ภาวะการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็กและสถานการณ์เศรษฐกิจของเช็ก ในช่วงปี 2553 (มกราคม — ธันวาคม)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 3, 2011 14:36 —กรมส่งเสริมการส่งออก

          1. มูลค่าการค้ารวม          จำนวน 1,263.5 ล้านเหรียญสหรัฐ  เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 32.14

2. มูลค่าการส่งออกจากไทย จำนวน 1,135.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.37 (เป้าหมายปี 2553 ร้อยละ 20) และนับเป็นครั้งแรกที่มูลค่าการค้าระหว่างไทยกับสาธารณรัฐเช็กมีหลักเป็นพันล้านเหรียญสหรัฐ

          3. มูลค่าการนำเข้า          จำนวน 128.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 29.97

4. ไทยเป็นฝ่ายได้ดุลการค้า จำนวน 1,006.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.68

5. สัดส่วนการส่งออก : การนำเข้า เท่ากับร้อยละ 89 : 11

6. โครงสร้างสินค้าส่งออกของไทยในสาธารณรัฐเช็ก ปี 2553 :

          - ร้อยละ 41.06            เครื่องรับวิทยุโทรทัศน์และส่วนประกอบ
                                   มูลค่า  466.0  ล้านเหรียญสหรัฐ           เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.08
          - ร้อยละ 35.53            เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
                                   มูลค่า  403.3  ล้านเหรียญสหรัฐ           เพิ่มขึ้นร้อยละ 31.28
          - ร้อยละ 3.12             เครื่องวีดิโอ เครื่องเสียง อุปกรณ์และส่วนประกอบ
                                   มูลค่า  35.4  ล้านเหรียญสหรัฐ            เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.33
          - ร้อยละ 2.75             หม้อแปลงไฟฟ้าและส่วนประกอบ
                                   มูลค่า  31.2  ล้านเหรียญสหรัฐ            เพิ่มขึ้นร้อยละ 101.25
          - ร้อยละ 2.05             ทองแดงและของทำด้วยทองแดง
                                   มูลค่า  23.3  ล้านเหรียญสหรัฐ            เพิ่มขึ้นร้อยละ 108.75
          - ร้อยละ 1.56             เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ
                                   มูลค่า  17.8 ล้านเหรียญสหรัฐ             เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.36
          - ร้อยละ 1.14             รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ
                                   มูลค่า  13.0 ล้านเหรียญสหรัฐ             ลดลงร้อยละ 23.26
          - ร้อยละ 0.96             อุปกรณ์กึ่งตัวนำทรานซิสเตอร์และไดโอด
                                   มูลค่า 10.9 ล้านเหรียญสหรัฐ              เพิ่มขึ้นร้อยละ 58.98
          - ร้อยละ 0.91             เครื่องอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับจุดระเบิดเครื่อง
                                   มูลค่า 10.3 ล้านเหรียญสหรัฐ              เพิ่มขึ้นร้อยละ 164.06
          - ร้อยละ 0.90             แผงวงจรไฟฟ้า
                                   มูลค่า 10.2 ล้านเหรียญสหรัฐ              ลดลงร้อยละ 18.18

สำหรับสินค้ารายการอื่นๆ ที่มีมูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้น ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรม (เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.96) ผลิตภัณฑ์ยาง (เพิ่มขึ้นร้อยละ 61.34) ข้าว (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.76) อัญมณีและเครื่องประดับ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 21.86) อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป (เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.77) เป็นต้น

7. สินค้าสำคัญของไทยที่มีส่วนแบ่งตลาดสูงในสาธารณรัฐเช็ก : (ข้อมูลเดือนมกราคม- พฤศจิกายน 53)

          สับประรดกระป๋อง                  ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          70.00          อันดับ          1
          เครื่องประดับเงิน                  ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          31.85          อันดับ          1
          ข้าว                            ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ           9.10          อันดับ          2
          ชิ้นส่วนโทรทัศน์                    ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          18.12          อันดับ          2
          อุปกรณ์และชิ้นส่วนเครื่องเสียง วีดิโอ           ”                 11.39          อันดับ          2
          ยางธรรมชาติ                     ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          29.29          อันดับ          2
          ผลิตภัณฑ์ยางเพื่อสุขอนามัย                   ”                 17.58          อันดับ          2
          ถุงมือยาง                        ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          25.61          อันดับ          2
          ปลากระป๋อง                      ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          12.03          อันดับ          3
          อาหารทะเลกระป๋อง/แปรรูป          ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          16.31          อันดับ          3
          เครื่องประดับเทียม                 ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ          18.71          อันดับ          3
          เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์ฯ          ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ           8.90          อันดับ          4
          เครื่องตกแต่งที่ทำด้วยไม้             ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ           4.02          อันดับ          5
          เครื่องใช้ในครัวที่ทำด้วยไม้           ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ           1.68          อันดับ          6

สำหรับสินค้าอื่นๆ ที่มีการส่งออกมาบ้างแต่ยังมีสัดส่วนน้อยในตลาด ได้แก่ ผ้า/เสื้อผ้า (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 0.70/อันดับที่ 21) เฟอร์นิเจอร์ (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 0.12/อันดับที่ 37) เซรามิค (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 0.34/อันดับที่ 21) ชิ้นส่วนยานยนต์ (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 0.36 อันดับที่ 19) ยานยนต์ (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 0.74/อันดับที่ 12) พลาสติก (ส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 0.23/อันดับที่ 25) เป็นต้น

8.โครงสร้างสินค้านำเข้าจากเช็ก ปี 2553 :

          - ร้อยละ 27.85          เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ
                                 มูลค่า35.8 ล้านเหรียญสหรัฐ          เพิ่มขึ้นร้อยละ 239.21
          - ร้อยละ 19.59          เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ
                                 มูลค่า 25.2 ล้านเหรียญสหรัฐ         เพิ่มขึ้นร้อยละ 41.83
          - ร้อยละ 10.43          นมและผลิตภัณฑ์นม
                                 มูลค่า 13.4 ล้านเหรียญสหรัฐ         เพิ่มขึ้นร้อยละ 105.93
          - ร้อยละ 8.63           ยุทธปัจจัย
                                 มูลค่า 11.1 ล้านเหรียญสหรัฐ         เพิ่มขึ้นร้อยละ 15.78
          - ร้อยละ 5.35           ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์
                                 มูลค่า 6.9 ล้านเหรียญสหรัฐ          เพิ่มขึ้นร้อยละ 370.10
          - ร้อยละ 4.23           ผลิตภัณฑ์โลหะ
                                 มูลค่า 5.4 ล้านเหรียญสหรัฐ          เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.07

สำหรับสินค้ารายการอื่นๆที่มีมูลค่าการนำเข้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ เครื่องใช้และเครื่องตกแต่งภายในบ้านเรือน (เพิ่มขึ้นร้อยละ 193.26) ด้ายและเส้นใย (เพิ่มขึ้นร้อยละ 112.58) เป็นต้น

9.การส่งออกสินค้าจากไทยมายังสาธารณรัฐเช็ก เปรียบเทียบกับประเทศต่างๆในภูมิภาค :

  • จากสถิติการส่งออกสินค้าของไทย จำแนกรายประเทศ ปี 2553 (มกราคม — ธันวาคม) พบว่า ไทยส่งออกมายังสาธารณรัฐเช็กมีมูลค่า 1,134.97 ล้านเหรียญสหรัฐ มากเป็นอันดับที่ 29 ของการส่งออกของไทยไปยังประเทศต่างๆในโลก สถิติดังกล่าวปรับตัวจากปี 2549 ซึ่งไทยส่งออกมายังเช็กเป็นลำดับที่ 42 มูลค่า 352.30 ล้านเหรียญสหรัฐ, ปี 2550 เป็นลำดับที่ 39 มูลค่า 527.0 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 49.60, ปี 2551 ลำดับที่ 38 มูลค่า 606.15 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 15.01 และปี 2552 ลำดับที่ 29 มูลค่า 857.43 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.46 ซึ่งเป็นที่น่าสังเกตว่า ในปี 2552 มูลค่าการส่งออกของไทยมายังภูมิภาคยุโรปมีอัตราลดลงเกือบทุกประเทศ แต่กลับขยายตัวถึงร้อยละ 41.46 ในสาธารณรัฐเช็ก และในปี 2553 การขยายตัวเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 32.37 (เป้าหมายตั้งไว้ที่ร้อยละ 20)
  • ภูมิภาคยุโรปตะวันออก : ในปี 2553 ไทยส่งออกมายังยุโรปตะวันออก ( 17 ประเทศ) มูลค่า 3,314.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.71 โดยส่งออกมายังสาธารณรัฐเช็กมากเป็นอันดับ 1 มูลค่า 1,135.0 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 32.37 จากปี 2552 สัดส่วนร้อยละ 34.24 รองลงมาได้แก่ รัสเซีย (มูลค่า 771.2 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 23.27) โปแลนด์ (มูลค่า 534.3 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 16.12 ) ฮังการี (มูลค่า 375.5 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 11.33) สโลวัก (มูลค่า 173.1 ล้าน
เหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 5.22) โรมาเนีย (มูลค่า 113.3 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 3.42) ยูเครน (มูลค่า 106.0 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 3.2) และอื่นๆ (มูลค่า 106.3 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 3.2)
  • สหภาพยุโรป (EU 27) : สาธารณรัฐเช็กเป็นสมาชิกของสหภาพยุโรป เมื่อปี 2547 ในปี 2553 ไทยส่งออกมายังสหภาพยุโรป มีมูลค่า 21,814.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 20.17 โดยส่งออกมายังสหราชอาณาจักรมากเป็นอันดับ 1 มูลค่า 3,658.49 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 16.77 รองลงมาได้แก่ เนเธอร์แลนด์ (มูลค่า 3,643.9 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 16.70), เยอรมนี (มูลค่า 3,302.16/สัดส่วนร้อยละ 15.13), ฝรั่งเศส (มูลค่า 1,761.2 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 8.07), อิตาลี (มูลค่า 1,708.21 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 7.83), เบลเยี่ยม (มูลค่า 1,510.76 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 6.93) และส่งออกมายังสาธารณรัฐเช็ก เป็นอันดับ 7 มูลค่า 1,135.0 ล้านเหรียญสหรัฐ/สัดส่วนร้อยละ 5.20 (เพิ่มขึ้นจากที่มีสัดส่วนร้อยละ 4.7 ในปี 2552)

10. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของสาธารณรัฐเช็ก ปี 2553 :

สาธารณรัฐเช็ก เริ่มฟื้นตัวจากภาวะวิกฤติเศรษฐกิจอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไตรมาสที่สามของปี โดย มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 2.3 ในไตรมาสที่ 2 เป็นร้อยละ 2.8 ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมและการค้า ในขณะที่ภาคเกษตรยังคงชลอตัวอย่างต่อเนื่อง จากสาเหตุดินฟ้าอากาศปรวนแปร ทำให้พืชผลทางการเกษตรเสียหายเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจ ได้บ่งบอกว่า เศรษฐกิจของเช็กจะดีขึ้นเรื่อยๆในไตรมาสที่ 4 จนถึงต้นปี 2554

ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2553 เช็กมีการลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ (solar power) เพิ่มขึ้นมากที่สุด ซึ่งนักการธนาคารคาดการณ์ว่าผลจากการลงทุนดังกล่าวจะทำให้ตัวเลข GDP ของเช็กสูงตามไปด้วย

สำหรับการคาดการณ์เศรษฐกิจในปี 2554 ยังมีความเห็นที่ขัดแย้งกันระหว่างสถาบันการเงิน และนักเศรษฐศาสตร์ โดย ธนาคารแห่งประเทศเช็ก (The CNB ) ได้ปรับลดอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจปี 2554ลง จากร้อยละ 1.8 เป็นร้อยละ 1.2 ,สถาบันระหว่างประเทศบางแห่งเห็นว่า มีความเป็นไปได้ที่จะเป็นร้อยละ 3 ในขณะที่นักการธนาคารเห็นด้วยกับตัวเลขที่อยู่ระหว่างกลาง คือร้อยละ 1.8 ตามที่ได้เคยคาดการณ์ไว้ ปัจจัยสำคัญของความคิดเห็นที่แตกต่างกันมาจากการกำหนดมาตรการทางการเงินของรัฐบาลในส่วนที่เกี่ยวกับการใช้จ่ายภาคเอกชนกับการลงทุนของรัฐ ซึ่งนักการธนาคารเห็นว่ามาตรการดังกล่าวจะส่งผลทำให้ GDP growth ในปี 2554 ลดลงประมาณร้อยละ 0.2 — 0.3

นอกจากนี้ ราคาสินค้าก็เป็นปัจจัยสำคัญอีกประการหนึ่ง หากมาตรการปรับค่าไฟฟ้าผ่านความเห็นชอบของวุฒิสภา ก็จะทำให้ค่าไฟฟ้าตั้งแต่เดือนมกราคม 2554 เพิ่มสูงขึ้นอีกประมาณร้อยละ 4.6 ซึ่งแน่นอนว่าราคาสินค้าโดยเฉพาะสินค้าอาหารก็จะเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย ทั้งนี้ เช็กเพิ่งปรับเพิ่ม VAT และภาษีสรรพสามิต มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2553 เป็นต้นมา

การจัดลำดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน

จากการจัดลำดับความน่าเชื่อถือ — Long —term foreign currency credit rating พบว่า

          Moody’s                จัดให้สาธารณรัฐเช็กอยู่ในระดับ                    A 1 stable
          S&P                    จัดให้สาธารณรัฐเช็กอยู่ในระดับ                    A positive
          Fitch                  จัดให้สาธารณรัฐเช็กอยู่ในระดับ                    A + positive

การวิเคราะห์จุดแข็ง — จุดอ่อน ของสาธารณรัฐเช็ก

นักเศรษฐศาสตร์/นักการธนาคาร ได้วิเคราะห์จุดแข็ง-จุดอ่อน ของสาธารณรัฐเช็ก เพื่อประโยชน์ทางการค้าและการลงทุนไว้ ดังนี้

  • จุดแข็ง : การบริหารจัดการเกี่ยวกับการเงินของรัฐอยู่ในระดับที่น่าพอใจ

นโยบายที่เข้มงวดเกี่ยวกับความมั่นคงทางการเงินของรัฐบาล

ภาคการเงินมีความอ่อนไหวในระดับต่ำ

  • จุดอ่อน : การเข้มงวดทางการเงินจะส่งผลให้อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจชลอตัวลง

ในปี 2554

แนวความคิดเรื่องการปฎิรูปเชิงโครงสร้างยังไม่เป็นรูปธรรม

การลงทุนในธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์สิ้นสุดเร็วเกินไป

ตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจที่สำคัญ (ข้อมูลจากสถาบันการเงิน)

                                        ปี 2552             ปี 2553 (E)          ปี 2554 (F)
          GDP (พันล้านยูโร)                 137.1                 145.8                156.3
          ประชากร (ล้านคน)                 10.5                  10.5                 10.5
          GDP per capita (ยูโร)          13,069                13,860               14,825
          GDP growth (%)                  -4.1                   2.3                  1.8
          การส่งออก (ขยายตัวร้อยละ)         -10.8                  13.0                 10.2
          การนำเข้า (ขยายตัวร้อยละ)         -10.6                  12.8                  8.6
          CPI (เฉลี่ย , %)                   1.0                   1.4                  2.1
          อัตราการว่างงาน(%)                 8.1                   9.0                  8.7
          ดุลบัญชีงบประมาณ(% ของ GDP)        -5.8                  -5.0                 -4.5
          FDI สุทธิ (พันล้านยูโร)               2.0                   5.9                  6.1
          FDI ( % ของ GDP)                 1.4                   4.1                  3.9
          อัตราแลกเปลี่ยนเงินสกุล USD/CZK     18.96                 19.02                18.11
          EUR/CZK                        26.43                 25.30                24.40

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงปราก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ