ตลาดการจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางอิเลคทรอนิกส์ในสหรัฐอเมริกา

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 3, 2011 11:17 —กรมส่งเสริมการส่งออก

มูลค่าตลาด

บริษัท ComScore ซึ่งเป็นผู้ให้บริการวิจัยการตลาดในสหรัฐฯ ได้จัดทำรายงานวิจัยการค้าผ่านช่องทางอิเลคทรอนิกส์ของสหรัฐอเมริกาในปี 2553 สรุปได้ว่า ตลาดการจำหน่ายสินค้าและบริการผ่านช่องทางการค้าแบบอิเลคทรอนิกส์ หรือ เป็นที่เรียกกันว่า อีคอมเมอร์ซ (E-Commerce) หรือ Online Shopping มีมูลค่าประมาณ 226,600 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (7,006,000 ล้านบาท) ในปี 2553 หรือ ขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปี 2552 ร้อยละ 9 การจำหน่ายแยกออกเป็น การจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเป็นมูลค่า 142,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 10 และ การค้าบริการด้านการเดินทาง (Travel Spending) ซึ่งได้แก่ การซื้อบัตรโดยสารเครื่องบิน การสำรองห้องพัก รถเช่า คิดเป็นมูลค่า 85,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวร้อยละ 6

ในขณะเดียวกัน การจำหน่ายสินค้าผ่านช่องทางการค้าแบบอิเลคทรอนิกส์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 12 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การจับจ่ายซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ ในช่วง 2 เดือนสุดท้ายของปี 2553 (พฤศจิกายน — ธันวาคม) มีมูลค่าสูง 32,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือคิดเป็นร้อยละ 22.5 ของยอดจำหน่ายรวมของการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคทางออนไลน์

ผู้บริโภคใช้จ่ายซื้อสินค้าทางออนไลน์สูงที่สุดในวันที่เรียกกันว่า Cyber Monday โดยในปี 2553 นี้ตรงกับวันที่ 29 พฤศจิกายน มีมูลค่าการจำหน่ายสินค้าจำนวน 1,028 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 19 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2552 ที่ผ่านมา

วันที่มียอดจำหน่ายสินค้าทางออนไล์มาก 5 อันดับแรก ในปี 2553

หน่วย: ล้านเหรียญสหรัฐฯ

                    วันที่จำหน่ายสินค้า           ยอดจำหน่าย
          1. วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2553         1,028
          2. วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม 2553             954
          3. วันจันทร์ที่ 6 ธันวคาม 2553              944
          4. วันศุกร์ที่ 17 ธันวาคม 2553              942
          5. วันพฤหัสบดี ที่ 16 ธันวาคม 2553          930

ที่มา: ComScore

Cyber Monday คือ วันเปิดศักราชการใช้จ่ายซื้อสินค้าในช่วงเทศกาลคริสต์มาสผ่านช่องทางออนไลน์ (On-line) จะตรงกับวันจันทร์ นับจากวัน Thankgiving Day ซึ่งจะตรงกับวันพฤหัสบดี ในสัปดาห์สุดท้ายของเดือนพฤศจิกายนของทุกปี ออกไป ซึ่งวันดังกล่าวจะเป็นวันที่ร้านค้าที่ จำหน่ายสินค้าผ่านทางออนไลน์ จะขายสินค้า ต่างๆ และสนอส่วนลดแก่ผู้บริโภคในสัดส่วนที่สูง หรือให้ส่วนลดมากเป็นพิเศษ

สินค้าที่นิยมซื้อ-ขายกันทางออนไลน์ในสหรัฐฯ

สินค้าที่ได้รับความนิยมซื้อ-ขายทางออนไลน์ในสหรัฐฯ 5 อันดับแรกในปี 2553 ได้แก่ (1) เครื่องอิเลคทรอนิคส์ ขยายตัวร้อยละ 19 (2) เครื่องคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ขยายตัวร้อยละ 17 (3) หนังสือ และนิตยสาร ขยายตัวร้อยละ 16 (4) สินค้าที่ซื้อให้เป็นของขวัญ เช่น ดอกไม้ บัตรอวยพรและ ของขวัญ ขยายตัวร้อยละ 13 และ (5) เครื่องประดับและนาฬิกา ขยายตัวร้อยละ 11

รูปแบบการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์

ปัจจุบัน รูปแบบการจำหน่ายสินค้าทางออกไลน์ในสหรัฐฯ ที่นิยมมี 3 แบบ คือ

1. Retail Store Online: เป็นการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ของร้านค้าปลีก เช่น www.walmart.com, www.target.com, www.gap.com, www.macys.com, www.apple.com และ www.samsclub.com, เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีการช่วยเพิ่มยอดขายไปจากการจำหน่ายในร้านค้า

2. Online Shop: เป็นการจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์เพียงอย่างเดียว Websiteไม่มีร้านค้าปลีก ผู้ประกอบการกลุ่มนี้จะซื้อสินค้าจากผู้นำเข้า/จัดจำหน่ายไปขายทางออนไลน์ แต่มีผู้ประกอบการบางรายนำเข้าสินค้าโดยตรงจากต่างประเทศ เพื่อนำไปจำหน่ายทางออนไลน์ ผู้ประกอบการที่สำคัญ ได้แก่ www.hsn.com, www.shopNBC.com, www.zappos.com

3. Internet Storefront: เป็นวิธีการขายแบบ Turnkey โดย Internet Store Front เป็นเสมือน Third Party ที่จะช่วยหาลูกค้าและขายสินค้าให้แก่ผู้ประกอบการ กลุ่มผู้ให้บริการ Internet Store Front ที่สำคัญในสหรัฐฯ ได้แก่ www.Amazon.com, www.Overstock.com, www.Netshops.com, www.yahoo.com, www.CSNstores.com, www.ebay.com เป็นต้น

แนวโน้มการค้าขายสินค้าทางออนไลน์ในสหรัฐ

ปัจจุบัน มีปัจจัยสำคัญ 3 ประการที่ช่วยผลักดันให้ผู้บริโภคสหรัฐฯ หันมาใช้จ่ายทางซื้อสินค้าทางออนไลน์มากขึ้นเป็นลำดับ คือ

1. การให้ส่วนลดในอัตราสินค้าที่ค่อนข้างสูง (Heavy Discount Merchandise) หรือ เรียกกันว่า Flash Sales ปัจจุบัน มีผู้การประกอบค้าทางออกไลน์ หันมาให้ส่วนลดสินค้าในอัตราค่อนข้างสูง เช่น www.groupon.com , www.gilt.clom ซึ่งสามารถชักจูงให้ผู้บริโภคมาใช้จ่ายซื้อสินค้า/บริการผ่าน website ได้จำนวนมากขึ้น

2. บริการเครือข่ายสังคมออนไลน์ในเวปไซด์ (Social Media, Social Networks) เวปไซด์ Face Book และ Twitter ซึ่งเป็นสื่อทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคจำนวนมาก ในการติดต่อสื่อสาร มีบทบาทและอิทธิพลในการชักจูงให้ผู้บริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้บริโภคหันมาซื้อสินค้าทางออนไลน์เพิ่มมากขึ้นในขณะนี้ เนื่องจากห้างร้านค้าปลีกต่างๆ ได้หันมาลงโฆษณาสินค้าในราคาพิเศษ

3. เทคโนโลยี่และนวัตกรรมในระบบการชำระ (Payment processing technology & Innovation ) เงินมีความปลอดภัย เป็นหลักประกันให้ผู้บริโภคมีความเชื่อมั่น และใช้จ่ายได้โดยมิต้องวิตกกังวล จึงเป็นปัจจัยช่วยผลักดันการเพิ่มการใช้จ่ายทางออนไลน์มากยิ่งขึ้น

ข้อคิดเห็นและเสนอแนะ

อนาคตตลาดธุรกิจสินค้าทางออนไลน์ในสหรัฐฯ มีแนวโน้มการขยายตัวและได้รับความนิยมสูงในอนาคต ผู้บริโภคสหรัฐฯ มีความนิยมและความมั่นใจต่อการใช้จ่ายทางออนไลน์เครือข่ายสังคมออนไลน์ Face Book, Twitter มีอิทธิพลและบทบาทต่อการเพิ่มการใช้จ่ายของผู้บริโภคทางออนไลน์

ดังนั้น การจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ จะเป็นช่องทางที่ช่วยเพิ่มยอดการส่งออกได้อีกวิธีหนึ่ง จึงควรที่ผู้ผลิต/ส่งออกไทยควรพิจารณาและให้ความสนใจศึกษา รวมไปถึงการพิจารณาการใช้ Internet Storefront เข้ามาเป็นเครื่องมือช่วยเปิดประตูให้แก่สินค้าไทยเข้าสู่การค้าขายสินค้า/บริการทางออนไลน์ในสหรัฐฯ

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ