ตลาดสินค้าของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านในสหราชอาณาจักร

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday February 10, 2011 14:03 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. ภาพรวมตลาด

ตลาดของใช้/ของตกแต่งบ้าน (homeware) ในสหราชอาณาจักรในปี 2553 คาดว่าจะหดตัวเนื่องจากผลกระทบของเศรษฐกิจตกต่ำ (recession) ในปี 2552 ยังคงมีอยู่ แม้ว่าเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรหลุดพ้นจากภาวะถดถอยและเริ่มฟื้นตัวเมื่อต้นปี 2553 โดยมีอัตราการขยายตัวเป็นบวกในไตรมาสที่ 1 , 2 และ 3 ของปี 2553 ต่อเนื่องกัน แต่ในไตรมาสที่ 4 อัตราการขยายตัวกลับติดลบที่ร้อยละ 0.5 นอกจากนี้ เสถียรภาพทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรยังคงเปราะบาง โดยจำนวนผู้ว่างงานและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูง ปัญหาหนี้สาธารณะที่สูงมาก ทำให้รัฐบาลต้องดำเนินมาตรการปรับลดรายจ่ายภาครัฐและขึ้นภาษีครั้งใหญ่ โดยเมื่อต้นปี 2554 รัฐบาลได้ปรับเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มจากเดิมร้อยละ 17.5 เป็นร้อยละ 20 ทำให้อัตราเงินเฟ้อซึ่งอยู่ในระดับสูง มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ผู้บริโภคจึงยังคงจำเป็นต้องรัดเข็มขัดและตัดค่าใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือย ส่งผลให้สภาพเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรในขณะนี้เป็น stagflation คือ ชะงักงันประกอบกับมีเงินเฟ้อสูง สำหรับปี 2554 คาดว่าจะไม่ดีขึ้น สภาวะเศรษฐกิจส่งผลกระทบไปยังธุรกิจการตกแต่งที่อยู่อาศัยใหม่ๆ ซึ่งถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในหมวดสินค้าของตกแต่งบ้าน รวมทั้งผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการปรับปรุงที่อยู่อาศัยลดน้อยลง

ในส่วนของตลาดสินค้าของขวัญ ซึ่งการขยายตัวนั้นพึ่งพานักท่องเที่ยวเป็นหลัก จากการที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงมาก ทำให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาจับจ่ายซื้อสินค้าในสหราชอาณาจักรเป็นจำนวนมาก ซึ่งมีส่วนช่วงผยุงดีมานด์ ตลาดสินค้าของขวัญจึงคาดว่าจะยังคงสามารถขยายตัวได้ อย่างไรก็ดี ท่ามกลางสภาวะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง ทำให้ผู้บริโภคชาวอังกฤษเองยังจำเป็นต้องใช้จ่ายอย่างประหยัด ราคาจึงเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกซื้อสินค้า

2. การผลิต

2.1 อุตสาหกรรมเซรามิกเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมการผลิตดั้งเดิมของสหราชอาณาจักร และเคยเป็นอุตสาหกรรมที่มีสัดส่วนต่อจีดีพีสูงสุด ผลิตภัณฑ์เซรามิกของสหราชอาณาจักรมีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับทั่วโลกทั้งในแง่ของคุณภาพและการออกแบบ บางแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในปัจจุบันก่อตั้งมาตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 1700 ผู้ผลิตรายใหญ่กระจุกตัวในย่าน Stoke-on-Trent (หรือที่เรียกว่า the Potteries) ทั้งนี้ ผู้ผลิตรายย่อยจะกระจายไปทั่วประเทศ ในช่วงต้นปี ค.ศ. 2000 อุตสาหกรรม เซรามิกของ สหราชอาณาจักรเริ่มได้รับผลกระทบอย่างหนักจากผลิตภัณฑ์นำเข้าจากต่างประเทศที่มีราคาถูกกว่ามาก โดยเฉพาะจากจีน เนื่องจากค่าแรงที่ต่ำกว่ามาก ส่งผลให้หลายบริษัทต้องปิดโรงงานและย้ายฐานการผลิตไปนอกประเทศ ยกตัวอย่างเช่น บริษัทที่มีชื่อเสียงทั่วโลก เช่น Royal Doulton (ประกอบด้วย 3 แบรนด์ คือ Royal Doulton, Royal Albert และ Minton) ได้ย้ายโรงงานผลิตแบลนด์ Royal Albert ไปตั้งอยู่ที่อินโดนีเซียตั้งแต่ปี 2002 แบรนด์ดังอื่นๆ ได้แก่ Waterford Wedgwood ก็ย้ายฐานการผลิตบางส่วนไปจีนตั้งแต่ปี 2003 ล่าสุด ในปี 2009 อุตสาหกรรมเซรามิกของสหราชอาณาจักรได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตทางการเงิน ที่ทำให้ Wedgwood ล้มละลาย และบริษัทอเมริกันได้ซื้อกิจการไป British Ceramics Confederation ประเมินว่า ผู้ผลิตเครื่องใช้บนโต๊ะอาหาร รูปปั้นและของประดับอื่นๆที่เป็นเซรามิกในสหราชอาณาจักรมีประมาณ 400 ราย โดย 40 รายทำการค้าระหว่างประเทศ อย่างไรก็ดี ตัวเลขดังกล่าวยังไม่รวมผู้ผลิตรายย่อย

3. การนำเข้า

การจำแนกประเภทสินค้า

สินค้าของขวัญ ของใช้/ของตกแต่งบ้านแบ่งแยกตามการใช้งาน ดังนี้

  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทไม้ : หมวดสินค้า 4420 4419 4414
  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทแก้วและกระจก : หมวดสินค้า 7013 7009 7018
  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทเซรามิก : หมวดสินค้า 6912 6911 6913
  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทผ้า : หมวดสินค้า 6302 6303 6304 6301
  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทโลหะจำพวกเหล็ก อะลูมิเนียม ทองแดง โลหะสามัญ : หมวดสินค้า 7323 7418 7615 8306
  • อุปกรณ์รับประทานอาหารจำพวกช้อน ส้อม มีด : หมวดสินค้า 8211 8215
  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทพลาสติก : หมวดสินค้า 3924
  • ของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านอื่นๆ : หมวดสินค้า 330499 420231 420232 420239 950510 3301 3406 6702

1.1 การนำเข้าจากทั่วโลก

ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2553 สหราชอาณาจักรนำเข้าสินค้าของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านจากทั่วโลกมูลค่ารวมประมาณ 5,664.15 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.07 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการนำเข้าเพิ่มขึ้นในทุกหมวดสินค้า ทั้งนี้ ปัจจัยหลัก คือ การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหราชอาณาจักรในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2553 และการอ่อนค่าลงของเงินปอนด์ที่ส่งผลกระทบต่อจำนวนนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาสหราชอาณาจักรเพื่อจับจ่ายมากขึ้น ในส่วนของส่วนแบ่งตลาด จีนยังคงครองตลาดอันดับหนึ่ง ในเกือบทุกหมวดสินค้า เนื่องจากมีความได้เปรียบด้านต้นทุนทำให้สามารถแข่งขันด้านราคา

1.2 การนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย

ในช่วง 11 เดือนแรกของปี 2553 สหราชอาณาจักรนำเข้าสินค้าของขวัญ ของใช้/ของตกแต่งบ้านจากประเทศไทยมูลค่ารวมทั้งสิ้นประมาณ 129.17 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยสินค้านำเข้าจากไทยมูลค่าสูงเป็นอันดับ 1 คือ ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว สบู่ ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวทำจากพลาสติก ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวหรือในส่วนอื่นๆของบ้านเรือนทำด้วยอะลูมิเนียม ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวหรือในส่วนอื่นๆของบ้านเรือนทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า กรอบรูป/กรอบกระจก/กรอบภาพประเภทไม้ ตามลำดับ ทั้งนี้ การนำเข้าสินค้าในหมวดของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านจากไทยลดลงหลายรายการ ยกเว้น สินค้าบางรายการที่มีการขยายตัวของการนำเข้าเพิ่มขึ้น ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า สินค้าเหล่านี้เป็นสินค้าที่ไทยมีศักยภาพในการแข่งขันท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหราชอาณาจักร ดังนี้

  • ผลิตภัณฑ์บำรุงผิว
  • สบู่
  • ของใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัวทำด้วยพลาสติก
  • ของใช้บนโต๊ะอาหาร ในครัวหรือในส่วนอื่นๆของบ้านเรือน ทำด้วยเหล็กหรือเหล็กกล้า / ทองแดง /อะลูมิเนียม และโลหะสามัญ
  • ของใช้/ของตกแต่งบ้านประเภทเซรามิก
  • งานฝังไม้/รูปแกะสลักไม้
  • เครื่องแก้วชนิดที่ใช้บนโต๊ะอาหาร/ในครัว
  • ของใช้ในเทศกาลคริสต์มาส

ปัจจุบัน สหราชอาณาจักรเป็นตลาดส่งออกใหญ่เป็นอันดับ 1 ของไทยสำหรับผลิตภัณฑ์บำรุงผิวหน้า/แต่งหน้า เป็นตลาดส่งออกอันดับ 1 ของไทยสำหรับสบู่ และเป็นตลาดส่งออกอันดับ 2 ของไทยสำหรับเครื่องใช้บนโต๊ะอาหารในครัวและบ้านเรือน

2. ช่องทางนำเข้าและจำหน่ายสินค้า

2.1 Independent stores สามารถพบได้ในแต่ละเมืองในสหราชอาณาจักร แต่ละร้านมีสินค้าและรูปแบบที่แตกต่างกันออกไป ร้านค้าเหล่านี้มีการรวมกลุ่มกันผ่าน BHF-BSSA Group (BSSA-British Shops and Stores Association) ซึ่งทำให้เกิดกำลังการต่อรองจากผู้ผลิต ร้านค้าเอกชนเหล่านี้ประมาณว่ามีจำนวนกว่า 1,000 ร้านทั่วสหราชอาณาจักร ซึ่งมักเป็นร้านค้าเก่าแก่ที่ตั้งมานานอยู่ในแต่ละเมือง ร้านค้าเหล่านี้มักประสพปัญหาภาวการณ์แข่งขันกับห้างสรรพสินค้าที่มีสาขาในแต่ละเมืองและมีการขายสินค้าที่ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ปัจจุบัน ร้านค้าประเภท Fair Trade Shops มีการขยายตัวมาก โดยมีการรวมกลุ่มผ่าน British Association for Fair Trade Shops ร้านค้าเหล่านี้นำเข้าสินค้าหัตถกรรมจากแหล่งต่างๆทั่วโลก โดยที่มีส่วนแบ่งตลาดสำคัญ ได้แก่ Shared Earth (www.sharedearth-trade.co.uk) ; Namaste ( http://www.namaste-uk.com/)

2.2 Specialized store chains : ร้านค้าที่จำหน่ายของใช้ในบ้านโดยเฉพาะ (Houseware specialized store chains) ซึ่งมีจำนวนน้อย ร้านค้าที่เป็นที่รู้จักดีได้แก่ Cargo Homeshop; Lakeland, Chinacraft และ Steamer Trading Cookshops และร้านค้าปลีกเฟอร์นิเจอร์และของใช้ในบ้าน ได้แก่ Habitat ; Heal’s และ IKEA

2.3 เครือซุปเปอร์มาเก็ต mainstream ซึ่งนอกเหนือไปจากสินค้าจำพวกอาหารแล้ว เครือซุปเปอร์มาร์เกตขนาดใหญ่ขายสินค้า non-food ด้วย ได้แก่ เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้า เสื้อผ้า เครื่องสำอาง น้ำหอม เครื่องประดับ กระเป๋า/รองเท้า ได้แก่ Tesco; Sainsbury’s; Asda

2.4 ห้างสรรพสินค้า ซึ่งส่วนใหญ่นำเข้าสินค้าเอง โดยมีแผนกจัดซื้อพร้อม buyers สำหรับแต่ละกลุ่มสินค้าโดยเฉพาะ ซึ่ง buyers เหล่านี้ มีอำนาจในการตัดสินใจเลือกและสั่งซื้อสินค้า โดยห้างชั้นนำ ได้แก่ Harrods; Selfridges; Liberty; John Lewis; Mark & Spencer; House of Fraser; Debenhams เป็นต้น

2.5 เครือร้านค้าปลีกขนาดใหญ่ ได้แก่ Argos ซึ่งเป็นผู้นำตลาด โดย Argos เป็นบริษัทในเครือของ Home Retail Group เครือค้าปลีกรายใหญ่ที่สุดในสหราชอาณาจักรและไอร์แลนด์ มีร้านค้ากว่า 700 แห่ง ขายสินค้าผ่าน catalogue (catalogue retailer) โดยไม่มีการโชว์สินค้าหน้าร้าน ลูกค้าสามารถสั่งซื้อทาง on-line หรือซื้อที่ร้านเองก็ได้

2.6 ตัวแทนนำเข้าและจัดจำหน่าย (agents/distributors) ปัจจุบันบริษัทตัวแทนนำเข้ามีบทบาทสำคัญมากขึ้น Design Centre ณ Chelsea Harbour ซึ่งเป็นศูนย์รวม showroomsสินค้าของตกแต่งบ้านที่เน้นการออกแบบและคุณภาพสูงระดับ premium นอกจากจะขายสินค้าที่ออกแบบโดยเจ้าของร้านแล้ว ส่วนใหญ่ยังรับเป็น showroom และ distributor ให้แก่ผู้ผลิตสินค้าของตกแต่งบ้านชั้นนำในต่างประเทศด้วย

2.7 การซื้อสินค้าทาง on-line การซื้อสินค้ารวมทั้งของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านผ่านอินเตอร์เน็ตเป็นที่นิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก ในปี 2008 ยอดขายสินค้าทางอินเตอร์เน็ตอยู่ที่ 42 พันล้านปอนด์ และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 72 พันล้านปอนด์ในปี 2010

3. พฤติกรรมผู้บริโภค

ผู้บริโภคชาวอังกฤษชมชอบสินค้าที่มีความคิดสร้างสรร สินค้าที่มีความแปลกใหม่ มีการออกแบบเรียบง่าย ใช้งานทนทาน ใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly) หากเป็นสินค้าน่าเข้าจากประเทศกำลังพัฒนา ก็จะให้ความส่าคัญกับประเด็นว่าสินค้านั้นได้ให้ราคาที่เป็นธรรมแก่ผู้ผลิตหรือไม่ (fair trade)

4. แนวโน้มตลาด

นิตยสาร Gift Focus ซึ่งเป็นนิตยสารชั้นนำในสหราชอาณาจักร คาดการณ์ว่า แนวโน้มสินค้าของขวัญที่ขายดีสำหรับปี 2009/2010 คือ เทียนหอม ทั้งนี้ เนื่องจากเทียมหอมมีราคาไม่แพงและเป็นสินค้าที่ทำให้รู้สึกดี (‘feel good’) แก่ผู้ได้รับ ทำให้ผู้บริโภคซึ่งจำเป็นต้องรัดเข็มขัด ยังสามารถให้ของขวัญในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆได้ ในส่วนของรูปแบบสินค้า เทียนหอมในภาชนะแก้วมีแนวโน้มได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับวัสดุที่ใช้ แนวโน้มเป็นวัสดุเทียนไขจากธรรมชาติมากขึ้น เช่น ถั่วเหลือง ขี้ผึ้ง (ทั้งนี้ หากเป็นน้ำมันปาล์ม แม้ว่าจะเป็นวัสดุจากธรรมชาติแต่ผู้บริโภคกลับไม่นิยม เพราะมองว่าวัสดุดังกล่าวเชื่อมโยงกับการทำลายป่าในอินโดนีเซียเพื่อปลูกปาล์มน้ำมัน) อย่างไรก็ดี paraffin candles ก็ยังได้รับความนิยมมากที่สุด สำหรับกลิ่น แนวโน้มปี 2010 นิยมกลิ่นดอกไม้ ต้นไม้ เช่น วานิลลา ลาเวนเดอร์ orange blossom และ magnolia มากกว่ากลิ่นหวานๆแบบขนม นอกจากนี้ สีของเทียนหอมก็มีความสำคัญเน้นสีตามแฟชั่นของตกแต่งบ้าน ตกแต่งโต๊ะ โดยจัดทำเป็น collection ตามฤดู ส่วนการออกแบบ เน้นที่มี style วัสดุหีบห่อที่สวยงามและทำจากกระดาษที่ recycle

5. สมาคมการค้าที่เกี่ยวข้อง

5.1 The Giftware Association (GA) เป็นสมาคมที่มีสมาชิกเป็นผู้ผลิต ผู้ออกแบบ ผู้ค้าส่ง ผู้ค้าปลีก ผู้นำเข้า และผู้ส่งออก สินค้าของขวัญ (gift) และของใช้/ของตกแต่งบ้าน (homeware) ใน สหราชอาณาจักร (http://www.ga-uk.org )

GA มีการให้รางวัลของขวัญแห่งปีเป็นประจำทุกปี (Gift of the Year Awards) โดยแบ่งเป็น 16 ประเภทสินค้า ล่าสุด GA เพิ่งประกาศรายชื่อบริษัทและสินค้าที่ได้รับรางวัล Gift of the Year Awards ปี 2011 ไปเมื่อวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2554 รายละเอียดสินค้าที่ได้รับรางวัลสามารถดูได้จาก website http://www.giftoftheyear.co.uk/ ซึ่งสะท้อนประเภทสินค้าที่ได้รับความนิยมในตลาดสหราชอาณาจักร

5.2 The British Jewellery Giftware and Finishing Federation http://www.bjgf.org.uk/

6. ภาษีศุลกากรนำเข้าของทุกหมวด/รายการสินค้า

สามารถหาได้ที่ website ของ europa ที่http://ec.europa.eu/taxation_customs/dds2/taric/taric_consultation.jsp Lang=en&Screen=0&redirectionDate=20110208 โดย click ที่ browse ก่อน เพื่อหารหัส (code) สินค้า click ประเทศที่เป็นแหล่งนำเข้า และ click ที่ retrieve measures

7. โอกาสและความท้าทาย

สินค้าของใช้/ของตกแต่งบ้านในสหราชอาณาจักรนั้นสามารถแบ่งสินค้าได้เป็น 3 กลุ่มหลักๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มมีลักษณะเด่นของสินค้า และ ดึงดูดกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน การทำความเข้าใจว่ากำลังผลิตและสินค้าของผู้ผลิตไทยเหมาะสมกับกลุ่มสินค้าใดใน 3 กลุ่มนี้ จะทำให้สามารถวางแนวทางในการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์ของสินค้าได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น กลุ่มสินค้าดังกล่าว ได้แก่

7.1 สินค้าเอกลักษณ์ : สินค้ากลุ่มนี้คงรูปแบบและเอกลักษณ์ของแหล่งที่ผลิตสินค้า และสินค้าที่มีการคัดลอกรูปแบบ ลวดลาย หรือรูปทรงจากศิลปหัตถกรรมพื้นเมือง และยังรวมไปถึงตัวหัตถกรรมพื้นบ้านเองด้วย ตัวอย่างสินค้าที่ประสบความสำเร็จในตลาดสหราชอาณาจักร คือ

เครื่องครัว Tierra Negra Cookware จากประเทศโคลัมเบีย

ซึ่งนำเข้าโดย Scot Columbus ซึ่งเป็นธุรกิจครอบครัวมาตั้งแต่ปี 1992 โดยได้มีการพัฒนาความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับผู้ผลิตซึ่งเป็นครอบครัวช่างฝีมือในหมู่บ้านเล็กๆในโคลัมเบีย ซึ่งมีกรรมวิธีการผลิตเครื่องปั้นดินเผาที่แปลกไม่เหมือนใคร โดยขึ้นรูปด้วยมือ ทั้งนี้ Scot Columbus ได้เข้าไปแนะนำเทคนิคการผลิตใหม่ให้แก่ช่างเหล่านี้เพื่อพัฒนาคุณภาพด้านความทนทาน และการออกแบบ ส่งผลออกมาเป็น Tierra Negra ซึ่งสามารถใช้เป็นทั้ง cookware และ tableware ได้ นอกจากนี้ ยังจัดเป็นผลิตภัณฑ์ organic เนื่องจากไม่มีการผสมสารใดๆทำจากดินเหนียวล้วนๆ ปัจจุบันมีขายในห้างสรรพสินค้าชั้นนำ ได้แก่ John Lewis

สินค้ากลุ่มนี้มักดึงดูดลูกค้าที่มีความสนใจในศิลปหัตถกรรมจากต่างชาติ การประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับลูกค้ากลุ่มนี้สามารถทำได้โดยการให้ข้อมูลเกี่ยวกับสินค้าที่ถูกต้องและชัดเจนว่าสินค้าชิ้นนั้นมีประวัติความเป็นมาอย่างไร มีคุณค่าความแตกต่างกับสินค้าชนิดเดียวกันในตลาดอย่างไร นอกจากนี้ผู้ผลิตควรพิจารณาถึงความเป็นไปได้ในการนำเอาวัสดุ และการผลิตดั้งเดิมเข้ามาประยุกต์ใช้

7.2 สินค้าที่มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบบางส่วน

สินค้ากลุ่มนี้มักได้รับการปรับเปลี่ยนรูปลักษณ์หรือลักษณะการใช้งานให้เหมาะสมกับความต้องการของลูกค้าแล้ว แต่ยังแสดงออกถึงเอกลักษณ์ของผู้ผลิต โดยสินค้าในกลุ่มนี้มักรูปลักษณ์ภายนอกที่บ่งชี้ถึงประเทศหรือกลุ่มผู้ผลิต แต่บ่งบอกในลักษณะที่ไม่ชัดเจนเท่ากับสินค้ากลุ่มแรก เช่นผ่านทางวัสดุ หรือ วิธีการผลิตที่อีกเอกลักษณ์ เป็นต้น

Tefal ผู้ผลิตเครื่องครัวชั้นนำของยุโรป กับชุด Mosaic ซึ่งประกอบไปด้วย อุปกรณ์สำหรับปรุงอาหารอินเดีย (karhai) อาหารจีน (wog) อาหารโมรอคโค (taijine) อาหารสเปน (paella) และอาหารแมกซิกัน (fajita) แสดงให้เห็นถึงความนิยมในการปรุงอาหารนานาชาติของชาวอังกฤษ

กลุ่มลูกค้าของสินค้ากลุ่มนี้มีขนาดใหญ่ และมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ซึ่งมักเป็นกลุ่มลูกค้าวัยท่างานที่นำสมัย สินค้าจึงควรมีการปรับเปลี่ยนให้เหมาะสมกับรูปแบบการใช้ชีวิตสมัยใหม่ และยังควรคำนึงถึงปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อสินค้าในด้านต่างๆที่มักเปลี่ยนแปลงอยู่เสมอด้วยเช่น แนวโน้มด้านความสวยงาม (Aesthetic Trends) เทคโนโลยีวิธีการผลิตใหม่ๆ เป็นต้น นอกจากความสวยงามแล้วลูกค้ากลุ่มนี้มักต้องการสินค้าที่สามารถใช้งานได้จริง มีความทนทานและมีคุณภาพอีกด้วย

7.3 สินค้าที่ปรับเปลี่ยนรูปแบบโดยสิ้นเชิง

กลุ่มสินค้ากลุ่มสุดท้ายนี้เป็นกลุ่มที่มีความซับซ้อนมากที่สุด รูปลักษณ์ของสินค้าไม่ใช่จุดสำคัญที่แสดงออกถึงที่มาของสินค้าอีกต่อไป แต่สิ่งที่สำคัญที่สร้างเอกลักษณ์ให้กับสินค้าคือปรัชญาหรือแนวทางในการสร้างสรรค์สินค้าชิ้นนั้นๆ

ตัวอย่างเช่น MUJI เป็นร้านค้าปลีกจากญี่ปุ่นที่ถูกก่อตั้งขึ้นในช่วงปี 1980 ปัจจุบัน มีร้าน MUJI ทั้งในสหราชอาณาจักร และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีขายในห้างสรรพสินค้าชั้นน่า ได้แก่ Selfridges; House of Fraser ทั้งนี้ MUJI ถูกก่อตั้งขึ้นด้วยปรัชญาเบื้องต้นคือ สินค้าต้องไม่มียี่ห้อ มีคุณภาพ และมีราคาที่เหมาะสม (non branded quality products at reasonable prices) สินค้าเน้นการออกแบบที่เรียบง่าย ใช้สีกลางเป็นหลัก โดยเฉพาะสีขาว ขายสินค้าหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า กระเป๋า/รองเท้า เฟอร์นิเจอร์ เครื่องครัว อุปกรณ์ในห้องน้ำ สบู่ เครื่องสำอาง กรอบรูป stationary นาฬิกา เป็นต้น

การที่สินค้าจะคงไว้ซึ่งแนวความคิดในการผลิตและมีการออกแบบ เลือกใช้วัสดุ วิธีการผลิต และการส่งเสริมการขายที่สอดคล้องกับแนวความคิดของสินค้านั้นเป็นเป้าหมายหลักของสินค้าในกลุ่มนี้ สินค้ากลุ่มนี้มักเป็นกลุ่มสินค้าที่ท้าทายผู้ผลิตมากที่สุด เนื่องมาจากสินค้ามักเป็นนวัตกรรมใหม่ หรืออยู่ภายใต้แนวความคิดแบบใหม่ ทำให้ต้องสร้างตลาดใหม่เพื่อรองรับสินค้าด้วย

8. รายชื่อผู้นำเข้า/ผู้จัดจำหน่าย/ผู้ค้าส่ง/ผู้ค้าปลีก

สามารถดูได้จาก website ของ The Giftware Association ที่ (http://www.ga-uk.org/) และ click ที่ products & designers

9. ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ

9.1 แม้ว่าจีนจะครองตลาดสินค้าของขวัญ ของใช้ ของตกแต่งบ้านในสหราชอาณาจักรเกือบทั้งหมด เนื่องจากสามารถผลิตสินค้าในราคาที่ถูกกว่าคู่แข่ง แต่ยังมีช่องทางที่ผู้ประกอบการไทยน่าจะสามารถเพิ่มส่วนแบ่งตลาดได้ โดยสิ่งสำคัญ คือ การออกแบบที่แตกต่าง (original design) มีคุณภาพ และการเน้นประเด็นที่ผู้บริโภคชาวอังกฤษให้ความสำคัญ คือ การใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น วัสดุ recycle นอกจากนี้ แบลนด์สินค้ามีความสำคัญ หากผู้บริโภคยอมรับ จะทำให้สามารถครองตลาดได้ในระยะยาว

9.2 การเข้าร่วมงานแสดงสินค้าของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้าน เป็นช่องทางสำคัญจะทำให้ได้เห็นภาพแนวโน้มความต้องการของตลาด รวมทั้งเปิดโอกาสให้ได้พบกับผู้นำเข้า/ผู้จัดจำหน่าย/ผู้ค้าปลีก/ค้าส่งเพื่อเจรจาค้าขายโดยตรง

10. งานแสดงสินค้าของขวัญ/ของใช้/ของตกแต่งบ้านในสหราชอาณาจักร ได้แก่

10.1 Top Drawer Spring เดือนมกราคมของทุกปี http://www.topdrawer.co.uk/

10.2 Spring Fair International จัดช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี http://www.springfair.com/spring11/website/Default.aspx?refer=1

10.3 100% Design เดือนกันยายนของทุกปี http://www.100percentdesign.co.uk/

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน

ที่มา: http://www.depthai.go.th

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ