รัฐบาลบราชิลเตรียมขึ้นภาษีนำเข้า 3 รายการส่งผลกระทบการส่งออกถุงมือยางไทย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 1, 2011 11:57 —กรมส่งเสริมการส่งออก

เมื่อวันที่ 18 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของบราชิล (CAMEX) ได้พิจารณาประกาศขึ้นภาษีการนำเข้าสินค้า 3 รายการได้แก่

1.สารเคมีประเภท diphenylmethane diisocyanate (HS Code 3909.30.20) โดยขึ้นจากเดิมร้อยละ 14 เป็นร้อยละ 20 สารดังกล่าวเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตโพลียูรีเทนใช้ในอุตสาหกรรมการผลิตเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความเย็นและการผลิตเม็ดพลาสติก สำหรับในปี 2553 ประเทศไทยไม่มีการส่งออกสินค้าดังกล่าว

2.ถุงมือยาง หรือ Latex glove (HS Code 4015.1900) ที่ไม่ได้ใช้ในด้านการแพทย์ และมีความหนาไม่เกิน 0.10 มิลลิเมตร โดยขึ้นจากเดิมร้อยละ 16 เป็นร้อยละ 35 น่าจะมีสาเหตุที่ต้องขึ้นภาษีเพราะต้องการให้การคุ้มครอง และสนับสนุนผู้ผลิตในประเทศให้สามารถแข่งขันกับสินค้านำเข้าที่เพิ่มเป็นอย่างมากได้ สำหรับประเทศไทยส่งออกสินค้าประเภทดังกล่าวในปี 2553 ที่ผ่านมา 26 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้นร้อยละ 73.45) เป็นคู่ค้าลำดับที่ 2 รองจากมาเลเชียที่ส่งออกทั้งสิ้น 136 ล้านเหรียญสหรัฐ

3.เครื่องแม่พิมพ์แบบ (Mold) สำหรับการผลิตพลาสติกและผลิตภัณฑ์ยาง (HS Code 8480.71.00)โดยขึ้นจากเดิมร้อยละ 14 เป็นร้อยละ 30 สำหรับในปี 2553 ประเทศไทยไม่มีการส่งออกสินค้าดังกล่าว

ความเห็นของสคร. การที่รัฐบาลบราชิลออกมาตรการขึ้นภาษีนำเข้ารายการสินค้าดังกล่าวนั้น น่าจะส่งผลกระทบต่อการนำเข้าถุงมือยางของไทยมายังบราชิลอย่างแน่นอน อย่างไรก็ดี ด้วยคุณภาพของถุงมือของไทยที่ดีกว่าถุงมือที่ผลิตในบราชิล และผลผลิตยางพาราที่บราชิลผลิตไม่เพียงพอแก่ความต้องการ ทำให้ผลกระทบน่าจะไม่รุนแรงมากนัก แต่การขยายตัวของการส่งออกสินค้าดังกล่าวในปี 2554 น่าจะชะลอตัวลงโดย สคร. คาดการณ์ไว้ประมาณ 160 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยสาเหตุหลักมาจากที่รัฐบาลบราชิลเริ่มมีความกังวลในปัญหาเรื่องการควบคุมเงินเฟ้อ และการแข็งค่าขึ้นของเงินเฮฮัลที่สูงกว่าที่รัฐบาลตั้งใจไว้ ทำให้รัฐบาลพยายามที่จะชะลอการนำเข้าเพื่อควบอุปสงค์อุปทานด้านการเงินให้มากขึ้น เนื่องจากมีผลทั้งในด้านการได้ดุลทางการค้าที่ลดลง โดยในปี 2553 บราชิลได้ดุลการค้าประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งลดลงจากปี 2553 ประมาณ 50 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ที่ได้ดุลการค้า 250 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และการแข็งค่าขึ้นอย่างมากของเงินเฮฮัลที่แข็งค่าขึ้นเกินกว่าร้อยละ 20 โดยปี 2552 อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 USD เท่ากับ 1.85 เฮฮัลแต่ในปัจจุบัน อัตราแลกเปลี่ยนอยู่ที่ 1 USD เท่ากับ 1.65 ซึ่งทำให้การส่งออกของบราชิลขยายตัวลดลงตามไปด้วย ทั้งนี้ นโยบายที่รัฐบาลมักใช้ควบคุมเงินเฟ้อ เช่น การคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สูง (ปัจจุบันร้อยละ 11.25 ต่อปี) การควบการนำเข้า ส่งเสริมการส่งออก เป็นต้น ทำให้คาดการณ์ว่าหากสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น รัฐบาลบราชิลน่าจะมีการกีดกันการนำเข้าและเพิ่มภาษีนำเข้าในสินค้าอื่นๆต่อไป

สคร.ณ นครเซาเปาโล

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ