รายงานผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าอาหารไทย ในงานแสดงสินค้า MIA International Food Fair

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday March 23, 2011 17:44 —กรมส่งเสริมการส่งออก

รายงานผลการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้าอาหารไทย

ในงานแสดงสินค้า MIA International Food Fair

ณ เมืองริมินี่ ประเทศอิตาลี

ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔

๑. ความเป็นมา

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรมร่วมกับสมาคมผู้ประกอบการร้านอาหารแห่งอิตาลี (Italian Federation of Restaurants-FIPE) และทีมไทยแลนด์ในอิตาลี จัดกิจกรรมประชาสัมพันธ์และส่งเสริมการขายสินค้าอาหารไทยในงานแสดงสินค้าอาหารนานาชาติ MIA International Food Fair ซึ่งจัดขึ้นที่เมือง Rimini ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์และประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารและบริการของไทยในตลาดอิตาลีให้มากยิ่งขึ้น

งานแสดงสินค้า MIA International Food Fair เป็นงานแสดงสินค้าอาหารที่สำคัญของอิตาลี โดยจัดแสดงสินค้าอาหาร อาหารทะเล และเครื่องดื่มที่ใช้สำหรับการรับประทานนอกบ้าน รวมถึงบริการต่างๆ อย่างครบวงจร เช่น การบริการจัดเลี้ยงอาหารและเครื่องดื่ม ขนาดพื้นที่จัดงาน ๘๕,๐๐๐ ตารางเมตร ณ ศูนย์แสดงสินค้าของเมืองริมินี่ จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๑๙-๒๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ เป็นเวลา ๔ วัน ระหว่างเวลา ๙.๓๐ น. - ๑๘.๐๐ น. และวันสุดท้ายระหว่างเวลา ๙.๓๐ น. - ๑๗.๐๐ น. โดยมีผู้จัดแสดงสินค้า ๑,๐๐๐ บริษัท มีผู้เข้าเยี่ยมชมงานทั้งสิ้น ๗๖,๑๒๓ ราย (โดยมีผู้เข้าชมงานที่มาจากต่างประเทศเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ๒๕%) มีสื่อมวลชนให้ความสนใจ ๖๑๒ ราย และเกิดการนัดหมายทางธุรกิจ ๔,๐๐๐ ครั้งต่อวัน นอกจากนี้มีผู้ซื้อจากต่างประเทศเดินทางมาชมงานจาก ๓๘ ประเทศ ค่าใช้จ่ายในการเข้าชมงาน บัตร ๑ วัน ราคา ๓๘ ยูโร และบัตร ๔ วันราคา ๘๐ ยูโร

ผู้เข้าเยี่ยมชมงานเป็นผู้อยู่ในธุรกิจอุตสาหกรรมอาหารอิตาเลี่ยน ได้แก่ ผู้ให้บริการด้านอาหาร เช่น ร้านอาหาร ร้านขายพิซซ่า ร้านอาหารประเภทเครือข่ายและแฟรนไชส์ ร้านอาหารฟาสฟู๊ด ร้านให้บริการส่งอาหารที่บ้าน บริษัทรับจัดเลี้ยง เป็นต้น นอกจากนี้ยังกลุ่มผู้ให้บริการอื่นๆ ได้แก่ โรงแรม ผับ/บาร์ ร้านขายเบียร์ และไนท์คลับ ผู้กระจายสินค้าอาหาร ผู้ค้าส่งอาหาร ผู้นำเข้า/ผู้ส่งออก ตัวแทนขาย รวมถึงซุปเปอร์มาร์เก็ต ไฮเปอร์มาร์เก็ต Cash & Carry กลุ่มผู้ซื้อสินค้า ผู้ค้าปลีกอาหารและเครี่องดื่ม ผู้ผลิตสินค้าอาหารแช่แข็ง เครื่องดื่ม อาหารกระป๋อง อาหารเกษตรอินทรีย์ ผู้นำเข้าส่งออกผลิตภัณฑ์อาหาร สมาคมอาหารประจำแคว้นต่างๆของอิตาลี และกลุ่มผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ด้วย

๒. ผลการดำเนินงาน

สคร.โรมได้ดำเนินกิจกรรมส่งเสริมและประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารไทยในงานแสดงสินค้าดังกล่าว โดยใช้พื้นที่ในการจัดกิจกรรมขนาด ๒๕๐ ตรม. ระหว่างวันที่ ๒๐ - ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ระหว่างเวลา ๑๐.๐๐ - ๑๔.๐๐ น. โดยสรุปมีผลดังนี้

๒.๑ สคร.โรมได้ประสานงานกับผู้นำเข้าอาหารและเครื่องดื่มจากประเทศไทยเพื่อสนับสนุนตัวอย่างสินค้าในการทดลองชิม ดังต่อไปนี้

  • กลุ่มเครื่องดื่ม

๑) บริษัท Union Trade จากมิลาน ได้ให้การสนับสนุนเบียร์ช้าง (๒๔๐ ขวด) และเบียร์สิงห์ (๒๔๐ ขวด) เพื่อแจกให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทย ทั้งนี้มีผู้ทดลองชิมเครื่องดื่มดังกล่าวประมาณ ๔๐๐ คน โดยชาวอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นว่า เป็นโอกาสที่ดีที่ได้ลิ้มลองรสชาติของเบียร์ไทยเนื่องจากไม่เคยเห็นและชิมมากก่อน และทำให้มีโอกาสได้ค้นพบสิ่งใหม่ๆ และได้รับรู้ถึงนวัตกรรมสินค้าของไทย อย่างไรก็ดี เบียร์สิงห์เป็นที่รู้จักเป็นอย่างดีในกลุ่มผู้บริโภค (อาจเนื่องจากเคยไปเที่ยวประเทศไทยมาก่อน) ส่วนเบียร์ช้างผู้บริโภคยินดีทดลองชิมและชอบรสชาด แต่ส่วนใหญ่นิยมเบียรสิงห์มากกว่าเนื่องจากมีฟองสีทองและรสชาดนุ่มนวลและอร่อยกว่า ทั้งนี้ผู้บริโภคส่วนใหญ่สอบถามเรื่องขนาดของแอลกอฮอล์ในเบียร์ ซึ่งจะชื่นชอบเบียร์ไทยที่มีแอลกอฮอล์ ๕% มาก (ส่วนใหญ่จะมีขนาด ๘-๑๒%) สคร.โรมได้ให้รายชื่อผู้ติดต่อซื้อสินค้าในอิตาลีแก่ผู้สนใจพร้อมทั้งเชิญชวนให้เดินทางไปเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Thaifex 2011 ในไทยด้วย

๒) บริษัท High Energy Srl. จากโรม ได้ให้การสนับสนุนน้ำมังคุดสกัด ๖๐% (๒๕๐ ขวด) น้ำมังคุดสกัด ๓๕% (๒๕๐ ขวด) และน้ำทับทิม (๒๕๐ ขวด) เพื่อแจกให้แก่ผู้เข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทย ทั้งนี้มีผู้ทดลองชิมเครื่องดื่มดังกล่าวประมาณ ๖๐๐ คน โดยชาวอิตาเลี่ยนส่วนใหญ่ได้ให้ความเห็นว่า ชื่นชอบรสชาดของน้ำมังคุด ๖๐% มากที่สุด เนื่องจากรสชาติที่สร้างความสดชื่นแต่เบาๆ ตามด้วยน้ำทับทิม ส่วนน้ำมังคุด ๓๕% ผู้บริโภคส่วนใหญ่ชอบคุณสมบัติของสารต้านอนุมูลอิสระและส่วนผสมของผลไม้ในน้ำ ทั้งนี้รสชาดของน้ำผลไม้ที่สร้างความสดชื่นและให้พลังงานทำให้ชาวอิตาเลี่ยนแสดงความสนใจ โดยเฉพาะน้ำมังคุดที่มีรสหวาน กรอบ และอร่อยกว่าเมื่อเทียบกับน้ำทับทิม น้ำผลไม้ของไทยสามารถนำไปดื่มคู่กับของว่างรสเค็มได้ดี เนื่องจากไม่หวานมากเมื่อเทียบกับน้ำผลไม้ของอิตาเลี่ยน จากการประเมินผลการจัดกิจกรรมดังกล่าว สคร.โรมได้สอบถาม Mr. Claudio Catini เจ้าของบริษัท High Energy Srl. ซึ่งแจ้งว่า ได้รับการติดต่อจากบริษัทในอิตาลีหลายรายหลังจากงาน (ส่วนใหญ่อยู่ในภาคใต้ของอิตาลี) เนื่องจากสนใจเป็นตัวแทนจำหน่ายสินค้าของบริษัท โดยเฉพาะน้ำมังคุด นอกจากนี้ยังได้รับการติดต่อจากต่างประเทศด้วย เช่น เบลเยี่ยม ลักเซมเบอร์ก อัลบาเนีย กานา เป็นต้น

  • กลุ่มผลไม้

๑) บริษัท Garletti Srl. จากแบร์กาโม ได้ให้การสนับสนุนผลไม้ดังนี้ เงาะ (๒ กิโล) มังคุด (๒ กิโล) แก้วมังกร (๒ กิโล) กล้วย ( ๒ กิโล) และตะไคร้ (๓ กิโล) เพื่อส่งเสริมการขายผลไม้ไทยในหมู่ผู้ประกอบการด้านอาหารของอิตาลี ทั้งนี้ผู้เข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยหลายรายแจ้งว่า ไม่เคยมีโอกาสได้เห็น สัมผัส และทดลองชิมผลไม้ไทยเลยซึ่งถือเป็นโอกาสดีมากที่ทำให้ได้รับความรู้เกี่ยวกับผลไม้ไทย พร้อมทั้งคุณประโยชน์ของผลไม้ไทยที่มีต่อสุขภาพและโภชนาการ รสชาดของผลไม้ไทยเป็นที่ชื่นชอบมาก เนื่องจากมีรสชาดดี หวานละมุนและมีสีสันสดใส

  • กลุ่มอาหารแช่แข็งแบบ Ready to eat

๑) บริษัท Mega Alimentare จากโรม ได้ให้การสนับสนุนสินค้าดังนี้ ผัดไทย (๔๐ กิโล) ผัดหมี่มาเล Nasing Goreng (๓๐ กิโล) เกี้ยว (๒๐ กิโล) ปอเปี๊ยะกุ้ง (๒๐ กิโล) มีผู้ทดลองชิมอาหารดังกล่าวประมาณ ๘๐๐ คน ทั้งนี้สคร.โรมได้สอบถามความเห็นของบริษัทต่างๆ ที่เข้าเยี่ยมชมงานซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในอุตสาหกรรมอาหารทะเลแช่แข็งได้ให้ความเห็นว่า สินค้าดังกล่าวเป็นที่น่าสนใจมาก โดยสคร.โรมได้ให้ข้อมูลรายละเอียดเพิ่มเติมในเรื่องตลาดอาหารทะเลแช่แข็งของไทยและเชิญชวนให้เดินทางไปเยี่ยมชมงานแสดงสินค้า Thaifex 2011 ในไทยด้วย

  • กลุ่มของใช้ในร้านอาหาร

๑) บริษัท Wok Italia ได้ให้การสนับสนุนสินค้าแก้วกระดาษและส้อมไม้ ซึ่งทำให้ผู้ได้ทดลองชิมอาหารเห็นถึงความใส่ใจในสภาพแวดล้อมของสินค้าไทยเป็นอย่างมาก

๒.๒ การบรรยายเกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารไทยและศักยภาพของสินค้าอาหารไทยในตลาดอิตาลี รวมถึง food Safety โดย ฯพณฯ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโรม (นายสมศักดิ์ สุริยวงศ์) เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ โดยมีผู้เข้าร่วมการฟังบรรยายประมาณ ๕๐ คน ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ในวงการอาหารอิตาลีส่วนใหญ่

๒.๓ การสาธิตทำอาหารไทยโดยเชฟยุ้ย จากบริษัท Wok Foods เพื่อให้ความรู้ในการประกอบอาหารไทยอย่างง่ายให้กับผู้เข้าชม และสามารถซื้อวัตถุดิบไปประกอบอาหารเองได้ที่บ้าน เช่น เมนูสปาเกตตี้แกงเขียวหวานไก่ ต้มข่าไก่ ข้าวผัดกระเพราเนื้อ และประชาสัมพันธ์อาหารสำเร็จรูปแช่แข็งของไทย (Ready to Eat) ให้แก่ผู้ประกอบธุรกิจร้านอาหาร บาร์ โรงอาหาร และโรงแรม โดยผู้เข้าชมการสาธิตส่วนใหญ่ให้ความเห็นว่า การสาธิตดังกล่าวเป็นประโยชน์อย่างมาก และประสบความสำเร็จในแง่ของการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์อาหารไทยถึงวิธีการทำอาหารที่มีความประณีต ผสมผสานประเพณีวัฒนธรรม ไปจนถึงประโยชน์ต่อสุขภาพที่เป็นอาหารที่อุดมไปด้วยสารอาหารและมีไขมันน้อย

๒.๔ การจัดบรรยากาศแบบไทยๆ และกิจกรรมที่แสดงเอกลักษณ์ไทย เช่นการจัดแสดงรำไทย การสาธิตแกะสลักผลไม้ไทย ทำให้ดึงดูดความสนใจของผู้เข้าชมคูหาประเทศไทยได้เป็นอย่างมาก

๒.๕ การแจกเอกสารประชาสัมพันธ์ ได้แก่ เอกสารประชาสัมพันธ์อุตสาหกรรมอาหารไทย รายชื่อร้านอาหารไทยในอิตาลี ข้อมูลผลไม้ไทย เอกสารประชาสัมพันธ์งาน THAIFEX 2011 รวมถึงข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยวไทย เพื่อสร้างการรับรู้ และประชาสัมพันธ์อาหารไทยในตลาดอิตาลีให้มากขึ้น ซึ่งมีผู้สนใจขอรับเอกสารจำนวนมาก นอกจากนี้ยังมีสื่อมวลชนขอสัมภาษณ์ ฯพณฯ เอกอัครราชทูตไทย คือ ช่องทีวี Rai Uno ทำให้เกิดการเผยแพร่ภาพลักษณ์ของอาหารไทยผ่านสื่อทีวีที่มีผู้ชมจำนวนมากอีกด้วย

๓. สรุปข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ

สรุปคาดว่ามีผู้เข้าเยี่ยมชมคูหาประเทศไทยประมาณ ๑,๒๐๐ คน ตลอดระยะเวลาในการจัดงาน ๒ วัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาหารชาวอิตาเลี่ยน โดยผลที่ได้รับเป็นไปในเชิงบวก โดยเฉพาะสามารถทำให้เกิดการประชาสัมพันธ์ภาพลักษณ์และสินค้าอาหารไทยได้เป็นอย่างดีซึ่งเห็นได้จากการตอบรับของผู้บริโภค รวมถึงสื่อทางทีวี และสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆ ของอิตาลี โดยสรุปผลที่ได้รับคือ

๓.๑ การประชาสัมพันธ์สินค้าอาหารไทยผ่านช่องทางในงานแสดงสินค้า โดยเฉพาะงานแสดงสินค้าดังกล่าวเป็นงานแสดงสินค้าที่เจาะกลุ่มเป้าหมายกลุ่มธุรกิจบริการด้านอาหาร ทำให้สามารถสร้างทางเลือกใหม่ให้แก่ผู้บริการด้านอาหารของอิตาลี ในการเลือกซื้อสินค้า Ready to eat อาหารไทย

๓.๒ การจัดกิจกรรมดังกล่าวประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากทั้งในด้านประชาสัมพันธ์สินค้าให้แก่ผู้บริโภคโดยตรง และด้านธุรกิจ กล่าวคือ จากจำนวนผู้เข้าชมคูหาประเทศไทยที่มีโอกาสได้ชิมอาหาร ผลไม้ และเครื่องดื่มไทยพร้อมทั้งได้รับความรู้ถึงคุณประโยชน์ของสินค้าไทย รวมถึงการเลือกซื้อวัตถุดิบอาหารเพื่อนำไปประกอบอาหารไทยที่บ้าน ส่วนด้านธุรกิจพบว่า จากการสอบถามจากผู้ประกอบการที่ให้การสนับสนุนสินค้าตัวอย่างต่างก็ได้รับการติดต่อจากผู้ซื้อจากงาน ทำให้สามารถขยายมูลค่าสินค้าอาหารของไทยได้ในอนาคตด้วย

๓.๓ ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวทำให้ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าอาหารไทยได้มีโอกาสทำความรู้จักกัน แลกเปลี่ยนความคิด อีกทั้งเล็งเห็นประโยชน์ในการร่วมมือทางธุรกิจ และทำนัดหมายเพื่อพูดคุยรายละเอียดในภายหลัง เช่น บริษัท MegaAlimentare ขอนัดเจรจาร่วมมือกับบริษัท Wok Bologna

๓.๔ ผู้ประกอบการนำเข้าสินค้าไทยได้ความรู้และข้อคิดเห็นจากการแจกอาหารให้กับผู้ประกอบธุรกิจที่เกี่ยวกับอาหาร เพื่อไปแนะนำผู้ส่งออกไทยให้พัฒนาสินค้าอาหารให้ตรงกับรสนิยมของผู้บริโภคในตลาดอิตาลีเพิ่มขึ้น เช่น ผัดไทแช่แข็งของบ.MegaAlimentare ต้องปรับรสชาติให้เปรี้ยวน้อยลง น้ำมังคุดแบบ ๖๐% ของบ.High Energy ได้รับความนิยมมากกว่าแบบ ๓๕% และน้ำทับทิม

๓.๕ เนื่องด้วยสถานที่จัดงานตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของอิตาลี ซึ่งค่อนข้างไกลจากโรม และมิลาน ชาวอิตาลีแถบนี้ไม่ค่อยรู้จักอาหารไทย และผลไม้ไทย จึงนับเป็นการสร้างการรับรู้ให้กว้างมากยิ่งขึ้น อีกทั้งรูปแบบการจัดงานที่แสดงเอกลักษณ์ไทยทำให้สื่อมวลชนทั้งในภูมิภาค และระดับประเทศให้ความสนใจถ่ายทำข่าวคูหาประเทศไทยด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก Restaurant   อิตาลี   FED  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ