แผ่นดินไหว-ซึนามิที่ญี่ปุ่นสั่นสะเทือนอุตสาหกรรมรถยนต์ทั่วโลกอาจส่งผลให้มีการชะลอการวางตลาดรถรุ่นใหม่ๆ แต่อาจเปิดโอกาสให้รถเกาหลีรุกตลาดมากขึ้น ขณะที่ไทยอาจผงาดขึ้นเป็นดีทรอย์แห่งเอเชีย
โรงงานหลายแห่งในญี่ปุ่นต้องปิดตัวลง ส่งผลให้บริษัทรถญี่ปุ่นสูญเสียรายได้กว่า 150 ล้านเหรียญต่อวัน และหากโรงงานในญี่ปุ่นต้องปิดตัวเนิ่นนานออกไป โรงงานรถยนต์ในสหรัฐ อินเดีย และไทยอาจได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง และแม้ว่าโรงงานผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นประกาศว่าจะเปิดได้ใน 2-3 สัปดาห์ข้างหน้า แต่ก็คงไม่สามารถเดินเครื่องได้เต็มที่ เนื่องจากโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ส่วนใหญ่อยู่ในเขตภัยพิบัติ ซึ่งจนถึงวันนี้ยังเป็นไปไม่ได้เลยว่าโรงงานชิ้นส่วนฯ เหล่านั้น จะเริ่มดำเนินงานภายใน 1-2 เดือนนี้
ปัญหาใหญ่ในตอนนี้คือเรื่องพลังงานที่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ญี่ปุ่นระเบิดไปหลายโรง การซ่อมโรงไฟฟ้าและการเดินระบบสายไฟใหม่ทั้งหมดคงไม่สามารถทำได้รวดเร็วนัก และแน่นอนว่าการผลิตรถยนต์ในญี่ปุ่นคงจะชะงักไปอีกหลายเดือน
จุดเปลี่ยนสำคัญนี้อาจส่งผลดีต่อคู่แข่งอย่างฮุนไดที่จะพลิกสถานะการณ์เป็นผู้นำตลาดโลกก็เป็นได้ โดยเฉพาะในตลาดอินเดียที่ฮุนไดมีส่วนแบ่งเป็นอันดับ 2 (18%)รองจากผู้นำตลาดซูซูกิที่มีส่วนแบ่งตลาด 55%
ก่อนเกิดแผ่นดินไหว ญี่ปุ่นผลิตรถยนต์และรถบรรทุกได้วันละ 37,000 คัน โดยครึ่งหนึ่งส่งออก ในปีที่แล้วมีการผลิตรถยนต์ทั่วโลก 72 ล้านคัน ในจำนวนนี้เป็นรถที่ผลิตในญี่ปุ่น 14% บริษัทโตโยต้า, ฮอนด้า, นิสสันและอื่น ๆ ได้ประกาศระงับการผลิตไปแล้วอย่างน้อย 1 สัปดาห์และมีแนวโน้นว่าสถานการณ์อาจทำให้ต้องขยายช่วงเวลาการปิดตัวออกไปอีกเป็นเดือน
นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้า ฯ เมืองเจนไน (ประเทศอินเดีย) กล่าวว่า สถานาการณ์ดูจะไม่เป็นใจให้ญี่ปุ่นที่จะฟื้นตัวง่ายๆสักเท่าใดนัก ทางเลือกที่ดูจะดีที่สุดและเป็นไปได้มากที่สุดสำหรับญี่ปุ่นในตอนนี้คือการเพิ่มกำลังการผลิตรถยนต์/ชิ้นส่วนจากฐานการผลิตในไทยป้อนตลาดอินเดีย จีน (ทั้งสองประเทศมีความตกลง FTA กับประเทศไทย) และทั่วโลกแทน เพื่อสกัดดาวรุ่งอย่างรถเกาหลีก็เป็นได้ หากเป็นเช่นนั้นประเทศไทยก็คงได้รับอานิสงค์ไปเต็มๆ
ที่มา: http://www.depthai.go.th