คันไซเป็นเขตเศรษฐกิจที่สำคัญสำหรับประเทศญี่ปุ่นรวมถึงของโลก เขตคันไซตั้งอยู่บริเวณกึ่งกลางของประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดรวมของภาคอุตสาหกรรม ภาคการขนส่ง การโทรคมนาคม และการค้าขายกับต่างประเทศมาเป็นเวลาช้านาน แม้ว่าอาณาเขตของคันไซจะมีเส้นผ่านศูนย์กลางราว 150 กิโลเมตร เท่านั้น
เขตคันไซนับรวมถึง 10 จังหวัดบริเวณตอนกลางของเกาะฮอนชูคือ ฟุกุอิ มิเอะ ชิกะ เกียวโต โอซากา เฮียวโกะ นารา วากายาม่า โทกุชิม่า และโทตโทริ ซึ่งมี 3 เมืองหลักที่มีชื่อเสียงทั่วโลกคือนครโอซากา เมืองโกเบ และเมืองเกียวโต
ตารางเปรียบเทียบเขตคันไซกับประเทศญี่ปุ่น
ประเทศญี่ปุ่น เขตคันไซ
พื้นที่ 377,944 44,696
(หน่วย: ตารางกิโลเมตร) (11.8%)
จำนวนประชากร 127,076 24,720
(หน่วย:ล้านคน) (19.5%)
Gross Regional products (GRP) 4,599 862
(หน่วย : พันล้านเหรียญสหรัฐ ) (18.7%)
Regional income per capita 27 25
(หน่วย : 1,000 เหรียญสหรัฐ) (92.6%)
จากตารางข้างต้นจะเห็นว่าพื้นที่ของเขตคันไซคิดเป็นร้อยละ 11.8 ของประเทศญี่ปุ่น สามารถสร้าง GDP ให้ประเทศญี่ปุ่นคิดเป็นร้อยละ 18.7 มีมูลค่า Gross Regional Product (GRP) ถึง 862 พันล้านเหรียญสหรัฐ (ในปี 2007)ด้วยเหตุที่ญี่ปุ่นมีระบบการเมืองที่มั่นคง ไม่มีความขัดแย้งภายในประเทศ ส่งผลให้การประกอบธุรกรรมในประเทศญี่ปุ่นมีความโปร่งใส และเอื้อประโยชน์ต่อการลงทุนทั้งจากภายในและนอกประเทศ รวมถึงมีปริมาณแรงงานฝีมือที่มีทักษะหลากหลายรูปแบบในบริเวณโดยรอบอีกจำนวนมากถึง 24 ล้านคน ทำให้เขตคันไซเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจญี่ปุ่น
1. โครงสร้างอุตสาหกรรม
ตั้งแต่ในอดีต เขตคันไซเป็นที่ตั้งของโรงงานอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก แต่ปัจจุบันนอกจากอุตสาหกรรมอื่นๆก็เติบโตเช่นเดียวกัน ในปี 2007 ได้มีการสำรวจว่าร้อยละ 22.5 ของ GRP ในเขตคันไซมาจากการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรม ร้อยละ 21.3 มาจากธุรกิจบริการ และร้อยละ 13 มาจากการขายส่ง และขายปลีกด้วย เมื่อพิจารณาปริมาณ สินค้าขาออกจากเขตคันไซแล้วจะพบว่าสินค้าส่งออกจากคันไซคิดเป็นร้อยละ 20.9 ของสินค้าส่งออกโดยรวมของประเทศญี่ปุ่น สินค้าส่วนใหญ่คือภาคสิ่งทอ สินค้าอิเลคโทรนิกส์ เครื่องจักร เคมีภัณฑ์ และผลิตภัณฑ์จากโลหะ ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่ใช่สินค้าขั้นพื้นฐานแต่เป็นสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มทั้งสิ้น
GRP ของเขตคันไซจำแนกตามรายอุตสาหกรรม (ข้อมูลปี 2007)
การผลิต ก่อสร้าง ค้าส่ง/ค้าปลีก การเงิน อสังหาริมทรัพย์ การขนส่ง / โทรคมนาคม บริการ อื่นๆ 22.5% 4.3% 13% 5.7% 12.7% 6.5% 21.3% 14% 2. การค้าระหว่างประเทศ
เขตคันไซตั้งอยู่ในบริเวณริมของทวีปเอเซียจึงมีการคมนาคมขนส่งสินค้าสะดวก จึงทำให้ปริมาณการค้ากับประเทศในแถบทวีปเอเซียมีจำนวนสูง ทั้งด้านการส่งออกและนำเข้า อีกทั้งเขตคันไซมีชื่อเสียงมายาวนานในชื่อของเมืองแห่งพ่อค้า ผู้คนในเขตคันไซมีจิตวิญญาณของการค้าขายอยู่ในสายเลือด เฉกเช่นผู้คนในอดีตกาล หากวิเคราะห์การส่งออกของเขตคันไซแล้วจะเห็นว่าสินค้าอิเลคโทรนิกส์ เครื่องจักรกล และอุปกรณ์การขนส่งจะมีสัดส่วนมากที่สุดคือร้อยละ 56.2 ของการส่งออกทั้งหมดซึ่งเป็นสินค้าอิเลคโทรนิกส์ถึง ร้อยละ 31.9 และเคมีภัณฑ์ ถึงร้อยละ 13 (ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบกับมูลค่าโดยรวมของญี่ปุ่นแล้วถือว่าสูงกว่าอย่างเห็นได้ชัด)
3. บริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในเขตคันไซ
จำนวนบริษัทข้ามชาติในคันไซมากกว่าครึ่งมีการลงทุนแบบ Foreign Direct Investment (FDI) ที่ประเทศในเอเซีย (ร้อยละ 30.3 ลงทุนที่ประเทศจีน ร้อยละ 23.3 ลงทุนในอาเซียน ร้อยละ 14.2 ลงทุนที่สหรัฐฯ และร้อยละ 13.2 ลงทุนที่ยุโรป) และเป็นที่สังเกตว่าบริษัทในเขตคันไซมีจำนวนการลงทุนในประเทศจีนสูงกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของประเทศญี่ปุ่น
4. Foreign Direct Investment ของต่างประเทศในเขตคันไซ
ในปัจจุบันการลงทุนของบริษัทต่างชาติในประเทศญี่ปุ่นมีความสะดวกขึ้นหลังจากการปรับเปลี่ยนแก้ไขกฎระเบียบต่างๆ ที่เอื้ออำนวยให้การดำเนินธุรกรรมโดยคนต่างชาติเป็นไปโดยง่าย รัฐบาลญี่ปุ่นและบริษัทชั้นนำต่างตระหนักในความสำคัญของธุรกรรมของบริษัทข้ามชาติในญี่ปุ่น จึงได้เปลี่ยนแปลงบทบาทและวัฒนธรรมทั้งหลายให้สอดคล้องกับกระแสของโลกที่เปลี่ยนไป จากจำนวนบริษัทข้ามชาติที่มีสำนักงานตั้งอยู่ในญี่ปุ่นจำนวน 3,099 บริษัท มีจำนวน 236 บริษัทที่มีสำนักงานใหญ่อยู่ในคันไซ หากวิเคราะห์ดูจะเห็นว่าบริษัทข้ามชาติในเขตคันไซจะมีความหลากหลายกระจายกันไป (ร้อยละ 44.9 จากยุโรป ร้อยละ 33.5 จากสหรัฐ) ต่างจากจำนวนรวมทั้งประเทศญี่ปุ่นซึ่งเน้นหนักที่บริษัทจากสหรัฐมากกว่า
รายชื่อบริษัทข้ามชาติที่ที่สำนักงานสาขาใหญ่ตั้งอยู่ในเขตคันไซ อาทิ Bayer AG, Cathay Pacific AirwaysLtd., Knauf International GmbH, AIG Group, Nestle S.A., Renault S.A., The Procter & Gamble Co., Merck & Co.,Inc. โดยลงทุนในกิจการต่างๆ เช่น การค้าส่งร้อยละ 18.3 เทคโนโลยีสารสนเทศ ร้อยละ 14.4 เคมีภัณฑ์ ร้อยละ 10.2 และ เครื่องจักร ร้อยละ 9.7 เป็นต้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครโอซากา
ที่มา: http://www.depthai.go.th