ท่าเรือ Trieste (อิตาลี)

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday March 10, 2011 11:54 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ข้อมูลทั่วไป

ท่าเรือ Trieste ตั้งอยู่ที่เมือง Trieste ประเทศอิตาลี ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญเป็นอันดับ 2 ของอิตาลีรองจาก ท่าเรือ Genova (ในปี 2552 รองรับการขนถ่ายสินค้าได้ถึง 44 ล้านตันหรือ 276 พันคอนเทนเนอร์) ท่าเรือ Trieste เป็นท่าเรือที่ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฝั่งทะเล Adriatic และตั้งอยู่ในใจกลางของยุโรปโดยถือเป็นท่าเรือที่มีเส้นทางคมนาคมทางเรือและทางบกที่สำคัญผ่าน ซึ่งเป็นเส้นทางจากเชื่อมจากตะวันตกถึงตะวันออก (จาก Lisbon ประเทศโปรตุเกส ถึง Kiev ประเทศยูเครน) ที่เรียกว่า Corridor 5 นอกจากนี้ ท่าเรือ Trieste ยังถือเป็นท่าเรือนานาชาติที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้าทั้งทางบกและทางทะเลจากหลายประเทศไม่ว่าจะเป็นประเทศ Far East และยุโรป

ท่าเรือ Trieste ถือเป็นจุดหมายปลายทางของการขนส่งทางทะเลโดยตรงจากจีน อินเดีย และประเทศ Far East โดยทุก ๆ อาทิตย์จะมีรถไฟมากกว่า 100 ขบวนที่เชื่อมต่อการขนส่งสินค้าไปยังเขตอุตสาหกรรมทางตอนเหนือและตะวันออกของอิตาลี เยอรมันตอนใต้ ออสเตรีย ฮังการี เช็ค และ สโลวาเกีย นอกจากนี้ ถนนสาย A4 จากเมือง Trieste ไปสู่เขตทางตอนเหนือยังเป็นถนนที่มีการขนส่งหนาแน่นมาก โดยสามารถเข้าถึงเมือง Milan, Vienna, Munich, Stuttgart, Budapest, Prague, Zurich และ Basle ได้เพียงไม่เกิน 500 กิโลเมตร ขณะนี้ท่าเรือ Trieste กำลังมีแผนพัฒนาท่าเรือและเมือง Trieste เพื่อเพิ่มศักยภาพการแข่งขันและทำเลที่ตั้ง อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจของท่าเรือ Trieste ส่วนหนึ่งมาจากความสัมพันธ์ทางการค้าจากทางประเทศแอฟริกาตอนเหนือ

ลักษณะของท่าเรือ

1. พื้นที่รวมทั้งสิ้น : 2,3 ล้านตารางเมตร โดยแบ่งเป็นเขตพื้นที่ที่ปลอดภาษี 1,8 ล้านตารางเมตร

2. พื้นที่โกดัง : 925,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ภายในอาคาร 500,000 ตารางเมตรและภายนอก 425,000 ตารางเมตร

3. ความยาวของท่าเรือ : 12 กิโลเมตร

4. ท่าจอดเรือ : 47 ท่า แบ่งเป็นที่จอดเรือทั่วไป 24 ท่า ที่จอดเรือคอนเทนเนอร์ 11 ท่า ที่จอดเรือน้ำมัน 5 ท่า ที่จอดเรืออุตสาหกรรม 5 ท่า และที่จอดเรือโดยสาร 2 ท่า

5. ระดับความลึกของร่องน้ำ : 18 เมตร

6. เขตพื้นที่สำหรับว่างสมอเรือ : 3 โซน แบ่งเป็น โซน A สำหรับเรือสินค้าของเหลว โซน B สำหรับเรือสินค้าของเหลวและสินค้าอันตราย และโซน C สำหรับเรืออื่น ๆ

การขนส่งสินค้า

1. ความเคลื่อนไหวของการขนถ่ายสินค้า

จากการเปิดเผยข้อมูลของกรมท่าเรือ Trieste พบว่าระหว่างเดือนมกราคม- มิถุนายน 2553 การรองรับการขน ถ่ายสินค้ามีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 6.84 เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ซึ่งมีมูลค่า 22,528,732 ตัน (แบ่งเป็นการขนถ่ายสินค้าของเหลว 16,802,282 ตัน และการขนถ่ายสินค้าของแข็ง 776,543 ตันและสินค้าอื่น ๆ 4,949,907 ตัน) เพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 1,5 ล้านตัน (ปี 2552 มีมูลค่า 21,086,906 ตัน) โดย 6 เดือนแรกของปี 2553 สินค้าของเหลวมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1 และคาดว่าปี 2553 จะมีมูลค่าการขนถ่ายสินค้าถึง 36 ล้านตัน ส่วนสินค้าของแข็งมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 10 และสินค้าอื่น ๆ มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

ระหว่างเดือนมกราคม- มิถุนายน 2553 พบว่าประเภทเรือที่ใช้บริการท่าเรือ Trieste มีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นจากปีก่อนหน้าซึ่งแบ่งได้ดังนี้ เรือโร-โร (Roll on/Roll off)หรือเรือแฟรี่มีจำนวนของรถบรรทุกที่ใช้บริการ (ลงเรือและขึ้นจากเรือ) มีจำนวนเพิ่มขึ้นร้อยละ 23 (104,009 คัน) ซึ่งมีปริมาณน้ำหนักเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 (2,200,542 ตัน) ส่วนเรือคอนเทนเนอร์ TEU มีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 3 และเรือโดยสารมีอัตราการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 1.7 เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

2. ความเคลื่อนไหวของเรือที่เข้าเทียบท่าและออกจากท่าเรือ

ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2553 พบว่าเรือที่เข้าเทียบท่าและออกจากท่าเรือ Trieste มีจำนวนทั้งหมด 1,883 ลำ มีอัตราเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.4 โดยเรือที่เข้าเทียบท่าเรือ Trieste มีจำนวนรวม 1,087 ลำ โดยแบ่งเป็นเรืออิตาเลียนจำนวน 45 ลำและเรือจากต่างประเทศจำนวน 1,042 ลำ ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ11.5 ส่วนเรือที่ออกจากท่าเรือ Trieste มีจำนวนรวม 858 ลำ โดยแบ่งเป็นเรืออิตาเลียนจำนวน 17 ลำและเรือจากต่างประเทศจำนวน 841 ลำ ซึ่งมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 26 เปรียบเทียบกับช่วงระยะเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า

3. ความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างประเทศ

ท่าเรือ Trieste เป็นท่าเรือที่มีการใช้บริการจากประเทศต่างๆทั่วโลกถึง 121 ประเทศ โดยระหว่างเดือนมกราคมมิถุนายน 2553 พบว่าปริมาณของการใช้บริการของเท่าเรือมีจำนวน 22,528,732 ตัน แบ่งเป็นการเข้าเทียบท่าจำนวน 19,806,811 ตัน (+3.9%) และออกจากท่าจำนวน 2,721,921 ตัน (+34.1%) โดยประเทศที่มีปริมาณของสินค้าที่เข้าเทียบท่าเรือสูงสุดคือ รัสเซีย ( 6,063,017 ตัน) ตุรกี (3,766,350 ตัน) ลีเบีย (3,168,554 ตัน) และไนจีเรีย (863,721 ตัน) เป็นต้น โดยไทยมีปริมาณของสินค้าที่เข้าเทียบท่าจำนวน 2,921 ตัน สำหรับประเทศที่มีปริมาณของสินค้าที่ออกจากท่าเรือสูงสุดคือ ตุรกี (1,450,360 ตัน) อิตาลี (571,754 ตัน) อียีปต์ (111,370 ตัน) จีน (99,355 ตัน) และมาเลเซีย ( 78,271 ต้น) เป็นต้น โดยไทยมีปริมาณของสินค้าที่ออกจากท่าจำนวน 8,728 ตัน

4. ประเภทสินค้า

ระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายน 2553 พบว่าสินค้าที่เข้าเทียบท่าและออกจากท่ามีปริมาณรวม 22,603,919 ตัน (+6.8%) โดยสินค้าที่เข้าเทียบท่าสูงสุดคือ สินค้าน้ำมันธรรมชาติ 16,723,158 ตัน (+0.7%) สินค้าอื่น ๆ 2,477,190 ตัน (+26.8%) และสินค้าแร่ธาตุ 354,308 ตัน (+28.4%)

แผนในอนาคตอันใกล้ของท่าเรือ Trieste

1. ขยายพื้นที่ท่าจอดเรือโดยสารเพื่ออำนวยความสะดวกแก่เรือโดยสารที่มีขนาดใหญ่และยาวเกินกว่า 300 เมตร

2. ขยายพื้นที่จอดเรือสินค้า ท่าเทียบเรือ และโกดัง ถึง 35 เฮกตาร์ (1 เฮกตาร์ = 10,000 ตารางเมตร) เพื่อ อำนวยความสะดวกแก่เรือสินค้าขนาดกลางและใหญ่

3. ขยายพื้นที่ Piers เบอร์ 7 อีกเท่าตัวเพื่ออำนวยความสะดวกให้เรือคอนเทนเนอร์ที่มีน้ำหนักบรรทุก 500,000 TEU โดยมีระดับความลึกของร่องน้ำสูงสุด 18 เมตร

4. สร้าง Piers เบอร์ 8 เพื่อใช้ในการรองรับการส่ง-รับตู้คอนเทนเนอร์

5. สร้างที่จอดเรือโร-โร (Roll on/Rol off)/เรือแฟรี่ใหม่เพื่อรองรับการจอดเรือโร-โรจำนวน 4 ลำพร้อมกัน

สำนักส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองมิลาน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ