รายงานผลการดำเนินการโครงการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า NPEW 2011 และศึกษาดูงานตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ ณ นครลอสแอนเจลีส ระหว่างวันที่ 9 - 18 มีนาคม 2554
ความเป็นมา
ตลาดสินค้าอินทรีย์ในสหรัฐอเมริกาเป็นตลาดที่น่าสนใจเนื่องจากเป็นตลาดใหญ่มีมูลค่าประมาณ 26.6 พันล้านเหรียญฯ โดยตลาดที่ใหญ่ที่สุดและสำคัญที่สุดในกลุ่มนี้คือตลาดผักและผลไม้อินทรีย์ รองลงมาเป็นตลาดอาหารเสริม และตลาดสิ่งทอ ซึ่งเป็นสินค้าที่ประเทศไทยมีศักยภาพสามารถส่งออกได้ ดังนั้นกระทรวงพาณิชย์ โดยรองปลัดกระทรวงพาณิชย์ และคณะ ตลอดจนผู้แทนภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องจึงมีกำหนดการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าที่สำคัญที่สุดของตลาดฯ นี้ ได้แก่ งานฯ Natural Product Expo West 2011 ซึ่งจัดที่ Anaheim Convention Center, Anaheim, CA, U.S.A. ระหว่างวันที่ 10-13 มีนาคม 2554 เป็นงานที่ใหญ่ที่สุดในฝั่งตะวันตก มีผู้เข้าร่วมงาน 1798 บริษัท และมีผู้เข้าชมงานกว่า 55,960 คน จาก 97 ประเทศทั่วโลก นอกจากนี้ทางคณะยังได้ ศึกษาดูงานสินค้า ย่านการค้า และชุมชนต่างๆ ตลอดจนแสวงหาโอกาสในการขยายตลาดสินค้าไทยในภูมิภาคนี้
วัตถุประสงค์
1. เพื่อนำคณะผู้ประกอบการธุรกิจเกษตรอินทรีย์ไทยเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Natural Product Expo West 2011
2. เพื่อศึกษาและดูงานธุรกิจสินค้าเกษตรอินทรีย์ เช่นฟาร์มดอกไม้และผลไม้อินทรีย์ต่างๆ
3. สำรวจตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์ที่มีชื่อเสียงและมีศักยภาพสำหรับสินค้าไทย
4. สำรวจแนวโน้มตลาดพฤติกรรมผู้บริโภคสินค้าเกษตรอินทรีย์ผ่านองค์กร และชุมชนต่างๆ
5. สำรวจย่านการค้าต่างๆ เพื่อนำไปพัฒนาย่านการค้าในภูมิภาคต่างๆในประเทศไทย
การดำเนินการของสคร.
1. ประสานงานเข้าร่วมงานแสดงสินค้า Natural Product Expo West 2011 โดยคูหาไทยได้ตั้งอยู่บริเวณ Hall C หมายเลข 2877 โดยมีผู้ประกอบการไทยเข้าร่วมจำนวน 5 บริษัท ได้แก่
1.1 บริษัท Merit Food Product Co., Ltd สินค้า กะทิ
1.2 บริษัท Top Organic products and Supplies Co., Ltd สินค้า ข้าว
1.3 บริษัท Thai Organic Food Co., Ltd สินค้า เครื่องปรุงรสและ ซอส
1.4 บริษัท Chiang Mai Organic Co., Ltd สินค้า สบู่ และผลิตภัณฑ์สปา
1.5 บริษัท Southeast Asia Co., Ltd สินค้า ผลไม้อบแห้ง
2.จัดทำประชาสัมพันธ์คูหา ผู้ประกอบการ และสินค้าดังนี้
2.1 จัดทำป้ายส่องสว่างหน้างาน ซึ่งเป็นจุดที่ผู้เข้าชมงานเดินผ่านมาก
2.2 จัดแสดงตัวอย่างสินค้าในตู้โชว์ Product Highlight ในบริเวณหน้างาน 2 ตู้ ได้แก่ Grocery และ Health and Beauty
2.3 จัดทำประชาสัมพันธ์ ได้แก่ การประชาสัมพันธ์บนเว็บไซต์ของสำนักงาน www.Thaitradeusa.comและสื่อออนไลน์ เช่น Facebook และ Twitter ทั้งก่อนงานและหลังงานและเก็บไว้เป็น database ให้นักธุรกิจค้นหาได้ต่อไป
2.4 จัดทำเอกสารประชาสัมพันธ์ ได้แก่ โบร์ชัวร์สินค้า และสูตรการปรุงอาหารไทยด้วย สินค้าเกษตรอินทรีย์
2.5 จัดสาธิตการทำอาหารโดยใช้ส่วนประกอบสินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยของผู้เข้าร่วมงาน ให้ผู้เยี่ยมชมงานได้ชมและชิม
3. จัดทำข้อมูลตลาดและสินค้าเกษตรอินทรีย์ และกฎระเบียบการนำเข้าให้แก่คณะฯ และผู้ประกอบการ
4. จัดทำนัดหมายให้ผู้ประกอบการได้พบผู้นำเข้า และผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน ได้แก่ การเยี่ยมชมฟาร์มดอกไม้และผักผลไม้ ร้านสปา ร้านอาหาร ร้านค้าสินค้าเกษตรอินทรีย์ และตลาดนัดชุมชนที่มีการให้ความสำคัญกับสินค้าเกษตรอินทรีย์
5. จัดศึกษาตลาด สำรวจพฤติกรรมผู้บริโภค และดูงานสินค้าตลาดเกษตรอินทรีย์ ได้แก่ การเยี่ยมชมตลาดดอกไม้ ตลาด Supermarket สำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์โดยเฉพาะ เยี่ยมชมชุมชนและโรงเรียนที่เป็นแบบอย่างด้านสิ่งแวดล้อม
ผลการเข้าร่วมงาน
1. ผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการเข้าร่วมงานฯ โดยบางรายแจ้งว่าได้รับผล การตอบรับที่ดี และได้มีโอกาสเจรจาซื้อขายสินค้าที่นำมาจัดแสดงโดยจะต้องติดตามผลการเจรจาต่อไป สินค้าเกษตรอินทรีย์ไทยที่ได้รับความสนใจจากผู้เข้าชมงานฯ ได้แก่ กะทิ น้ำจิ้ม น้ำพริกแผา น้ำพริกต้มยำ น้ำพริกต้มข่า น้ำสลัดสมุนไพร เกล็ดมะพร้าวขูด เป็นต้น
2. งาน Natural Product Expo West เป็นงานที่ขยายใหญ่ขึ้นทุกปี และเป็นงานที่สำคัญ ที่สุดสำหรับสินค้าเกษตรอินทรีย์ในประเทศสหรัฐอเมริกาในขณะนี้ ผู้ประกอบการไทย เห็นว่าประเทศไทยควรเข้าร่วมงานฯ ทั้งในส่วนของสินค้าอาหารและสินค้าอื่นๆ โดยแยกประเภทสินค้าให้ชัดเจน เช่นหมวดอาหาร หมวดสุขภาพและความงาม เป็นต้น ทั้งนี้การเข้าร่วมงานฯครั้งต่อไป ควรสมัครเข้าตั้งแต่เนิ่นๆ เนื่องจากพื้นที่งานฯเต็มเร็วมาก ถ้าล่าช้าจะทำให้ได้พื้นที่ที่ไม่ดี
3. ผู้ประกอบการควรเตรียมความพร้อมในการสาธิตสินค้า ซึ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในงานฯนี้ เนื่องจากผู้บริโภคต้องการเห็นลักษณะ และ/หรือรสชาติ สี การปรุงอาหาร หรือวิธีการในการใช้สินค้า และควรมีสินค้าตัวอย่างแจกให้ทดลองใช้หรือชิมด้วย เห็นได้จากผู้ประกอบการที่ประสบผลสำเร็จมีการเตรียมความพร้อมในการเข้าร่วมงานเป็นอย่างดี ทั้งนี้ในการสาธิตควรมีการเสนอสูตรอาหารที่ปรับให้เข้ากับรสนิยมผู้บริโภคด้วยจะช่วยให้สามารถขายสินค้าได้มากขึ้น เช่น สคร. ได้ทำสูตรน้ำพริกเผาผสมมายองเนส ทำให้ผู้ที่ไม่ชอบอาหารรสจัดมากสามารถรับประทานได้ และสนใจจะซื้อไปรับประทาน
4. การประชาสัมพันธ์ทางเวปไซต์เป็นสิ่งที่จำเป็นมากสำหรับตลาดในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากผู้ประกอบการและผู้บริโภคส่วนใหญ่หาข้อมูลทางเวปไซต์ ผู้ประกอบการจึงควรเตรียมข้อมูลสินค้าให้พร้อมเพื่อที่สคร.จะได้ประสานงานการประชาสัมพันธ์ให้ได้แต่เนิ่นๆ ทั้งนี้หลังจากที่สคร.ได้ลงประชาสัมพันธ์ทางเว็บไซด์ได้มีผู้สนใจสอบถามเข้ามา
5. ผู้ประกอบการ และคณะได้รับความรู้ ความเข้าใจในการศึกษาดูงานตลาดสินค้าเกษตรอินทรีย์มากขึ้น เนื่องจากได้พบปะพูดคุยกับผู้ประกอบการที่อยู่ในธุรกิจเดียวกัน เช่นผู้ประกอบการ และเกษตรกรฟาร์มเกษตรอินทรีย์ ร้านอาหาร ร้านขายสินค้า โดยผู้ประกอบการได้มีการเจรจาธุรกิจ แลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ความต้องการสินค้า และโดยเฉพาะ เข้าใจระบบการจัดจำหน่ายในสหรัฐฯซึ่งซับซ้อนโดยสินค้าไทยที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูงได้แก่ น้ำมะพร้าว และกะทิ เป็นต้น
6. จากการศึกษาดูงานกับคนในชุมชน และโรงเรียนที่ให้ความสำคัญกับสิ่งแวดล้อม ทำให้ทราบแนวโน้มว่าตลาดสหรัฐอเมริกาให้ความสนใจและใส่ใจในสิ่งแวดล้อม และอาหารการกินอินทรีย์มากขึ้นดังนั้นแนวโน้มตลาดสินค้าชนิดนี้ว่ายังมีโอกาสสูง
7. การศึกษาย่านการค้าในเมืองต่างๆทำให้คณะโดยเฉาะพาณิชย์จังหวัดเข้าใจแนวคิดมากขึ้น เห็นตัวอย่างและวิธีการบริหารจัดการที่จะนำไปพัฒนาย่านการค้าในจังหวัดของตนได้ต่อไป
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลีส
ที่มา: http://www.depthai.go.th