ตารางแสดงมูลค่าการค้าไทย-สเปน เดือน ม.ค. 2554
ม.ค. 2554
มูลค่า (Mil. US$) เพิ่ม/ลด (%) เพิ่ม/ลด (%)
ช่วงเดียวกันปีก่อน จากเดือนก่อน
ส่งออก 103.38 +30.03 -6.69 นำเข้า 38.80 +33.00 +28.07 การค้ารวม 142.18 +30.83 -1.39 ดุลการค้า +64.58 +28.39 -16.56
ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ในเดือนมกราคม 2554 ไทยกับสเปนมีมูลค่าการค้ารวม 142.18 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ไทยเป็นฝ่ายส่งออกมาสเปน 103.38 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.03 เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน แต่ลดลงร้อยละ -6.69 เมื่อเทียบกับเดือนที่ผ่านมา ขณะที่นำเข้าจากสเปน 38.80 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 33 จากเดือนเดียวกันของปีก่อน และเพิ่มขึ้นร้อยละ 28.07 จากเดือนที่ผ่านมา โดยไทยได้ดุลการค้าเพิ่มขึ้นอีก 64.58 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ คิดเป็น เพิ่มขึ้นร้อยละ 28.39 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา แต่ลดลงร้อยละ 16.56 จากเดือนที่ผ่านมา
ตารางแสดงโครงสร้างการส่งออกของไทยมายังสเปนแบ่งตามหมวดสินค้า ในเดือน มกราคม 2554
หมวดสินค้า มูลค่า (Mil. US$) เพิ่ม/ลด(%) จากปีก่อน สัดส่วน (%) สินค้าเกษตรกรรม(กสิกรรม/ปศุสัตว์/ประมง) 27.2 +80.21 26.32 สินค้าอุตสาหกรรมการเกษตร 5.6 +68.88 5.40 สินค้าอุตสาหกรรม 70.6 +15.53 68.28 สินค้าแรและเชื้อเพลิง - - - รวม 103.4 +30.03 100.00
ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ณ สิ้นเดือนมกราคม 2554 สินค้าส่งออกของไทยมายังสเปนปรับตัวลดลงจากเดือนก่อนหลังจากช่วงเทศกาลจับจ่ายตอนปลายปีที่ผ่านมาท่ามกลางปัญหาภาวะเศรษฐกิจเรื้อรังภายในประเทศ โดยหมวดสินค้าอุตสาหกรรมมีสัดส่วนการส่งออกลดลงแต่ก็ยังครองส่วนแบ่งส่วนมากไว้ได้เกือบร้อยละ 70 และมีมูลค่าเติบโตขึ้นร้อยละ 15.53 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทั้งนี้ หากเปรียบเทียบกับเดือนที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่าตัวสินค้าหลักหลายตัวได้ปรับตัวลดลงอีกครั้ง ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน (-17.64%) เครื่องนุ่งห่ม (-9.19%) เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ (-29.59%) และผลิตภัณฑยาง (-16.84%) หมวดรองลงมาได้แก่ หมวดสินค้าเกษตรกรรมมีสัดส่วนประมาณร้อยละ 26.32 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 80 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมียางพาราเป็นตัวนำ เนื่องจากความต้องการและระดับราคาในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นสูงมาก และหมวดสุดท้ายคือ หมวดสินค้าอุตสาหกรรมการเกษตรที่มีสัดส่วนการส่งออกไม่มากนัก แต่สามารถขยายตัวเพิ่มขึ้นได้ถึงร้อยละ 68.88 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีสินค้าหลักได้แก่ ผลไม้กระป๋องและแปรรูป และอาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป
ตารางแสดงมูลค่การส่งออกสินค้าไทยมายังสเปน 10 อันดับแรก เดือน ม.ค. 2554
ที่ สินค้า มูลค่า (Mil. USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) 1 ยางพารา 23.1 22.33 +79.45 2 เสื้อผ้าสำเร็จรูป 15.3 14.76 +3.71 3 เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ 11.5 11.17 -31.41 4 รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 4.9 4.78 +277.88 5 เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบอื่นๆ 3.4 3.27 +47.24 6 ผลิตภัณฑ์ยาง 3.4 3.26 +28.78 7 ผลไม้กระป๋องและแปรรูป 3.1 2.97 +47.32 8 ปูนซีเมนต์ 3.1 2.96 n/a 9 เลนส์ 3.0 2.93 +14.23 10 เคมีภัณฑ์ 2.9 2.81 +118.67
ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ถึงแม้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสเปนจะเป็นมาอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงปลายปี 2551 จนถึงปัจจุบัน แต่ผลการส่งออกของไทยมายังสเปนตลอดปี 2553 ก็สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มขึ้นได้ร้อยละ 41.08 ส่งผลให้ความต้องการสินค้าส่งออกหลักของไทยแทบทุกรายการในตลาดนี้ปรับตัวสูงขึ้นจนมาถึงเดือนมกราคม 2554 ก็ยังขยายตัวต่อไปได้อีกร้อยละ 30 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันเมื่อปีก่อน โดยสินค้ายางพาราได้ขยับขึ้นสู่อันดับหนึ่งโดยมีสัดส่วนร้อยละ 22.33 แซงสินค้าเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่ตกลงไปอยู่ในอันดับสองและมีสัดส่วนลดลงเหลือร้อยละ 14.76 พร้อมกับเครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบที่มีแนวโน้มปรับตัวลดลงเช่นกัน
ในช่วงเดือนเดียวกันไทยนำเข้าสินค้าจากสเปน เป็นมูลค่า 38.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากเดือนเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 33 โดยมีรายละเอียดการนำเข้าสินค้า 5 อันดับแรกที่มีมูลค่าสูงสุด ดังนี้
ตารางแสดงมูลค่าการนำเข้าสินค้าจากสเปน 5 อันดับแรก เดือน ม.ค. 2554
สินค้า มูลค่า (Mil. USD) สัดส่วน (%) เปลี่ยนแปลง (%) เคมีภัณฑ์ 5.7 14.61 -25.99 เครื่องจักรไฟฟ้าและส่วนประกอบ 4.3 11.06 +116.03 สัตว์น้ำสดแช่เย็น/แช่แข็ง/แปรรูป/กึ่งสำเร็จรูป 4.3 11.04 n/a เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ 3.7 9.52 -24.49 ผลิตภัณฑ์เวชกรรมและเภสัชกรรม 2.9 7.44 +38.31
ที่มา: ศูนย์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร สำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์ โดยความร่วมมือจากกรมศุลกากร
ตลอดปี 2553 สเปนยังไม่หลุดพ้นจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยและยังมีอัตราการว่างงานที่สูงมากกว่าร้อยละ 20 ซึ่งยังไม่มีแนวโน้มว่าจะสามารถขจัดปัญหานี้ได้ในอนาคตอันใกล้ นอกจากนั้นสภาพเศรษฐกิจโดยรวมของสหภาพยุโรปยังมีสภาพเปราะบางกับผลกระทบจากปัญหาหนี้สาธารณะและการขาดดุลการคลังในอัตราสูง รวมทั้งการเปลี่ยนแปลงใดๆของโลกที่อาจจะเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม เป็นที่คาดหวังว่าสเปนจะสามารถหลุดพ้นจากภาวะวิกฤตทางเศรษฐกิจและมี GDP เป็นบวกได้ในปี 2554
ประเมินสถานการณ;ทางเศรษฐกิจของราชอาณาจักรสเปน
ภาคการเงินและภาคเอกชนได้พยากรณ์ไว้ว่าการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจสเปนจะฟื้นตัวกลับมาเป็นบวกได้ในปี 2554 หลังจากที่ประสบภาวะวิกฤติในช่วงสองปีที่ผ่านมา ในอัตราร้อยละ 0.7-0.8 ซึ่งต่ำกว่าจากที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตได้ประมาณร้อยละ 1.3
ผลกระทบจากปัญหาทางเศรษฐกิจที่สำคัญในช่วงที่ผ่านมา อาทิเช่น อุตสาหกรรมการก่อสร้างที่หดตัวอย่างรุนแรง สิ่งปลูกสร้างล้นตลาด และการหดตัวของการใช้จ่ายของผู้บริโภคภายในประเทศ ยังคงเป็นปัญหาที่ต้องใช้เวลาในการเยียวยาแก้ไขต่อไป
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาสำคัญที่ต้องจับตามองเป็นพิเศษ คือ การลุกลามของปัญหาด้านการเงินจากภาวะหนี้ท่วมของประเทศสมาชิกในสหภาพยุโรป ที่เริ่มจากประเทศกรีซ ตามมาด้วยไอร์แลนด์ ที่ต้องขอรับความช่วยเหลือจากเงินกองทุนรักษาเสถียรภาพด้านการเงินของสหภาพยุโรป และ IMF ทั้งนี้ โปรตุเกส เป็นประเทศในลำดับต่อไปที่คาดว่าจะต้องขอความช่วยเหลือด้านการเงินในระยะเวลาไม่ช้าก็เร็ว และหลังจากนั้นก็จะถึงคิวของประเทศสเปน แต่มีผู้เชี่ยวชาญให้ความเห็นว่า เนื่องจากสเปนเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ในลำดับที่ 4 ของกลุ่มประเทศที่ใช้เงินสกุลยูโร จึงทำให้ประเทศพี่ใหญ่ทางเศรษฐกิจของสหภาพยุโรปอย่างเช่น เยอรมนีและฝรั่งเศส ต้องใช้ความสามารถอย่างเต็มที่ที่จะพยุงฐานะทางการเงินของสเปนให้อยู่รอดให้ได้ มิฉะนั้น จะหมายถึงการล้มสลายของเงินสกุลยูโรทีเดียว อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เริ่มปรากฏแรงต้านจากพลเมืองของเยอรมนีที่ออกมาค้านและแสดงความไม่เห็นด้วยที่ผู้นำของประเทศดำเนินนโยบายรับภาระคอยอุ้มดูแลให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นๆที่มีปัญหาด้านการเงินตลอดเวลา อันอาจจะส่งผลกระทบกับความนิยมของรัฐบาลและผลการเลือกตั้งในครั้งต่อไปได้
ส่วนผลกระทบจากภายนอก เช่น ความไม่สงบทางการเมืองและการที่ประชาชนออกมาขับไล่ผู้นำที่ลุกลามไปในกลุ่มประเทศที่นับถือศาสนาอิสลาม จะเป็นตัวเร่งให้เกิดความผันผวนของราคาพลังงานให้ปรับตัวสูงขึ้น ผนวกกับปัญหาเงินเฟือและราคาสินค้าอาหารที่ปรับเพิ่มขึ้นทั่วโลก จะยิ่งซ้ำเติมให้ชาวสเปนต้องหันมารัดเข็มขัดเพิ่มขึ้น ซึ่งทุกวันนี้ ผู้บริโภคก็พยายามตัดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นและเลือกซื้อสินค้าที่มีระดับราคาต่ำอยู่แล้ว
จากประเด็นปัญหาต่างๆ ที่กล่าวมาข้างต้น สินค้าเกษตรกรรมของไทยจะมีโอกาสในการจำหน่ายได้ในราคาที่สูงขึ้น โดยเฉพาะยางพาราที่มีผลผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการของโลก รวมทั้งธัญพืชต่างๆ ที่จะสามารถนำไปเป็นวัตถุดิบในการผลิตพลังงานได้ ส่วนสินค้าอุตสาหกรรมต้องพยายามบริหารและควบคุมต้นทุนการผลิตให้อยู่ในระดับที่สามารถแข่งขันได้ รวมทั้งเน้นการนำเสนอสินค้าในระดับคุณภาพและราคาปานกลาง
ที่มา: http://www.depthai.go.th