กระทรวงการค้าสหรัฐฯประกาศตัวเลขการค้าปลีกอัญญมณีของสหรัฐฯในปี ๒๕๕๓ ว่ามีมูลค่าถึง ๖๓.๔ พันล้านเหรียญฯ โดยมีอัตราการเจริญเติบโต ๗.๗% จากปี ๒๕๕๒ และเป็นการเพิ่มขึ้นสูงสุดนับแต่ปี ๒๕๔๒ แต่ทั้งนี้ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากเศรษฐกิจถดถอยในปี ๒๕๕๒ ที่ทำให้การค้าในปีนั้นตกลงมาก
ด้านนักวิเคระห์จากบริษัท Brassem Global Consulting ให้ความเห็นว่า การค้าอัญญมณี มองไปข้างหน้าก็ยังหนักหนาสาหัสอยู่ และให้คำ ๔ คำเป็นตัวแทนอธิบายถึงอัญญมณีในปี ๒๕๕๓ ดังนี้
๑) Social
ในปีที่ผ่านมาถือเป็นการปฏิวัติขนานใหญ่ของการใช้สื่อแบบ Digital ที่เรียกกันว่า "Social Media" ซึ่งใช้เทคโนโลยีแบบใหม่ที่ทำให้การโฆษณาและการเผยแพร่ข้อมูลแบบเดิมๆ เช่นในหนังสือพิมพ์ นิตยสาร หรือแม้แต่โทรทัศน์เป็นเรื่องล้าสมัย
Facebook เป็น Social Media ที่กำลังมาแรง ด้วยมูลค่าถึง ๕๐ พันล้านเหรียญฯในปีที่ผ่านมา
ในปี ๒๕๕๔ การใช้ Social Media ในวงการธุรกิจเป็นเรื่องที่ต้องจับตาอย่างใกล้ชิด
๒) International
การค้าระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ โลกาภิวัฒน์ อินเตอร์เนท การแข่งขัน การลดส่วนต่างกำไร ฯลฯ ล้วนแต่ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีส่วนในการกระตุ้นให้วงการอัญญมณีต้องมองออกไปนอกประเทศสหรัฐฯ เพื่อให้สามารถทำกำไร และเติบโตในธุรกิจได้
ในปี ๒๕๕๓ เจ้าของธุรกิจรายย่อยล้วนต้องหันไปทำตามอย่างพวกรายใหญ่ เช่น ร้านค้าปลีกรายใหญ่, e-tailers และ ห้างสรรพสินค้า ทำกันมานับสิบปีแล้ว คือ การซื้อดีไซน์นับหมื่นๆจากทั่วโลก และการออกไปหาซื้อสินค้าจากแหล่งต่างๆทั่วโลก ซึ่งทำให้ได้ประโยชน์ในการลดต้นทุนอย่างมาก
๓) Silver
เป็นที่คาดกันว่า ไม่ว่าราคา Silver จะผันผวนเช่นไร แต่แนวโน้มความนิยมใน Silver Jewelry จะยังคงครองใจผู้บริโภคต่อไปอีกหลายปี โดยเฉพาะสถานการณ์เศรษฐกิจที่มีผลต่อค่าครองชีพ และราคาทองที่พุ่งพรวดขึ้นไปจนเกินกว่ากำลังซื้อของผู้บริโภคบางกลุ่ม ทำให้ความต้องการ Silver Jewelry สูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในปีที่ผ่านมา จนมีกลุ่มผู้ค้า Commodities เริ่มชักชวนให้ลูกค้าหันมาซื้อ Silver เป็น Commodityในการเก็งกำไร แต่ก็ต้องระวังว่า เมื่อใดที่เงินดอลล่าร์สหรัฐฯแข็งค่าขึ้นมา จะมีผลทำให้ราคา Commodities เหล่านี้ตกฮวบลงได้
๔) Sales
ตัวเลขการค้าปลีกอัญญมณีในปีที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นอย่างน่าพอใจ ถึงแม้จะมี พายุหิมะใหญ่กระหน่ำในช่วงเทศกาลคริสมาสต์และปีใหม่ ซึ่งเป็นช่วงที่ขายดีที่สุด ก็ตาม
สรุป
ถึงแม้เศรษฐกิจจะยังไม่ฟื้นตัวเต็มที่ การว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาเรื่องการเก็บภาษี การเมืองที่ยังไม่นิ่ง แต่ปัจจัยด้านลบเหล่านี้ไม่ได้มีผลกระทบมากต่อการค้าปลีกอัญญมณีในปี ๒๕๕๓ ซึ่งปิดตัวลงอย่างสวยงาม และการที่ผู้ประกอบการธุรกิจปรับตัวในเรื่องต้นทุน ความหลากหลายของสินค้าและดีไซน์ การใช้ Social Media และการแสวงหาแหล่งอุปทานสินค้าใหม่ๆ จะยังคงทำให้การค้าอัญญมณีเพิ่มขึ้นต่อไป ในปี ๒๕๕๔
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก
ที่มา: http://www.depthai.go.th