ หรือได้รับการยกย่อง ยอมรับจากสังคม หรือเพื่อความสนุกสนาน

อย่างไรก็ตาม ในสภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันของสหรัฐฯ เราจะเห็นผู้ชายหันมาทำครัวปรุงอาหารมากขึ้น ไม่ใช่เพราะเหตุผล เพื่อความสนุกสนาน แต่เพราะต้องประกอบเป็นอาชีพ หาเลี้ยงครอบครัว และถือเป็นการแบ่งเบาภาระหน้าที่ในการทำอาหารของแม่บ้านที่จะต้องออกไปทำงานหาเลี้ยงครอบครัวเช่นกัน

3. ซื้อวัตถุดิบปรุงอาหารในท้องถิ่น (Local Somewhere)

เมื่อนักการเมืองกล่าวว่า การเมืองเป็นเรื่องของ ท้องถิ่น เรื่องอาหารก็เช่นเดียวกัน ยิ่งมีความชัดเจนและความเป็นจริงมากขึ้น เมื่อจะกล่าวว่าอาหารก็เป็นเรื่องของท้องถิ่นเช่นกัน ผู้บริโภคสหรัฐฯ หันมาให้การสนับสนุนวัตถุดิบใช้ในการปรุงอาหารที่เกษตรกรปลูกในท้องถิ่น ซึ่งถือว่าเป็นการสนับสนุนช่วยเหลือเศรษฐกิจในท้องถิ่นตนเอง และได้ช่วยเหลือเกษตรกรในท้องถิ่นให้มีงานทำ หรือด้วยเหตุผลในการช่วยเหลือการลดต้นทุนด้านการขนส่งคมนาคมสินค้าที่ขนส่งจากต่างรัฐ

การให้การสนับสนุนซื้อวัตถุดิบ/อาหารท้องถิ่น มีส่วนทำให้ผู้ประกอบการได้พัฒนาปรับปรุงผลิตภัณฑ์อาหารใหม่ๆ นำเสนอสู่ตลาด หรือการเปิดภัตตาคารใหม่ๆ หรือมีความคิดอาหารใหม่ๆ อีกทั้งผู้บริโภคได้รับประทานอาหาร/วัตถุดิบที่มีความสด/ใหม่ รสชาติใหม่ ๆ รวมทั้งผู้บริโภคได้ทราบแหล่งที่มาของวัตถุดิบ หรือแม้แต่ร้านอาหารที่จำหน่ายอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่อก็สามารถดึงดูดนักชิมจากที่ต่างๆ ให้แวะมาซื้อ/ชิมอาหารได้

ในปัจจุบันการขายสินค้าทางออนไลน์ทำให้ผู้บริโภคสามารถเลือกซื้อ อาหาร/วัตถุดิบ ที่มีชื่อเสียงของแต่ละท้องถิ่นได้ง่ายและสะดวกขึ้น

4. ไม่สนปริมาณแคลอรี่ (Don’t Ask, Don’t Tell)

ผู้บริโภคเริ่มเข้าสู่ภาวะไม่ต้องการถามและไม่ต้องการทราบว่า อาหารที่ตนชื่นชอบและอยากรับประทานมีปริมาณจำนวนแคลอรี่ หรือไขมันมากน้อยเท่าไร ซึ่งอาจเป็นเพราะความเครียดและความกดดันจากสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบัน ทำให้ผู้บริโภคอยากหาความสุขในชีวิตมากกว่าต้องคอยกังวลไปทุกๆ เรื่องแม้กระทั่งการกิน แต่รัฐบาลสหรัฐฯ กลับให้ความสนใจต่อ ปริมาณจำนวนแคลอรี่ ไขมันแปรรูป (Trans Fat) ระดับปริมาณน้ำตาล (ความหวาน) หรือ ระดับปริมาณเกลือ (ความเค็ม) ที่ผู้ผลิตอาหารหรือร้านอาหารใช้เติมในอาหาร

ปัจจุบัน สหรัฐฯ มีพระราชบัญญัติสุขภาพ ที่บรรจุเนื้อหาถึง 2,000 หน้า ซึ่งใช้บังคับกับภัตตาคารขนาดใหญ่ที่มีจำนวน 20 สาขาขึ้นไป จะต้องระบุรายละเอียดจำนวนแคลอรี่ของอาหารจานนั้นๆ ในเมนู หรือให้ระบุจำนวนแคลอลี่บนป้ายอาหารสำหรับภัตตาคารที่บริการขายอาหารโดยให้ รถยนต์สามารถขับเข้าไปสั่งอาหารได้ (Drive Through) รวมทั้งตู้จำหน่ายอาหาร (Vending Machine) จะต้องมีฉลากติดอยู่บนอาหาร

กฏหมายฉบับนี้ยังครอบคลุมถึงโภชนาการอาหารภายในโรงเรียน เพื่อจะให้เด็กนักเรียนมีสุขภาพที่ดีขึ้น เป็นการควบคุมอาหารที่ไร้คุณค่า (Junk Food) หรือแม้แต่ในรัฐมิสซิสซิปปีของสหรัฐฯ ได้เสนอให้มีกฏหมายที่จะสั่งห้ามให้ภัตตาคารจำหน่ายอาหารแก่ลูกค้าที่เป็นโรคอ้วน (Obesity) ตามเกณฑ์และรายละเอียดที่กระทรวงสาธารณสุขสหรัฐฯ กำหนดเกี่ยวกับโรคอ้วน จึงเป็นข้อกังขาของผู้บริโภค ว่า ลูกค้าจะต้องชั่งน้ำหนักตัวหรือไม่ว่า ตนเข้าข่ายเป็นโรคอ้วนหรือไม่เมื่อเวลาเข้าไปรับประทานในร้านอาหาร

5. นิยมคูปองส่วนลด (Appetite for Food Application)

ปัจจัยทางด้านเศรษฐกิจในสหรัฐฯ ทำให้ผู้บริโภคต้องประหยัดในการใช้จ่ายในการซื้ออาหาร หรือ การออกไปรับประทานอาหารตาม ร้านอาหาร/ภัตตาคาร ผู้บริโภคจึงหันมาใช้คูปองส่วนลดขึ้น ในปัจจุบัน ระบบการสื่อสารในสหรัฐฯ ทั้งประเภทอินเตอร์เนต หรือระบบโทรศัพท์มือถือสมัยใหม่(Smart Phone) ซึ่งมีรูปแบบการใช้ที่ให้ผู้ใช้ให้ความสะดวกในการค้นหาคูปองส่วนลดเพื่อใช้ตามร้านค้า ซุปเปอร์มาร์เก็ต และ ภัตตาคาร ไม่ว่าในท้องถิ่นหรือตามพื้นที่ห่างไกลต่างๆ อีกทั้งเทคโนโลยี่เหล่านี้ ทำให้ผู้บริโภคทราบถึงประเภทของภัตตาคาร อาหารที่บริการ หรือเป็นร้านที่จำหน่ายเฉพาะอาหารเจ มังสวิรัต รวมทั้ง ได้รับทราบถึงราคาในเมนูอาหาร หรือแม้แต่ทราบว่าร้านค้ามีโต๊ะบริการว่างหรือไม่ ซึ่งแนวโน้มการค้นหาคูปองส่วนลดเพื่อซื้ออาหารจากโทรศัพท์มือถือแบบ Smart Phone จะได้รับความนิยมมากขึ้นในสหรัฐฯ

สภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีอัตราการเจริญเติบโตในระดับต่ำ และ การว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงซึ่งจะผลักดันให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ ใช้จ่ายน้อยลง ดังนั้น ร้านค้าจะต้องเสนอการให้คูปองส่วนลด เพื่อชักจูงให้ผู้บริโภคเพิ่มการใช้จ่าย คาดว่า การใช้คูปองส่วนลดในการซื้อสินค้าจะเพิ่มมากขึ้นปัจจุบัน มีเวปไซต์หลายแห่งให้บริการคูปองส่วนลด ซึ่งเป็นช่องทางธุรกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว สามารถสนองความต้องการของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ได้ถูกจุด เช่น www.groupon.com และ www.CouponClipper.com ซึ่งเปิดโอกาสให้ผู้บริโภคสามารถพิมพ์คูปองออกมาในรูปกระดาษ หรือ Download ผ่านโทรศัพท์มือถือมาใช้ได้ การส่งข้อความทางโทรศัพท์ (Text) และ การ Tweet กลายเป็นหลักการตลาดที่จะได้รับความนิยมและประสบผลสำเร็จในปี 2011

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ