การค้าระหว่างประเทศของฟิลิปปินส์ เดือน พฤศจิกายน 2553

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 29, 2011 11:06 —กรมส่งเสริมการส่งออก

1. การค้าระหว่างประเทศในเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2553 เปรียบเทียบกับปี 2552

มูลค่า : พันล้านเหรียญสหรัฐ

                  ม.ค.-พ.ย.53    ม.ค.—พ.ย.52     % Change
   การค้ารวม         96.991          74.269        30.59
   การส่งออก          47.22          35.114        34.48
   การนำเข้า         49.771          39.155        27.11
   ดุลการค้า          -2.551          -4.041       -36.87

1.1 ปริมาณการค้า ปริมาณการค้ารวมเดือน มกราคม - พฤศจิกายน 2553 มีมูลค่า 96.991 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.59 จาก 74.269 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552 โดยเป็นการส่งออก 47.220 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ นำเข้า 49.771 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเดือนพฤศจิกายน 2553 มีปริมาณการค้ารวม 9.079 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 23.17 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2552 ส่วนมูลค่าส่งออกและนำเข้าเดือนพฤศจิกายน 2553 เท่ากับ 4.136 และ 4.943 พันล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

1.2 การส่งออก ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2553 ฟิลิปปินส์ส่งออกมูลค่า 47.220 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.48 จาก 35.114 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552

สินค้าส่งออกที่สำคัญของฟิลิปปินส์ยังคงเป็นสินค้าอีเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีการส่งออกรวม 28.823 พันล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 61.0 ของมูลค่าส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจาก 20.293 พันล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งส่งออกได้ในระยะเดียวกันของปี 2552 คิดเป็นร้อยละ 42.03 สำหรับการส่งออกในเดือนพฤศจิกายนนี้มีมูลค่าการส่งออก 4.136 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาร้อยละ 11.27 โดยที่สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกหลักมีมูลค่าส่งออก 2,333.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งส่งออกได้ 2,149.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 8.54 เนื่องจากตลาดต่างประเทศยังมีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเซมิคอนดักเตอร์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีแนวโน้มในการส่งออกสดใส มีความต้องการซื้อเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่าร้อยละ 90 ลำดับที่สองได้แก่เสื้อผ้าและเครื่องนุ่งห่มซึ่งมีมูลค่าส่งออก 138.2 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนปีที่ผ่านมาซึ่งส่งออกได้ 134.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 2.4 ส่วนลำดับต่อมาได้แก่ไม้แกะสลักและเฟอร์นิเจอร์ไม้ มูลค่าส่งออก 134.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งส่งออกได้ 87.54 เหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 53.3 สำหรับน้ำมันมะพร้าวซึ่งส่งออกได้ 79.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาร้อยละ 118.6

ตั้งแต่มกราคม —พฤศจิกายน 2553 ตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์กลับมาเป็นญี่ปุ่น ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 15.15 ส่วนสหรัฐอเมริกาเลื่อนลงมาเป็นลำดับที่สอง มีสัดส่วนร้อยละ 14.81 ลำดับต่อมาได้แก่ สิงคโปร์ จีน และฮ่องกง มีสัดส่วนร้อยละ 14.57, 10.81 และ 8.33 ตามลำดับ ส่วนประเทศไทยเป็นตลาดลำดับที่ 9 คงเดิมซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 3.46

1.3 การนำเข้า ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2553 การนำเข้าของฟิลิปปินส์มีมูลค่า 49.771พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27.11 จาก 39.155 พันล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

สินค้านำเข้าอันดับหนึ่งคือ สินค้าอีเล็กทรอนิกส์ นำเข้ามูลค่า 16.845 พันล้านเหรียญสหรัฐ (มีสัดส่วนร้อยละ 33.8 ของการนำเข้ารวม) นำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 21.13 จากปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้า 13.906 พันล้านเหรียญสหรัฐ ลำดับที่สองได้แก่น้ำมันเชื้อเพลิง นำเข้ามูลค่า 8.581 พันล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 30.01 จาก 6.600 พันล้านเหรียญสหรัฐของเดือนพฤศจิกายนของปีที่ผ่านมา ส่วนเดือนพฤศจิกายนนี้มีการนำเข้า 4,943.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมาซึ่งนำเข้า 3,654.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 35.2 โดยที่ร้อยละ 37.1 เป็นการนำเข้าวัตถุดิบ และร้อยละ 31.7 เป็นการนำเข้าสินค้าทุนที่สำคัญได้แก่ อุปกรณ์ด้านโทรคมนาคมและไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วนนำเข้าร้อยละ 52.5 มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 32.9 ลำดับต่อมาได้แก่ อุปกรณ์เกี่ยวกับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งมีสัดส่วนร้อยละ 18.7 มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นร้อยละ 44.8 ส่วนน้ำมันเชื้อเพลิงนำเข้า 866.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 13.3 สำหรับสินค้าข้าวตั้งแต่มกราคม - พฤศจิกายน 2553 นำเข้าแล้วเป็นมูลค่า 1,498.9 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งมากกว่าระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้า 919.9 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 62.9

1.4 ดุลการค้า

ตั้งแต่มกราคม — พฤศจิกายน 2553 ฟิลิปปินส์มีการนำเข้ามากกว่าการส่งออกทำให้มีการขาดดุล 2.551 พันล้านเหรียญสหรัฐ แต่ยังต่ำกว่าปีที่ผ่านมาซึ่งขาดดุล 4.041 พันล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 36.87

1.5. ประเทศคู่ค้าสำคัญของฟิลิปปินส์

คู่ค้าที่สำคัญของฟิลิปปินส์ในเดือนนี้ ลำดับแรกยังคงเป็นญี่ปุ่นซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 13.72 ส่วนสหรัฐอเมริกาเลื่อนลงมาเป็นอันดับสองมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12.69 ส่วนอันดับที่3, 4และ5 ได้แก่ สิงคโปร์ สาธารณรัฐประชาชนจีน และเกาหลีใต้ ซึ่งมีส่วนแบ่งการตลาดร้อยละ 12.02, 9.52 และ 5.62 ตามลำดับ สำหรับประเทศไทยเลื่อนจากลำดับที่ 7 ขึ้นมาเป็นลำดับที่ 6 โดยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 5.38

2. การค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์เปรียบเทียบกับระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมา

มูลค่า : ล้านเหรียญสหรัฐ

ม.ค.— พ.ย 53 ม.ค.- พ.ย.52 % Change

การค้ารวม                            6,758.90         4,370.40     54.65
ไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์                    4,574.60         2,779.70     64.57
ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์                   2,184.30         1,590.70     37.32
ดุลการค้า                             2,390.30         1,189.00    101.03

2.1 ปริมาณการค้า

ปริมาณการค้าระหว่างไทยกับฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนมกราคม - พฤศจิกายน 2553 มีมูลค่า 6,758.9 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.65 จาก 4,370.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ในระยะเดียวกันของปี 2552 โดยเป็นการส่งออก 4,574.6 ล้านเหรียญสหรัฐ และนำเข้า 2,779.7 ล้านเหรียญสหรัฐ

ในเดือนพฤศจิกายน 2553 มีปริมาณการค้ารวม 667.1 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 34.88 เมื่อเทียบกับเดือนพฤศจิกายน 2552 ส่วนการส่งออกและนำเข้าเดือนนี้มีมูลค่า 420.7 และ 246.4 ล้านเหรียญสหรัฐ ตามลำดับ

2.2 การส่งออก

ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2553 ไทยส่งสินค้าออกไปฟิลิปปินส์เป็นมูลค่า 4,574.6 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 64.57 จาก 2,779.7 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2552 เมื่อเปรียบเทียบมูลค่าสินค้าไทยส่งไปฟิลิปปินส์กับมูลค่าที่ฟิลิปปินส์นำเข้าจากทุกประเทศ คิดเป็นร้อยละ 9.19

สินค้าไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์ที่สำคัญได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มีมูลค่า 956.3 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 20.9 ของมูลค่าการส่งออกรวมจากไทยไปฟิลิปปินส์) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาร้อยละ 57.65 ซึ่งเป็นอัตราที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องจากเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา ลำดับที่สองคือน้ำมันสำเร็จรูป มีมูลค่าส่งออก 580.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 12.6 ของมูลค่าการส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่แล้วร้อยละ 323.18 สินค้าเกษตรที่สำคัญได้แก่ ข้าวมีมูลค่าส่งออก 244.4 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 5.3 ของมูลค่าการส่งออกรวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาถึงร้อยละ 256.65 เนื่องจากผู้ส่งออกไทยสามารถประมูลขายข้าวให้รัฐบาลฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังส่งออกน้ำตาลทรายได้เพิ่มขึ้น จาก 32.4 ล้านเหรียญสหรัฐ เป็น 161.2 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 397.4 ทั้งนี้เพราะฟิลิปปินส์ประสบภาวะแห้งแล้ง ผลิตน้ำตาลได้ไม่เพียงพอกับความต้องการบริโภค

2.3 การนำเข้า

ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2553 ไทยนำเข้าจากฟิลิปปินส์มูลค่า 2,184.3 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 37.32 จากระยะเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งนำเข้ามูลค่า 1,590.7 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าสินค้าที่ฟิลิปปินส์ส่งมายังไทยคิดเป็นร้อยละ 4.6 ของมูลค่าส่งออกรวมของฟิลิปปินส์

สินค้านำเข้าจากฟิลิปปินส์ที่สำคัญอันดับแรกคือ แผงวงจรไฟฟ้ามีมูลค่า 384.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 17.5 ของมูลค่านำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 290.8 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 32.09 ลำดับที่สองได้แก่ ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ นำเข้าเป็นมูลค่า 331.1 ล้านเหรียญสหรัฐ (คิดเป็นร้อยละ 15.1 ของมูลค่านำเข้ารวม) เพิ่มขึ้นจากระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งนำเข้ามูลค่า 192.5 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 72.45

2.4 ดุลการค้า

เนื่องจากไทยส่งออกไปฟิลิปปินส์มากกว่านำเข้าสินค้าจากฟิลิปปินส์ ในช่วงเดือนมกราคม — พฤศจิกายน 2553 ฟิลิปปินส์ขาดดุลการค้ากับไทยเป็นมูลค่า 2,390.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งขาดดุลสูงกว่าระยะเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขาดดุล 1,189.0 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นร้อยละ 101.03

3. การคาดการณ์ภาวะการค้า

ธนาคารกลางของฟิลิปปินส์ได้พิจารณาปรับลดอัตราความเติบโตทางเศรษฐกิจปี 2011 จากเดิมที่ได้คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 7-8 ลดลงมาเป็นร้อยละ 5-6 ซึ่งพิจารณาจากผลกระทบจากสถานการณ์ความไม่สงบในประเทศแอฟริกา และตะวันออกกลางที่มีการสู้รบซึ่งกระทบต่อแรงงานฟิลิปปินส์ที่ทำงานในประเทศดังกล่าว ตลอดจนความเสียหายจากแผ่นดินไหว และคลื่นยักษ์ Tsunami ที่เข้าถล่มประเทศญี่ปุ่น จึงมีผลต่อจำนวนเงินที่ส่งมาจากแรงงานฟิลิปปินส์ในต่างประเทศลดลง และรายได้จากการส่งออกสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ไปญี่ปุ่นลดลง นอกจากนี้อุตสาหกรรมประกอบรถยนต์ซึ่งจะต้องนำเข้าชิ้นส่วนมาจากญี่ปุ่นก็ได้รับผลกระทบด้วย แต่อย่างไรก็ดีกระทรวงเกษตรฟิลิปปินส์คาดว่าอาจจะเป็นโอกาสของสินค้าเกษตรได้แก่ผัก และผลไม้ จะส่งออกไปญี่ปุ่นได้เพิ่มขึ้น

ฟิลิปปินส์ซึ่งเป็นผู้นำเข้าข้าวรายใหญ่ของโลก ได้เปิดโอกาสให้ผู้นำเข้าที่ประสงค์จะนำเข้าข้าวในปีนี้ สามารถยื่นความจำนงขอนำเข้าข้าวได้โดยไม่ต้องเสียภาษีนำเข้าร้อยละ 40 จึงมีผู้นำเข้ายื่นความจำนงรวม 35 ราย เป็นข้าวจำนวนกว่า 600,000 เมตริกตัน โดยจะแจ้งผลการจัดสรรให้แก่ผู้นำเข้าทราบต่อไป หลังจากนั้นผู้นำเข้าก็จะได้เริ่มมีการนำเข้าข้าว ซึ่งส่วนใหญ่คาดว่าจะนำเข้าข้าวจากไทย สำหรับสินค้าไทยที่ยังมีศักยภาพในการส่งออกไปฟิลิปปินส์เป็นอันดับหนึ่งได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบส่งออกได้เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาร้อยละ 57.65 ซึ่งคาดว่าจะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเพราะยังมีความต้องการซื้อเพื่อชดเชยรถยนต์ที่เสียหายจากพายุใต้ฝุ่น สินค้าอื่นที่มีศักยภาพรองลงมา ได้แก่ น้ำมันสำเร็จรูป และแผงวงจรไฟฟ้า ส่วนสินค้าเกษตรได้แก่ข้าว และน้ำตาลทราย

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ