ตลาดสหรัฐส่งสัญญาฟื้น 2 เดือนตัวเลขส่งออกโต 20% ปีนี้กรมฯเน้นทำแบรนด์เสื้อผ้าไทย ผนึก 3 ส่วน เอสเอ็มอี—ดีไซเนอร์แบรนด์ดัง-ผู้เชี่ยวชาญตลาด

ข่าวเศรษฐกิจ Monday March 28, 2011 10:18 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ตลาดสหรัฐส่งสัญญาฟื้น 2 เดือนตัวเลขส่งออกโต 20% ปีนี้กรมฯเน้นทำแบรนด์เสื้อผ้าไทย ผนึก 3 ส่วน เอสเอ็มอี—ดีไซเนอร์แบรนด์ดัง-ผู้เชี่ยวชาญตลาด ออกตัวแรง “ดาราดัง” ฮอลลีวู้ด ซื้อให้ลูกถ่ายปกแม็กกาซีน ชี้สร้างฐานแบรนด์ไทยบุกตลาดโลก พร้อมก้าวสู่เออีซีอย่างยั่งยืน

นางสมจินต์ เปล่งขำ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐฯ กรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า ในช่วง 2 เดือนแรก (มกราคม-กุมภาพันธ์ 2554) การส่งออกของไทยไปยังสหรัฐฯเริ่มฟื้นตัว มีมูลค่า 3,355 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกัน 20% โดยสินค้าสำคัญส่งออก ได้แก่ 1.เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ 2.ผลิตภัณฑ์ยาง 3.ยางพารา 4.อัญมณีและเครื่องประดับ 5.เครื่องนุ่งห่ม 6.อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป 7.เครื่องใช้ไฟฟ้าและส่วนประกอบ เป็นต้น

สำหรับปีนี้จะเน้นทำตลาดส่งออกสินค้าเครื่องนุ่งห่มที่มีมูลค่าเพิ่มสูง คือ มีแบรนด์ของตนเอง นอกเหนือจากที่ส่งออกมาในลักษณะโออีเอ็ม(ผลิตให้แบรนด์ดังอื่น) ในปี 2553 สินค้าเครื่องนุ่งห่มมีมูลค่าสูง 1,263 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัว 7.26% โดย 2 เดือนแรกปีนี้ไทยส่งออก 194 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 2.8% ซึ่งปีนี้สคร.นิวยอร์กร่วมกับสำนักส่งเสริมมูลค่าเพิ่ม กรมส่งเสริมการส่งออก ว่าจ้างบริษัท นิวยอร์ก ไทย ดีไซน์ กรุ๊ป ซึ่งประกอบด้วยดีไซน์เนอร์คนไทยที่ทำงานให้กับแบรนด์ดังๆในนิวยอร์ก ในการผลักดันแบรนด์ของบริษัทไทยที่บริษัทร่วมมือกันสร้างขึ้นมา 5 บริษัท และคัดเลือกบริษัทเอ็สเอ็มอีไทยรายใหม่เพิ่มขึ้นอีก 4 บริษัทภายใต้โครงการสร้างเครือข่ายแฟชั่น ( Fashion Network) เพื่อผลักดันอุตสาหกรรมนี้ได้พัฒนาแบรนด์ขั้นสูง โดยผู้เชี่ยวชาญจะทำการตลาดแบรนด์ (Brand Marketing) โดยมีการจับคู่ระหว่างแต่ละโรงงานกับดีไซเนอร์ไทยที่ทำงานกับแบรนด์ชั้นนำในสหรัฐฯ ร่วมกันผลักดันโครงการนี้ให้เป็นผลสำเร็จ

“การจับคู่สร้างตัวแทนการขายเพื่อผลักดันเสื้อผ้าสำเร็จรูปไทยสร้างแบรนด์ของตัวเองในตลาดสหรัฐได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ซึ่งสคร.นครนิวยอร์กได้ศึกษาตลาดสินค้านี้มา 3 ปีแล้ว และพบว่า วิธีนี้ได้ผลสำเร็จ ทั้ง 3 ส่วนจะทำงานร่วมกัน ผู้ประกอบการ ผู้เชี่ยวชาญทำตลาดแบรนด์และดีไซเนอร์ไทยที่ไม่ธรรมดา เพราะทำงานกับในวงการเสื้อผ้าแบรนด์ดังๆ ของสหรัฐฯ อาทิ โปโล , แอนด์ เทเลอร์, แก็ป, โจนส์ นิวยอร์ก, เซ่, ทีโอรี่, เดอะลิมิเต็ด, ลิซ แคลบอร์น, เออร์เบิน เอ้าท์ฟิตเตอร์, แฮกก้าร์, เคนเนท โคล, ไมเคิล คอร์ส, ดีเร็ค แลมเป็นต้น” ทั้งนี้ผู้เชี่ยวชาญจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับโรงงาน ตั้งแต่เลือกหาแนวคิด(concept) ดูกระแสตลาด(Trend) ช่วยจัดหาวัตถุดิบ ออกแบบ ติดต่อประชาสัมพันธ์ หาโชว์รูม ออกงานแสดงสินค้าในสหรัฐฯ และนัดหมายลูกค้าให้มาชมสินค้าที่งานแสดงสินค้าและที่โชว์รูม

          ในปี 2553 มีบริษัทไทยที่เข้าร่วม 5 บริษัท และในปีนี้ยังจะเข้าร่วมโครงการต่อเนื่อง คือ บริษัท ฮาร์ต แอนด์ ไมด์ แอพพาแรล ทำเสื้อผ้าแบรนด์มิลเลอร์ ออฟ คัลเลอร์, บริษัทเทพฤกษ์         แบรนด์ มาลี คิดส์, บริษัทไพโอเนีย แบรนด์ แอนดรูส์ & ออเดร, บริษัท ทองไทย แบรนด์-อินฟอร์มและ บริษัท บูติคนิวซิตี้ แบรนด์สวิทช์ ซึ่งเป็นการเจาะตลาดมีการสั่งซื้อสินค้าผ่านโชว์รูมและงานแสดงสินค้าแล้ว ถึงแม้ยอดการสั่งซื้อจะยังไม่มากนัก

“สินค้าแบรนด์ทั้ง 5 แบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จักในวงการ มีการลงพิมพ์ในวารสารด้านแฟชั่นหลายฉบับ โดยล่าสุด แบรนด์ มิลเลอร์ ออฟ คัลเลอร์ ซึ่งเป็นเสื้อผ้าเด็ก เป็นเสื้อผ้าที่ดาราดังเจนนิเฟอร์ เกอร์เนอร์ (Jennifer Garner) และ เบน แอฟเฟล็ก (Ben Afflect) เลือกซื้อให้กับลูกสาวสวมใส่และถ่ายรูปในนิตยสาร ซึ่งเป็นการเพิ่มชื่อเสียงให้กับแบรนด์มากยิ่งขึ้น” นางสมจินต์ กล่าว

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กล่าวว่า กรมฯมีนโยบายส่งเสริมแบรนด์ไทยสู่ตลาดโลก เนื่องจากไทยและประเทศในกลุ่มอาเซียนกำลังจะก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) ในปี 2558 ทำให้ทุกประเทศในภูมิภาคต้องปรับตัว เพื่อรับมือกับการแข่งขันทางการค้าที่เข้มข้นขึ้น ซึ่งกรมฯ มีนโยบายสนับสนุนผู้ประกอบการไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมสิ่งทอ แฟชั่น และเครื่องหนังให้มีการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรม และสร้างสรรค์การออกแบบที่ตรงกับความต้องการของตลาดโลก ตลอดจนการสร้างเครือข่ายพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจไทยและอาเซียน ซึ่งกรมฯคาดหวังว่า ผู้ประกอบการไทยจะสามารถปรับตัว และรับมือกับ การแข่งขันที่มีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจสูงขึ้น และยังคงมีกำลังซื้อสูง อันจะทำให้ประเทศไทยสามารถก้าวสู่ความเป็นผู้นำและมีบทบาทในอาเซียน

สินค้าแฟชั่น เสื้อผ้าและเครื่องหนังของไทยได้รับการยอมรับจากตลาดโลกในด้านที่มีความสร้างสรรค์ในการออกแบบ ผลิตอย่างมีคุณภาพ และราคาย่อมเยา ซึ่งในปี 2553 สินค้าสิ่งทอ เสื้อผ้า เครื่องนุ่งห่ม ทำรายได้เข้าประเทศมีมูลค่าถึง 7,677 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 19% จากปี 2552 ทั้งนี้กรมฯได้จัดแสดงสินค้าแฟชั่นและเครื่องหนังประจำปี 2554 (BIFF&BIL 2011) ภายใต้แนวคิด Influence the World จะเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมนวัตกรรมและการสร้างสรรค์การออกแบบเพื่อชูจุดแข็งและศักยภาพของสมาชิกกลุ่มประเทศอาเซียนที่ส่งอิทธิพลต่อกระแสแฟชั่นโลก “คาดว่าผู้ซื้อจากต่างประเทศสามารถเลือกชมและสั่งซื้อสินค้าจากผู้เข้าร่วมแสดงสินค้ากว่า 1,000 รายในวันที่ 20-22 เมษายน 2554 และสำหรับประชาชนทั่วไปสามารถเข้าชมงานและจับจ่ายซื้อสินค้าได้ในวันที่ 23-24 เมษายนนี้ ณ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมอิมแพ็ค เมืองทองธานี” นางนันทวัลย์ กล่าว

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ