1.การส่งออกของญี่ปุ่นไปตลาดโลกเดือนธันวาคม 2553 เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวของปีที่แล้ว 13.0 % การส่งออกที่ขยายตัวต่อเนื่องทำให้ ปี 2553 ญี่ปุ่นได้ดุลการค้า 6.77 ล้านล้านเยน(ประมาณ 82 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ) ได้ดุลฯเพิ่มขึ้นจากที่แล้ว 153 % โดยส่งออกมูลค่า 67.4 ล้านล้านเยนเพิ่มขึ้นจากปี 2552 24.4 % นำเข้ามูลค่า 60.3 ล้านล้านเยน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 17.7 % ทั้งนี้ ญี่ปุ่นทำการค้ากับประเทศเอเชีย ถึง 51 % ของมูลค่าการค้ารวม ในจำนวนนี้จีนยังคงเป็นคู่ค้าสำคัญ อันดับ 1 ของญี่ปุ่น ที่มีมูลค่าการค้าคิดเป็นสัดส่วน 20.7 %
2. การผลิตภาคอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น เดือนธันวาคม 2553 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 3.1 % เพิ่มขึ้น 2 เดือน ติดต่อกันหลังจากที่ลดลงมา 5 เดือน
3. การใช้จ่ายของครัวเรือนญี่ปุ่น ที่มีสมาชิก 2 คนขึ้นไป เดือนธันวาคม 2553 มีมูลค่าเฉลี่ย 327,006 เยนต่อครัวเรือน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 3.3 % ลดลงต่ดเนื่องเป็นเดือนที่ 3 ส่วนตัวเลขเบื้องต้นของยอดการค้าปลีกเดือนธันวาคม 2553 มีมูลค่า 12.74 ล้านล้านเยน ลดลงจากเดือนเดียวกันของปีที่แล้ว 2.0 % อย่างไรก็ตาม การค้าเปลีกในญี่ปุ่นตลอดทั้งปี 2553 มีมูลค่า 135.67 เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ในอัตรา 2.5 %
4. กระทรวงเกษตรฯ ญี่ปุ่น จะจัดทำยุทธสาตร์เพื่อการเจริญเติบโตระยะยาวภายในเดือนมีนาคมนี้ เพื่อให้บริษัทในกระบวนการอาหารของญี่ปุ่นสามารถจำหน่ายในเอเชียเพิ่มขึ้น 2 เท่า เป็นประมาณ 2 ล้านล้านเยนภายในปี 2020 โดยจะช่วยเผยแพร่จุดเด่นของผู้ผลิตอาหารญี่ปุ่นซึ่งมี มาตรฐานด้านสุขอนามัยสูง และใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทันสมัย
5. รัฐบาลญี่ปุ่นมีแผนที่จะนำมาตรฐานการประหยัดพลังงานสำหรับมอเตอร์ ที่ใช้ในอุตสาหกรรม เช่น เครื่องปรับอากาศ เครื่องปั๊ม และเครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน มาใช้ในปีงบประมาณ 2012 (ตั้งแต่เดือนเมษายน 2555) มาตรฐานดังกล่าวจะช่วยลดปริมาณก๊าซเรือนกระจก ลงได้ 5 ล้านตันต่อปี หรือ 0.4 % ของปริมาณก๊าซเรือนกระจกของทั้งประเทศ
กระทรวง METI ของญี่ปุ่นจะเสนอเรื่องขอเพิ่มมอเตอร์เข้าไปใน รายการผลิตภัณฑ์ที่ต้องได้มาตรฐานการประหยัดพลังงาน ต่อ คณะกรรมการที่ปรึกษาสำหรับทรัพยากรธรรมชาติและพลังงาน เพื่อพิจารณาตัดสินภายในเดือนมกราคม 2555
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th