รัฐบาลอินเดียประกาศผลการสำรวจสำมะโนประชากรล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้พบว่าอินเดียมี ประชากรประมาณ 1,210 ล้านคน ( ณ วันที่ 1 มีนาคม 2554) เพิ่มขึ้น 182 ล้านคนเมื่อเทียบกับปี 2544 ที่มีประชากร 1,028 ล้านคน คาดว่าจะแซงหน้าจีนในอีก 20 ปีข้างหน้า ทูตพาณิชย์ชี้ผู้ส่งออกควรเร่งเจาะตลาดใน 10 เมืองที่มีประชากรหนาแน่น
ในจำนวนประชากร 1,210 ล้านคน เป็นชาย 623.7ล้านคน เป็นหญิง 586.4 ล้านคน อัตราการเพิ่มของประชากรมีแนวโน้มลดลงและมีเสถียรภาพมากขึ้น โดยในทศวรรษ ค.ศ. 2001-2011 มีการขยายตัวเพียง 17% โดยคาดว่าในปี 2603 อินเดียจะมีประชากร 1,650 ล้านคน ขณะที่สัดส่วนของประชากรอายุ 0-6 ปีมีขนาดลดลงจาก 163.8 ล้านคนในปี 2001 เป็น 158.8 ล้านคน ในปี 2011
ข้อมูลประชากรอินเดีย
หน่วย :ล้านคน
2011 2001 เพิ่มขึ้น % รวม 1,210.10 1,028 18 ชาย 623.7 532.2 9.5 หญิง 586.4 496.5 8.9 อัตราส่วน หญิง (หน่วย :คน) ต่อ ชาย 1,000 คน 940.27 932.91 7.36 ความหนาแน่นของประชากร คน / ตารางกิโลเมตร 382 325 17.5 ช่วงอายุ 0-6 ปี 158 163 -0.5 ชาย 82.9 85 -0.2 หญิง 75.8 78.8 -0.29 อัตราส่วน หญิง ต่อ ชาย 1,000 คน (0-6 ปี) 914.23 927.31 13.08 อัตราการรู้หนังสือ % 74.04 64.83 9.21 ชาย 82.14 75.26 6.88 หญิง 65.46 53.67 11.79
รัฐที่มีประชากรมากที่สุด ได้แก่ อุตรประเทศ มหารัชตระ (มหาราษฏร์) พิหาร เบกอลตะวันตก อานธรประเทศ มัธยประเทศ และทมิฬนาฑู ขณะที่รัฐที่มีประชากรน้อยที่สุด ได้แก่ อุตรขันต์และ จามูแคสเมียร์ สำหรับรัฐที่มีประชากรหนาแน่นมากที่สุดได้แก่ กรุงนิวเดลี (11,297 คน/ตารางกิโลเมตร) และจัณฑีครห์ (9,252 คน/ตารางกิโลเมตร) ตามลำดับ ส่วนรัฐที่มีความแน่นน้อยที่สุด คือ อรุณาจัลประเทศ (17 คน/ตารางกิโลเมตร) และ หมู่เกาะอันดามันและนิโคบา (16 คน/ตารางกิโลเมตร) ตามลำดับ ส่วนเขตที่มีคนหนาแน่นมากที่สุดคือเขตตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงนิวเดลี (37,346 คน/ตารางกิโลเมตร) และเขตเทศบาลเมืองเจนไนในรัฐทมิฬนาฑู (26,903 คน/ตารางกิโลเมตร) สำหรับเขตที่มีความหนาแน่นน้อยที่สุดคือเขต Dibang Valley ในรัฐอรุณาจัลประเทศ (1 คน/ตารางกิโลเมตร) และ Samba ของจามมูและแคสเมียร์ (2 คน/ตารางกิโลเมตร)
ผลการสำมะโนยังแสดงผลในด้านบวกมากขึ้นในหลายด้าน ได้แก่ ด้านอัตราส่วนเพศชาย-หญิง และอัตราการรู้หนังสือโดยเฉพาะในกลุ่มเพศหญิง อัตราส่วนเพศหญิงต่อเพศชาย โดยในเพศชายทุก 1,000 -คน- มีเพศหญิงเพิ่มขึ้นจาก 932 คนในปี พ.ศ. 2544 เป็น 940 ในปี 2544 แต่เมื่อดูลึกลงไปแล้ว พบว่าอัตราส่วนเพศชาย-หญิงในช่วงวัย 0-6 ในเพศชายทุก 1000 คนมีจำนวนเพศหญิงลดลงจาก 927 ในปี 2544 เป็น 914 คนในปี 2554 ต่ำสุดนับจากที่อินเดียได้รับเอกราช การเปลี่ยนแปลงนี้นักประชากรศาสตร์เห็นว่าน่าจะเกิดจาการที่ภาวะโภชนาการที่ดีขึ้นและการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของเพศหญิงมีมากขึ้น ขณะที่การลดลงของสัดส่วนเพศหญิงในวัยเด็กตอนต้นเกิดจากค่านิยมของการมีลูกชายยังมีอยู่อย่างกว้างขวางในอินเดีย ทำให้มีการลักลอบการทำแท้งทารกในครรภ์ที่เป็นเพศหญิ่ง
นายไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน กล่าวว่าผลการสำรวจดังกล่าวสอดคล้องกับผลการศึกษาของสำนักงานฯ ที่พบว่า มีเมืองสำคัญทางเศรษฐกิจ 10 เมืองที่มีศักยภาพสำหรับสินค้าไทย ได้แก่ มุมไบ (รัฐมหารัชตระ)นิวเดลี โกลกัตตา (เบงกอลตะวันตก) บังกะลอร์(กรณาฏกะ) เจนไน (ทมิฬนาฑู) ไฮเดอราบัด (อานธรประเทศ) อาห์เมดาบัด (กุจรัต) ปูเน่ (รัฐมหารัชตระ) สุรัติ (กุจรัต) และกานปูร์(อุตรประเทศ) ซึ่งล้วนเป็นเมืองที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจค่อนข้างสูงและประชากรมีรายได้ระดับปานกลาง-สูง อีกทั้งมีปัจจัยเอื้อต่อการค้าการลงทุนในหลายด้าน ทั้งอุตสาหกรรมและบริการ อาทิ ประชากรในวัยแรงงานจำนวนมากทั้งแรงงานท้องถิ่นและแรงงานจากพื้นที่ชนบทที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในเมืองเหล่านี้มากขึ้น ค่าจ้างแรงงานโดยเฉลี่ยที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ความพร้อมด้านสาธารณูปโภคพื้นฐานและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนมากกว่าพื้นที่อื่นโดยเปรียบเทียบ จึงเป็นตลาดเป้าหมายที่กรมส่งเสริมการส่งออกมุ่งเน้นเจาะตลาดในปัจจุบัน
ที่มา: http://www.depthai.go.th