1. การผลิตและยอดการจำหน่าย
ตั้งแต่เดือนมกราคมเป็นต้นมา ผู้ค้าปลีกในตลาดเยอรมนีโดยเฉพาะกิจการประเภทดีสเคาน์เตอร์ ได้ทำการปรับราคาสินค้าเพิ่มสูงขึ้น โดยส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าอาหารเพื่อการบริโภค เนื่องจากราคาวัตถุดิบสูงขึ้นและมีภาระค่าใช้จ่ายด้านการขนส่งที่เพิ่มขึ้นมาโดยตลอด แต่สำหรับเครื่องประดับโดยทั่วไปยังไม่มีการปรับเพิ่มราคาสินค้า จึงทำให้ยังมีการซื้อขายสินค้ากันมาก นอกจากนี้ยังสามารถส่งออกไปยังตลาดต่างประเทศได้เพิ่มมากขึ้นด้วย ทำให้ในภาพรวมตลาดสินค้าเครื่องประดับและอัญมณีในเยอรมนีมีแนวโน้มที่แจ่มใสอยู่ตามตัวเลขสถิติของสำนักงานสถิติแห่งชาติเยอรมนี ปี 2553 ในช่วง 11 เดือนแรก (ม.ค.-พ.ย.) มียอดการจำหน่ายสินค้าประเภทนี้เพิ่มขึ้นร้อยละ 3.5 เป็นการขายในประเทศมูลค่า 188 ล้านยูโรเพิ่มขึ้นเล็กน้อยร้อยละ 0.8 และการขายในต่างประเทศมูลค่า 106.4 ล้านยูโร มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 8.6 สำหรับเครื่องประดับเทียม มียอดขายในประเทศทั้งสิ้น 20.9 ล้านยูโร ลดลงร้อยละ 31.5
2. สถานการณ์การนำเข้า
ความต้องการสินค้าเครื่องประดับแท้และเทียมยังคงมีมากต่อเนื่อง ในช่วง 11 เดือนแรก ปี 2553 (ม.ค.-พ.ย.) เยอรมนีนำเข้าเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 13,406 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.2 สินค้าส่วนใหญ่ที่เยอรมนีนำเข้าจะเป็น โลหะมีค่า ได้แก่ ทองคำ แพลทินัม มีการนำเข้าในช่วง 11 เดือนแรกปี 2553 เป็นมูลค่า 8,210 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 41.7 แหล่งนำเข้าที่สำคัญๆ ได้แก่ อัฟริกาใต้ มูลค่า 1,124.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 14 รองลงมาเป็นสหรัฐฯ นำเข้าเป็นมูลค่า 834.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10.2 เบลเยี่ยม มูลค่า 804.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 9.8 สำหรับ เครื่องประดับแท้ทำด้วยทองคำและเงิน มีการนำเข้าเป็นมูลค่า 932.7 ล้านเหรียญสหรัฐหรือประมาณร้อยละ 7 ของการนำเข้าทั้งสิ้น มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 13.8 แหล่งนำเข้าที่สำคัญๆ ได้แก่ ไทย (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 21) สวิส (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 20) จีน (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 13) อิตาลี (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 10) และโดยเฉพาะเวียดนามที่ในระยะ 3 ปีที่ผ่านมา (2550 — 2552) มีการนำเข้าเป็นมูลค่าโดยเฉลี่ยปีละ 4 ล้านเหรียญสหรัฐ และในปี 2553 คาดว่ามูลค่าการนำเข้าจะเพิ่มขึ้นเป็น 7 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่าร้อยละ 75 นอกจากนี้ สเปนก็เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มียอดการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นถึงร้อย ละ 62.1 เป็นมูลค่า 134.2 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยเป็นเครื่องประดับแท้มูลค่า 14.5 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 94.0
3. การส่งออกของไทยไปตลาดเยอรมนี
ในปี 2554 (ม.ค.-ม.ค.) ไทยส่งออกอัญมณีและเครื่องประดับไปเยอรมนีเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 18.8 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณร้อยละ 6 ของการส่งออกสินค้าไทยไปเยอรมนีทั้งสิ้น มูลค่าการส่งออกเพิ่มขึ้นจากปีก่อนระยะเดียวกันร้อยละ 10.4 สินค้าที่ส่งออกมากอันดับแรกจะเป็น เครื่องประดับแท้มูลค่า 14.1 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 69.7 ของการส่งออกสินค้ารายการนี้ไปเยอรมนี มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 18.6 ในตลาดเยอรมนีไทยยังคงมีส่วนแบ่งตลาดสูงสุดประมาณร้อยละ 37 รองลงมาเป็นจีนมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 28 อินเดีย (6%) และอิตาลี (5%) สำหรับ เครื่องประดับอัญมณีเทียม ไทยส่งออกไปเยอรมนีมูลค่า 2.0 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 152.0 แหล่งนำเข้าอื่นๆ ได้แก่ จีน (57%) ออสเตรีย (17%) และฮ่องกง (3%) ไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 3.0
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th