ภาพรวมของตลาดรถยนต์และอะไหล่ของยูเออี

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday March 29, 2011 11:31 —กรมส่งเสริมการส่งออก

จากการเพิ่มขยายของจำนวนประชากร เศรษฐกิจการเงินของประเทศมีฐานะดี รายได้ของประชากรต่อหัวอัตราสูง มาตรฐานการครองชีพดี ราคาน้ำมันที่ส่งออกอยู่ในระดับสูง รัฐบาลให้เงินอุดหนุนราคาน้ำมัน อัตราภาษีนำเข้ารถยนต์ต่ำ มีตลาดรองรับสินค้าส่งออกต่อรถยนต์และอะไหล่ในหลายประเทศ ทำให้ตลาดรถยนต์ของประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี)ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาขยายตัวอย่างก้าวกระโดด ในประเทศเองไม่มีการผลิตหรือการประกอบรถยนต์ มีโรงงานผลิตอะไหล่ในประเทศจำนวนเล็กน้อยสำหรับใช้ส่งออก ยูเออีอาศัยการนำเข้าสินค้ารถยนต์และอะไหล่เกือบทั้งสิ้น

หลังจากเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อปี 2552 ทำให้การนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้หดตัวลง จากรายงานของ The Economist Intelligence Unit ประมาณว่ายูเออีนำเข้ายานยนต์ลดลง 10% หรือลดลงจากมูลค่า 10.3 พันล้านเหรียญสรอ.(ปี 2551) เหลือมูลค่า 9.3 พันล้านเหรียญสรอ.(ปี 2552) หรือมีสัดส่วน 4% ของ GDP โดยมีจำนวนยานยนต์ที่นำเข้าปี 2552 อยู่ที่ 1.4 ล้านคัน เฉพาะในรัฐดูไบจำนวนการจดทะเบียนยานยนต์เมื่อปี 2552 ลดลง 31.5% โดยเมื่อปี 2551 มีจำนวน 218,429 คัน และลดเหลือ 149,730 คันในปี 2552

การเปลี่ยนแปลง

ในช่วงสภาพเศรษฐกิจชะลอลงจากปัญหาวิกฤติการเงิน ส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น สินค้าฟุ่มเฟือยราคาแพงจะถูกลดหรือตัดออกเป็นรายการแรก โดยเฉพาะสินค้ารถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก ชาวต่างชาติที่เป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศที่อาศัยอยู่ในยูเออีได้ย้ายออกกลับไปประเทศภูมิลำเนาจำนวนมาก ส่งผลทำให้ยอดการขายรถยนต์ลดลง ทั้งนี้ชาวต่างชาตินั้นเป็นกลุ่มคนที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจสูงสุด คนจำนวนมากถูกปลดออกจากงาน มีรถยนต์ใช้แล้วถูกจอดทิ้งที่สนามบินหลายคันตามที่เคยเป็นข่าวโด่งดังไปทั่วโลก หลังจากนั้นในปี 2553 มีสัญญานแสดงทิศทางของตลาดรถยนต์ว่าน่าจะขยับตัวขึ้น โดยจากจำนวนยอดขายของงานแสดงรถยนต์ และจำนวนผู้เข้าชมงานดังกล่าวปี 2553 มีอัตราขยายตัวขึ้นมากเมื่อเทียบกับก่อน

รัฐดูไบเป็นศูนย์กลางนำเข้าสำคัญของยูเออีทั้งเพื่อใช้ในประเทศและส่งออกต่อ ดูไบมีสัดส่วน 50% ของสต๊อกยานยนต์ทั้งประเทศ ยูเออีเป็นประเทศที่นำเข้ารถยนต์ใช้แล้วจากญี่ปุ่นมากที่สุดเพื่อส่งออกต่อไปกลุ่มประเทศอัฟริกา และเป็นประเทศที่ใช้รถยนต์เฉลี่ยต่อประชากรสูงสุดในบรรดาประเทศกำลังพัฒนา หรือมีจำนวนรถยนต์ 366 คันต่อประชากร 1,000 คน แต่จำนวนการซื้อขายรถยนต์และขึ้นทะเบียนรถใหม่เมื่อปี 2552 ลดลงประมาณ 10% ทั้งนี้เพราะธนาคารพาณิชย์เข้มงวดออกเงินกู้ โดยกำหนดอัตราเพดานเงินเดือนผู้กู้ขั้นต่ำ 5 หมื่นบาทต่อเดือน เพิ่มขึ้นจากเพดานเงินเดือนขั้นต่ำ 3 หมื่นบาทต่อเดือน

รัฐบาลยูเออีได้ลงทุนจำนวนมหาศาลสร้างรถไฟฟ้าสำหรับขนส่งมวลชน เส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีแดงเปิดให้บริการประชาชนเมื่อเดือนกันยายน 2552 และเส้นทางเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวจะสามารถให้บริการประชาชนได้ในเดือนสิงหาคม 2554 ศกนี้ นอกจากนั้นรัฐบาลดูไบยังได้เสริมระบบขนส่งมวลชนทางน้ำใช้เรือโดยสารขนาดเล็กรับส่งผู้โดยสารในคลอง Creek บางรัฐกำหนดให้วันพุธเป็นวันปลอดรถยนต์เพื่อรณรงค์ให้คนใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง

สำหรับรัฐอื่นๆนอกจากดูไบ รัฐบาลได้จัดหาระบบขนส่งมวลชนเพื่อกระตุ้นให้ประชาชนหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนมากขึ้น รัฐอาบูดาบีมีโครงการจะสร้างรถไฟฟ้า รัฐชาร์จาห์จัดรถโดยสารประจำทางบริการทั่วเมือง รวมทั้งการติดตั้งมิเตอร์เก็บค่าจอดรถเกือบทุกรัฐในประเทศและมีแผนขยายพื้นที่เก็บค่าที่จอดรถเพิ่มมากขึ้น ในส่วนของราคาน้ำมันในประเทศนั้น ในช่วงปี 2552-2553 รัฐบาลยูเออีประกาศปรับราคาน้ำมันรถยนต์ทุกชนิดขึ้นประมาณ 30% ถึง 2 ครั้ง

กลยุทธการตลาดรถยนต์

หลังจากตลาดซบเซาเพราะพิษเศรษฐกิจเมื่อปี 2552 ดังนั้นในปี 2553 ที่ผ่านมา บริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ในยูเออีได้เร่งปรับแผนการตลาดเพื่อเพิ่มยอดขาย อาทิ บริษัท Al Futtaim ดีลเลอร์รถยนต์รายใหญ่ที่สุดของประเทศประกาศลดราคารถยนต์ยี่ห้อ Honda และ Toyota ทุกคันๆละ 50,000 บาท แถมประกันภัยรถยนต์ฟรี 1 ปี และหากซื้อรถยนต์ก่อนเดือนพฤษภาคม 2553 ไม่ต้องวางเงินมัดจำค่ารถ ธนาคาร Dubai Islamic Bank ประกาศ Al Islami Auto Finance ให้เงินกู้ซื้อรถยนต์ผ่อนยาวถึง 6 ปี

บริษัท Juma Al Majid Group ดีลเลอร์รถยนต์ยี่ห้อ Hyundai ลดขั้นตอนและเพิ่มความสะดวกในการทำ finance รถยนต์ มีการแจกสลากนำโชคพร้อมเงินรางวัลมากมายให้ผู้ซื้อ ส่วนบริษัท Al Tayer Motors ร่วมกับธนาคาร Emirates NBD ซึ่งเป็นธนาคารพาณิชย์ที่ใหญ่ที่สุดในอ่าวอาหรับ แจกรางวัลเป็นแพคเกตวันหยุดในต่างประเทศให้ผู้ซื้อ

ทิศทางและแนวโน้มอนาคต

รูปแบบการใช้รถยนต์ในประเทศจะเปลี่ยนไป เดิมผู้บริโภคในยูเออีนิยมรถขนาดใหญ่ มีจำนวนแรงม้าสูง แต่จากการที่ราคาน้ำมันปรับสูงขึ้น ทำให้ผู้บริโภคหันมาสนใจรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันมากขึ้นมีขนาดเครื่องยนต์เล็กลง รถยนต์ที่สามารถใช้พลังงานอื่นที่มีราคาถูกกว่าน้ำมัน เช่น เอทานอล โซลาเซลล์ พลังงานไฟฟ้า รวมทั้งรถยนต์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เพื่อลดมลภาวะทางอากาศ ได้แก่ รถ Hybrid รถที่ขับเคลื่อนโดยพลังงานไฟฟ้า รถยนต์ที่ใช้แก๊สธรรมชาติเริ่มเป็นที่นิยมในตลาด เนื่องจากกระแสความต้องการประหยัดน้ำมัน พื้นที่จอดรถฟรีมีน้อยและจำกัดสร้างภาระค่าใช้จ่ายเพิ่มกับเจ้าของรถยนต์ และศักยภาพขนส่งมวลชนมีทั่วถึงครอบคลุมหลายพื้นที่มากยิ่งขึ้น มีสะดวกและรวดเร็วในการเดินทางทำให้ความจำเป็นใช้รถยนต์ส่วนตัวลดน้อยลง

เมื่อยอดขายรถใหม่ลดลง ตัวแทนจำหน่ายหลายค่ายหันมาเร่งปรับปรุงบริการหลังการขายให้มีศักยภาพเพิ่มขึ้น หลังจากที่ไม่ค่อยให้ความสำคัญมานาน เช่น การเพิ่มระยะเวลาการประกันรถฟรีนานมากขึ้นโดยไม่จำกัดจำนวนไมล์ ขยายเพิ่มการคุ้มครองรถยนต์มากขึ้น อาทิ การประกันรถหายหรือถูกขโมยให้ผู้ซื้อรถใหม่ทุกคัน บริษัท Gargash Enterprises ตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ยี่ห้อ Mercedes-Benz ให้ทางเลือกผู้ซื้อโดยเสนอขายรถมือสองให้ลูกค้า บางบริษัทขยายพื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงเพื่อรองรับจำนวนลูกค้าได้มากขึ้น

รัฐบาลดูไบสร้าง Dubai Auto Zone เขตพิเศษสำหรับบริษัทตัวแทนจำหน่ายรถยนต์เพื่อการนำเข้า/การซื้อขายรถยนต์ใหม่ รถยนต์ใช้แล้ว เป็นศูนย์กระจายอะไหล่แท้และอะหลั่ยสำหรับซ่อมบำรุง โดยไม่จัดเก็บภาษีนำเข้า และเป็นเขตพิเศษในการส่งออกต่อ (Re-export)จากดูไบไปในภูมิภาคตะวันออกกลาง อัฟริกา อิหร่านและกลุ่มประเทศซีไอเอส

สินค้ายานยนต์และอะไหล่นำเข้าผ่านดูไบคิดเป็นสัดส่วนตลาด 52% ของการนำเข้ารวม อะไหล่รถยนต์จำนวน2ใน3 ที่นำเข้านั้นใช้เพื่อส่งออกต่อ ในช่วงที่เศรษฐกิจขาลงหลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ คนยูเออีใช้รถเฉลี่ยถึง 4-6 ปีโดยไม่ยอมเปลี่ยน ฉะนั้นช่องทางการค้าการลงทุนจึงหมุนไปที่อะไหล่กับศูนย์ซ่อมและบริการมากกว่า

การนำเข้าและสินค้า

จากการเผยแพร่ข้อมูลของหน่วยงานการค้าของสหรัฐฯในยูเออี ระบุว่าสินค้าอะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ที่ส่งออกไปยูเออีมูลค่ามาก ได้แก่ ระบบห้ามล้อ ถุงลงนิรภัย ล้ออัลลอย เสาอากาศรถยนต์ เครื่องล้าง/ขัดรถอัตโนมัติ ระบบห้ามล้อไฮโดรลิคและชิ้นส่วน กันชน เครื่องเสียงรถยนต์ ปั๊มระบบหัวฉีด ระบบพวงมาลัยไฮโดรลิคและชิ้นส่วน สี เบาะคลุมที่นั่ง มิเตอร์วัดความเร็ว ปั๊มน้ำและปั๊มน้ำมัน

สินค้าอื่นๆที่มีลู่ทางในตลาดยูเออี ได้แก่ อุปกรณ์ตกแต่งตัวถังรถยนต์สำหรับรถขับเคลื่อนสี่ล้อ กระบังลวดสำหรับตัวถัง ไฟรถ อุปกรณ์ตกแต่งวงล้อ วาวล์สำหรับรถยนต์/รถบรรทุกและรถโดยสาร ที่ปัดน้ำฝน เครื่องมือซ่อมรถชนิดใช้กับแบตเตอรี่ และฟิล์มติดกระจก

ผู้ส่งออกอะไหล่และส่วนประกอบรถยนต์ที่สำคัญของยูเออีมูลค่าสูงสุด คือ ญี่ปุ่น รองลงไป ได้แก่ เยอรมัน สหรัฐฯ และจีน อะไหล่ปลอมมีสัดส่วนตลาดถึง 30% ทำให้บริษัทรถยนต์และผู้ผลิตอะไหล่แท้ในต่างประเทศมีการออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลยูเออีจัดหามาตรการควบคุมและปราบปรามสินค้าปลอมให้หมดสิ้น ทั้งนี้การผลิตสินค้ากลุ่มนี้มีการผลิตในประเทศได้น้อยมาก หากเป็นโรงงานนั้นจะใช้ยูเออีเป็นฐานการผลิตเพื่อส่งออกมากกว่าสำหรับใช้ในประเทศ

การส่งออกของไทย พอสรุปได้ดังนี้ ปี 2551 ไทยส่งออกรถยนต์และอะไหล่ไปยูเออีมูลค่า 313.1 ล้านเหรียญสรอ.อัตราการขยายตัวในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น 16.5% ปี 2552 ลดลงเหลือมูลค่า 217.9 ล้านเหรียญสรอ. หรือลดลง 30.4% ในปี 2553 ที่ผ่านมามูลค่าส่งออกเพิ่มขึ้นเป็น 333.2 ล้านเหรียญสรอ. คิดเป็นอัตราขยายตัวในเชิงมูลค่า 52.9% ประเภทของสินค้าเป็นทั้งอะไหล่แท้ (OEM) และอะไหล่ทดแทนสำหรับซ่อมบำรุง (After Market Automotive Spare parts)

อะหลั่ยซ่อมบำรุงของไทยที่มีลู่ทางในตลาดยูเออี อาทิ แผ่นคลัช ลูกปืนคลัช เครื่องกรองน้ำมัน แผ่นเบรค ลูกปืนเครื่อง ไส้กรองต่างๆ แหวนลูกสูบ สายพานต่างๆ โช๊คอัพ ปั๊มน้ำ และแผงหน้าปัด เป็นต้น

สำหรับงานแสดงสินค้าสินค้าอะหลั่ยรถยนต์ที่สำคัญของยูเออี คืองาน Automechanika Middle East เป็นงานแสดงสินค้าอะไหล่รถที่มีชื่อเสียง โดยจัดขึ้นทุกปีที่รัฐดูไบประมาณเดือนมิถุนายน และกรมส่งเสริมการส่งออกจัดคณะผู้ส่งออกเข้าร่วมงานมาหลายปีติอต่อกัน

สรุป

1. การที่ประชาชนยูเออีนิยมใช้รถยนต์ส่วนตัวอย่างแพร่หลายนั้น เพราะระบบขนส่งมวลชนที่วางไว้นั้นไม่เพียงพอ การขนส่งรองรับต่อเนื่องกับรถไฟฟ้ามีประสิทธิภาพไม่ทั่วถึง กอรปกับสภาพอากาศร้อนจัด พฤติกรรมจึงใช้รถส่วนตัวมากกว่าที่จะหันไปใช้รถบริการสาธารณะหรือระบบขนส่งมวลชนของรัฐ

2. หลังจากเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ ทำให้ผู้บริโภคปัจจุบันจำเป็นต้องระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น ความสามารถในการใช้จ่ายสินค้าฟุ่มเฟือยเช่นรถยนต์ไม่เพิ่มสูงขึ้น พฤติกรรมของคนยูเออีใช้รถเฉลี่ยถึง 4-6 ปีโดยไม่ยอมเปลี่ยน การซ่อมแซมรถซื้ออะไหล่ซ่อมบำรุงจึงมีโอกาสมากขึ้น

3. ยูเออีเป็นตลาดส่งออกรถยนต์ใช้แล้วใหญ่ที่สุดในตะวันออกกลาง เป็นประเทศที่นำเข้ารถยนต์ใช้แล้วจากญี่ปุ่นเพื่อส่งออกต่อไปกลุ่มประเทศอัฟริกามีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งนอกจากรถยนต์แล้ว อะไหล่และส่วนประกอบต่างๆก็เป็นสินค้าสำหรับส่งออกต่อมากด้วยเช่นกัน

4. ไทยเป็นประเทศผู้ผลิตอะไหล่แท้และอะไหล่ทดแทนที่มีคุณภาพดีได้มาตรฐาน เป็นฐานการผลิตสำคัญระดับโลกของค่ายรถญี่ปุ่น จึงทำให้ผู้ซื้อเชื่อมั่นในคุณภาพของสินค้าไทย ทำให้ไทยมีโอกาสขยายตลาดสินค้าอะไหล่ในตลาดยูเออีและตะวันออกกลาง

5. ผู้ผลิตสินค้าชิ้นส่วนอะไหล่รถยนต์จะต้องปรับตัวพัฒนาตามสินค้ารถยนต์ที่มีแนวโน้มที่จะเป็นรถยนต์ที่ประหยัดน้ำมันเชื้อเพลิง ใช้พลังงานทดแทน และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมซึ่งคาดว่าจะเป็นแนวโน้มการตลาดรถยนต์ในอนาคตอันใกล้นี้

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองดูไบ

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ