ปัจจุบันมีร้านอาหารไทยเปิดบริการในอินเดียกว่า 60 ร้านนับว่ายังน้อยกว่าศักยภาพที่แท้จริง เนื่องด้วยร้านอาหารไทยเป็นที่นิยมสูง ขณะที่กฏระเบียบค่อนข้างมาก เป็นผลให้ร้านอาหารไทยส่วนใหญ่มีเจ้าของเป็นชาวอินเดีย และพ่อครัวก็เป็นชาวอินเดียด้วย อีกทั้งต้นทุนการนำเข้าวัตถุดิบอยู่เกณฑ์ที่สูง เช่น น้ำปลาราคาจำหน่ายราคาเกือบ 200 รูปีต่อขวด เนื่องจากภาษีนำเข้าสูง ผู้ประกอบการที่สนใจเปิดร้านอาหารในอินเดียควรมีผู้ร่วมทุนเป็นชาวอินเดียเพื่อให้สามารถเข้าใจกฎระเบียบข้อบังคับของอินเดียที่ซับซ้อนได้ดียิ่งขึ้น
ใครคิดว่าเปิดร้านอาหารไทยในอินเดียยากเย็น ความจริงแล้วไม่ยากเลิก ถ้ารู้เคล็ดลับ วันนี้เชฟไพศาล ทูตพาณิชย์จากเจนไนจะมาเปิดเผยเคล็ดลับให้ทุกท่านได้ทราบกัน
๑. แกงไก่ไม่ว่าจะเป็นแกงเขียวอแกงแดง แกงมัสมั่น ให้ทำข้นๆ เข้าไว้ กินกับโรตี หรือ Gallic การnam อร่อยเหาะอย่าบอกใครเชียว
๒. ต้มยำกุ้ง อย่างได้พลาด โด่งดังมาก แม้แต่หนัง ต้มยำกุ้ง องค์บากก็ยังเป็นหนังยอดฮิตในอินเดีย
๓. แขกชอบขนมหวานสุดๆ ขั้นเทพไม่เกรงใจเบาหวานกันเลยทีเดียว ดังนั้น ขนมตบท้ายต้องหนักหวานมากๆ ไม่ว่าจะเป็น ทองหยอด ฝอยทอง ทองหยิบ กล้วยแขก ข้าวเม่า
๔. อาหารตา อาหารหู ควรมี อาจเปิดเพลงเดี่ยวขิม เดี่ยวซอ หากมีการแสดงด้วยก็ยิ่งดี เช่น อาจให้พนักงานหมุนเวียนไปรำกลองยาวให้ลูกค้าดู
๕. ราคาควรอยู่ประมาณอย่างละ 200 — 300 รูปี แหต่ซีฟู๊ดก็อาจแพงหน่อย ขึ้นอยู่กับต้นทุน
๖. คนอินเดียเป็นชาวมังสะวิรัติมากกว่า 70% ดังนั้น ควรมีเมนูเจไว้เสมอ และที่สำคัญควรแยกเตา แยกกะทะกันเด็ดขาด
๗. ตลาดงานแต่งงาน งานแต่งงานเป็นงานสำคัญที่สุดในชีวิตคนอินเดีย ทุ่มทุนกันไม่อั้น ธุรกิจรับจัดงานแต่งงานมีอยู่ทุกหัวถนน ควรตระหนักว่าอาหารไทยเป็นอาหาร Hi-Class สำหรับคนอินเดีย ดังนั้น ทุกงานจะต้องมีอาหารไทยอยู่ด้วยเสมอ จึงต้องตีสนิทบริษัทรับจัดงานแต่งงานไว้เสมอ โอกาสรวยอยู่ตรงนี้
๘. จัดเลี้ยงนอกสถานที่ อันนี้สำคัญ บริษัทใหญ่ๆ มักมีงานเลี้ยงเสมอ ไม่ว่าเล็ก ไม่ว่าใหญ่ เช่น งานเปิดตัวสินค้าใหม่ งานวันเกิดเจ้านาย งานเลี้ยงอำลา ดังนั้น ร่อนใบปลิวโฆษณาไปยังบริษัท IT, Software, Call center, บริษัทญี่ปุ่น รับรองรวยแน่นอน
๙. ทำเลที่ตั้งควรอยู่ในบริเวณที่มีชาวต่างชาติและผู้มีรายได้สูงอยู่กันเป็นจำนวนมาก เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อระดับกลาง-สูงเป็นการเฉพาะ
๑๐. วัตถุดิบ ผู้ประกอบการควรติดต่อกับผู้นำเข้าวัตถุดิบจากไทยโดยตรงเพื่อลดต้นทุนการดำเนินการ สำหรับผู้นำเข้าวัตถุดิบและอาหารไทยในเมืองเจนไนและบังกะลอร์ คือ Mr. Rajan, Oriental food โทร 001-9144-24768289 มือถือ 001-91-9841113186 email:sefs@vsnl.com
๑๑. เปิดร้านอย่างไร ลองปรึกษา คุณ Rajan ในข้อ ๑๐ คุณราชัญตอบได้ทุกคำถาม
๑๒. ผู้ประกอบการที่ประสงค์จะมีพ่อครัว/แม่ครัวชาวเพียง 1 คน ควรใช้เครื่องปรุงสำเร็จรูปซึ่งเพียงเติมน้ำร้อนและเนื้อสัตว์ก็รับประทานได้เลย เพื่อประหยัดเวลาและผ่อนแรงพ่อครัว/แม่ครัว อีกทั้งยังช่วยให้ได้รสชาติดั้งเดิมแม้จะใช้ลูกมือชาวอินเดียช่วยก็ตาม การฝึกลูกมือท้องถิ่นให้ทำอาหารไทยทำได้ยาก เนื่องจากวิธีการปรุงอาหารอินเดียและอาหารไทยแตกต่างกันมาก
๑๓. การส่งเสริมการขายควรมีการลงโฆษณาในสื่อที่เข้าถึงกลุ่มผู้มีรายได้สูงและชาวต่างชาติ เช่น ลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ฉบับภาษาอังกฤษหรือหนังสือท่องเที่ยว นอกจากนั้นควรมีการบริการจัดเลี้ยงนอกสถานที่และบริการส่งข้าวกล่องตามบริษัทต่างๆ โดยเฉพาะบริษัท Software และ IT ที่พนักงานมีกำลังซื้อสูง
๑๔. การจัดตั้งร้านอาหารไทย ในอินเดียมีขั้นตอนและจะต้องติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดังต่อไปนี้
กฎระเบียบสุขอนามัย โดยทั่วไป ฝ่ายสุขอนามัย (Department of Health) ของเทศบาลแต่ละเมืองเป็นผู้กำหนดระเบียบและควบคุมเกี่ยวกับสุขอนามัยของร้านอาหาร ซึ่งอาจแตกต่างกันในรายละเอียดของแต่เทศบาล และมีการจัดส่งเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานสาธารณสุขสุ่มตรวจเป็นประจำ ร้านอาหารจะต้องมีใบอนุญาตสาธารณสุข (Health License) และใบอนุญาตประกอบการค้า (Trade License) ที่ออกโดยกรมสุขภาพอนามัย (Health Department) สองแห่งคือ 1) NDMC: Medical Officer of Health, NDMC, Palika Kendra, New Delhi 2) MCD: Deputy Health Officer (Zone) Trade License, New Delhi เทศบาลแต่ละแห่งกำหนดค่าธรรมเนียมขอใบอนุญาตจัดตั้งร้านอาหารและภัตตาคารแตกต่างกัน ทั้งนี้เทศบาลนิวเดลี เก็บค่าธรรมเนียม 2,500 รูปีต่อปี
พระราชบัญญัติป้องกันการปลอมปนอาหารปี ค.ศ. 1954 ภายใต้พระราชบัญญัติ PFA
กฎ PFA มาตราที่17 (2) แห่งพระราชบัญญัติ PFA ปี ค.ศ. 1954 และกฎที่ 12 (b) แห่งข้อกำหนด PFA ปี ค.ศ. 1955 ว่าด้วยร้านอาหารบริษัทหรือห้างร้านที่ประกอบการร้านอาหารต้องเสนอชื่อผู้อำนวยการหรือผู้จัดการหนึ่งคนเป็นผู้รับผิดชอบการประกอบการ ยื่นใบคำร้องที่ Director, PFA, A-20, Lawrence Road, Industrial Area, New Delhi
การขึ้นทะเบียนเปิดร้านอาหาร ( Eating House) ออกใบอนุญาตโดยกรมตำรวจ
ร้านอาหาร ต้องขึ้นทะเบียนเปิดร้านอาหาร( Eating House) กับกรมการออกใบอนุญาตหลังจากได้รับใบอนุญาตสาธารณสุขแล้ว ยื่นใบคำร้องที่ Deputy Commissioner of Police (Licensing) Police HQ, IP Estate, New Delhi และต้องแจ้ง ฝ่ายตำรวจจราจร (Traffic Department) ของตำรวจทำหน้าที่มาตรวจสอบสภาพการจราจรของอาคารบริเวณที่ตั้งร้าน ไม่ต้องจ่ายค่าธรรมเนียม
การอนุมัติของกรมการท่องเที่ยวหรือการอนุมัติซ้ำให้เปิดร้านอาหาร
ร้านอาหารอาจยื่นใบคำร้องต่อกรมการท่องเที่ยว (DOT) ของรัฐบาลกลาง เพื่อขอให้รับรองและอนุมัติการประกอบการ กรมการท่องเที่ยวจะให้การอนุมัติภายหลังการตรวจสอบร้านอาหารอย่างเป็นทางการและการรับประกันมาตรฐานที่ได้กำหนดไว้ตามกฎของกรมฯแล้วเท่านั้น ข้อบังคับกำหนดให้ต้องมีห้องน้ำแยกระหว่างชายหญิง และต้องขออนุมัติจากกรมการท่องเที่ยว (DOT) ทุกสามปี ยื่นคำร้องได้ที่ Regional Director, Department of Tourism, 88 Janpath, New Delhi
ใบอนุญาตขายสุรา Liquor License (L4)
ใบอนุญาตขายสุรา อนุญาตให้ร้านอาหารอิสระที่อนุมัติโดยกรมการท่องเที่ยวขายสุราได้ตามกฎที่ 11 ของข้อกำหนดว่าด้วยการอนุญาตและการขายของมึนเมาในกรุงเดลีปี ค.ศ. 1976 ร้านอาหารต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพิ่มเติมก่อนดำเนินการ เพื่อป้องกันการผิดพลาด ฝ่ายสรรพสามิต (Department of Excise) เป็นผู้ออกใบอนุญาตจำหน่ายเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ อัตราค่าใบอนุญาต 450,000 รูปี ต่อปี ยื่นใบคำร้องได้ที่ Commission of Excise, Block-L, Vikas Bhawan, IP Estate, New Delhi
เมื่อได้รับใบอนุญาตข้างต้นแล้วให้ยื่นใบสมัครประกอบการกับ DPCC
กฎที่กำหนดโดยรัฐบาลท้องถิ่นภายใต้พระราชบัญญัติข้างต้นต้องปฏิบัติตามโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับมลภาวะทางอากาศและน้ำ และมลภาวะทางเสียงอันเนื่องมาจากการติดตั้งเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้า ร้านอาหารต้องตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลเพิ่มเติมก่อนดำเนินการเพื่อป้องกันการผิดพลาด ยื่นใบสมัครได้ที่ Senior Environmental Engineer, Delhi Pollution Control Committee (DPCC), ISBT Building, Kashmere Gate, Delhi
ใบอนุญาตประกอบกิจกรรมเกี่ยวกับดนตรี (Music License)
การแสดงกิจกรรมเกี่ยวดนตรีทุกชนิดในร้านอาหารถือว่าเป็นการแสดงสาธารณะที่ใช้ประโยชน์จากลิขสิทธิ์ของผู้อื่น ดังนั้นก่อนการมีการแสดงในที่สาธารณะ ผู้เล่นดนตรีที่บันทึกไว้ก่อนในรูปของหีบบันทึกเสียง ตลับดนตรี หรือซีดี ในร้านอาหาร ต้องได้รับอนุญาตก่อน จากสมาคมลิขสิทธิ์ด้านการบันทึกเสียง คือ บริษัทจำกัดว่าด้วยการประกอบกิจกรรมด้านเสียงและภาพ ยื่นคำร้องได้ที่ Phonographic Performance Ltd, C-47 Nizamuddin East, New Dehli 110013
สมาคมสิทธิการแสดงแห่งอินเดีย (IPPS-Indian Performing Rights Society)
สมาคมนี้ตั้งขึ้นโดยนักเขียน นักร้องและนักแต่งเพลง ร้านอาหารต้องจ่ายเงินตามอัตราเครื่องดื่มราคาต่ำสุดที่บริการในร้านอาหารคือ 10 รูปี คูณ 365 วัน ยื่นใบคำร้องได้ที่ The Licensing Executive, B-317 Somdutt Chambers — I, 5 Bhikaji Cama Place, New Delhi 110066 Email: iprsdelhi@snl.net
การติดตั้งระบบกระแสไฟฟ้าและน้ำ (To Get Electrical/Water Connection)
การขอใช้กระแสไฟฟ้าและน้ำต้องยื่นล่วงหน้า เพราะการใช้กระแสไฟฟ้าและน้ำต้องได้รับการอนุมัติก่อนวันเวลาเปิดดำเนินการของร้านอาหาร ระเบียบการทั้งหมดสอบถามได้จากกรมการพาณิชย์(Commercial Department) ยื่นใบคำร้องได้ที่ Commercial Engineer (Electrical), NDME, Palika Kendre Parliament Street, New Delhi ภายใต้ NDMC Zone และที่ XEN (D), Delhi Vidyut Board (of the areas), New Delhi ภายใต้ NCD Zone
การขออนุญาตติดตั้งเครื่องกำเนิดกระแสไฟฟ้าก่อนการติดตั้งและการดำเนินการ (Generator Set Permission before Installation and Operation)
เพื่อจัดเตรียมแหล่งกระแสไฟฟ้าสำรองในร้านอาหาร การติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้า (DG Set )เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ การยื่นใบคำร้องขออนุญาตติดตั้งและดำเนินการติดตั้งเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสำรองกระแสไฟฟ้าจำกัดจำนวนวัตต์ที่ร้อยละ 200 ของการใช้กระแสไฟฟ้าที่ได้ประกาศอนุมัติแล้ว ยื่นใบคำร้องได้ที่ Commercial Engineer (Electrical), NDMC Palika Kendra, Parliament Street, New Delhi ภายใต้ NDMC Zone และที่ Commercial Officer-I, Sub-Station Building, IP Estale, New Delhi ภายใต้ NCD Zone น้ำหนัก ขนาดและสัดส่วนต้องได้รับการประทับตรารับรองจากกรมน้ำหนักและขนาด(The weights, Measures and scale to be stamped from weight & Measurements Department)
ข้อบังคับร้านอาหารเกี่ยวกับการับรองน้ำหนัก หรือ ขนาดจะไม่ได้รับการรับรองจากหน่วยงานที่รับผิดชอบแห่งรัฐบาลท้องถิ่น
กฎเหล่านี้ต้องเขียนบนฉลากที่ติดไว้บนหีบห่อบรรจุอาหาร อย่างไรก็ตามหีบห่ออาหารที่ร้านอาหารทำขึ้น เพื่อบริการส่งไปให้ลูกค้าได้รับการยกเว้นจากข้อบังคับว่าด้วยการประทับตรารับรองสินค้าที่กล่าวมาข้างต้น ยื่นใบคำร้องได้ที่ Director, Legal Metrology, Government of India, Department of Consumer Affairs, Weights & Measures Department, Krish Brawan, New Delhi ใบอนุญาตการใช้ลิฟต์ (Lift License)
ยื่นใบคำร้องได้ที่ Electrical Inspector, Office of Commission of Labour, 5 Shamnath Marg, New Delhi กรมการดับเพลิง (Fire Department)
NOC จากกรมการดับเพลิงเพื่อวางมาตรการความปลอดภัยจากการอาจเกิดเพลิงไหม้ในร้านอาหาร ต้องมีทุกจุดที่อาจเกิดเพลิงไหม้ได้ ยื่นใบคำร้องได้ที่ Chief Fire Officer, Connaught Place, New Delhi
พระราชบัญญัติการโฆษณาว่าด้วยป้ายต่อเติม(Advertisements Act for Additional Signboards)
1. การค้ำประกันความซื่อสัตย์ ในกรณีที่มีแคชเชียร์หรือบุคคลที่ถือเงินสด
2. ความรับผิดชอบสาธารณะ
3. ความรับผิดชอบต่อผลิตภัณฑ์
4. กรมธรรม์ประกันภัยเพื่อคณะทำงาน ในกรณีมีพนักงานส่งสินค้า
5. กรมธรรม์ประกันภัยในการขาดทุนและกำไร
6. การประกันภัยยานพาหนะ
วีซ่าอนุญาตให้ทำงาน (Employment Visa)
บุคคลที่มีคุณสมบัติและความชำนาญ หรือเป็นอาชีพที่ได้รับการจ้างหรือแต่งตั้งจากบริษัท องค์ทางเศรษฐกิจ เช่น ผู้ชำนาญการช่าง ผู้บริหารระดับสูง เป็นต้น ได้รับอนุญาตให้ถือวีซ่าชนิดนี้ โดยยื่นหลักฐานเกี่ยวกับสัญญาจ้างชาวต่างชาติ ที่ได้รับจากบริษัทหรือองค์กรที่ว่าจ้างพร้อมกับการยื่นใบสมัคร
เอกสารที่ต้องการ (Document needed) ในการขอวีซ่าอนุญาตให้ทำงาน มีดังนี้
เอกสารต้นฉบับ
- หนังสือเดินทาง
- ใบอนุญาตที่พักอาศัย
- PIO Card
- เอกสารการเดินทาง
เอกสารสำเนา
- หน้าแรกของหนังสือเดินทางและหน้าที่ประทับวีซ่า
- หนังสือเดินทางที่ระบุการอนุญาตที่พักอาศัยขยายเวลาครั้งสุดท้าย และเอกสารอื่นที่เกี่ยวกับการขอวีซ่าเฉพาะด้านคือ
*หนังสือรับรองหรือบัตรประจำตัวของวีซ่านักเรียน
*จดหมายบริษัท ระยะเวลาและเงื่อนไขเพื่อทำวีซ่านักธุรกิจหรือวีซ่าอนุญาตให้ทำงาน
*หนังสือสมรสในกรณีต้องการขยายวีซ่าตามเงื่อนไขของการสมรสที่ออกให้กับคนอินเดีย
*สำหรับวีซ่านักวิจัย ต้องได้รับการอนุมัติโครงการจาก Nodal Ministry
ค่าธรรมเนียมในการต่อวีซ่าและระยะเวลาที่อนุญาต (Visa Fees and Processing Time)
ระยะเวลาวีซ่าไม่เกิน 180 วัน ค่าธรรมเนียม 30 เหรียญสหรัฐอเมริกา
ระยะเวลาที่ขยายวีซ่าเกิน 180 ค่าธรรมเนียม 50 เหรียญสหรัฐอเมริกา
สถานที่ติดต่อสอบถาม
สมาคมร้านอาหารแห่งชาติอินเดีย
Room No.228, PHD House Phase-II
4/2, Sri Institutional Area, August Kranti Marg
New Delhi-110016
Telephone/Fax: 51000967, 26536053
Email: nrai@vsnl.com Website: www. nral .com
ระเบียบการขอใบอนุญาตเปิดร้านอาหารและภัตตาคารไทย
1. ผู้ประกอบการต่างชาติต้องลงทุนร่วมกับคนสัญชาติอินเดีย ในอัตราส่วนร้อยละ 49 ต่อ 51หรือลงทุนลำพังเพียงผู้เดียว โดยอนุญาตนำเงินผ่านธนาคารกลางแห่งประเทศอินเดีย
2. ยื่นขอใบอนุญาตเปิดร้านอาหารโดยนำเอกสารการจดทะเบียนตั้งเป็นนิติบุคคล
การติดต่อหน่วยงานภาครัฐในการจัดตั้งร้านอาหารไทย กรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย
การจัดตั้งร้านอาหารในกรุงนิวเดลี ต้องติดต่อหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องดังแผนภาพต่อไปนี้
๑๕. ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ
ค่าใช้จ่ายในการดำเนินการร้านอาหาร ข้อมูลเฉพาะในกรุงนิวเดลี มีดังนี้
- เงินลงทุนขั้นต่ำ หรืองบประมาณในการลงทุนต่อตารางเมตร ทั้งนี้ขั้นอยู่กับทำเลที่ตั้งในแต่ละพื้นที่ด้วยประมาณ 40,000 — 50,000 รูปี มีลักษณะเช่าระยะสั้นหรือระยะยาวขึ้นกับสัญญาที่จะตกลง
- ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายการขอใบอนุญาตต่าง ๆ และการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้า
- ค่าคำขอใบอนุญาตตั้งร้าน 2,500 รูปี/ ปี
- ค่าคำขอจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 450,000 รูปี / ปี
- เครื่องหมายการค้า 400 -500 เหรียญสหรัฐ/ปี - ค่าเช่าร้าน หรือ พื้นที่ ขึ้นอยู่กับแต่ละพื้นที่และการเจรจา
- เงินลงทุนโดยประมาณ
- ภัตตาคารระดับดี มากกว่า 50 ล้านรูปี - ร้านอาหารระดับกลาง 10-50 ล้านรูปี - ร้านอาหารระดับเล็ก หลักแสนถึง 5 ล้านรูปี
- รูปแบบร้านอาหารในแต่ละเมือง (เฉพาะกรุงนิวเดลี)
ลักษณะเต็มรูปแบบ ขนาดพื้นที่ไม่น้อยกว่า 70 ตร.ม.
รูปแบบขนาดกลาง ขนาดพื้นที่ไม่เกิน 70 ตร.ม.
- ค่าภาษี ขึ้นอยู่กับผลประกอบการ
โดยอัตราภาษีจำแนกเป็น 3 ประเภท ดังนี้
1) ภาษีอาหารร้อยละ 12.5
2) ภาษีเครื่องดื่มร้อยละ 12.5
3) ภาษีสุราร้อยละ 20
การลงทุนเปิดร้านอาหารไทย
สัดส่วนการลงทุน ชาวต่างชาติร้อยละ49 : คนอินเดียร้อยละ 51หรือว่าจะลงทุนโดยลำพัง ซึ่งจะต้องนำเงินผ่านธนาคารกลางแห่งประเทศอินเดียและธนาคารแห่งประเทศไทย
หลักการนำเข้าพ่อครัว/แม่ครัว/ การขอใบอนุญาตการทำงาน (Work Permit)
- ยื่นขอวีซ่าการทำงาน (Employment Visa) จากสถานทูตอินเดียประจำประเทศไทย
- ยื่นขอหนังสือรับรองจากสถานทูตไทยประจำอินเดียว่ามีภัตตาคารหรือร้านอาหารจริง พร้อมแนบสำเนาสัญญาจ้างงานของพ่อครัวหรือแม่ครัว และหลักฐานการจัดตั้งร้านอาหาร
- ยื่นขอหนังสือรับรองจากกรมแรงงานของไทย เพื่อขออนุญาตให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศ
- เมื่อเดินทางถึงอินเดีย ให้นำหลักฐานทั้งหมดไปขอวีซ่า จากฝ่ายดูแลชาวต่างชาติ (Immigration Department) ซึ่งจะออกให้พ่อครัว/แม่ครัวนั้นอยู่และทำงานในอินเดียตามอายุของสัญญาจ้างงาน
หลักฐาน/ คุณสมบัติพ่อครัว แม่ครัว / ค่าแรงและสวัสดิการ
- คุณสมบัติพ่อครัว ไม่มีหลักเกณฑ์แน่นอน
- การทำสัญญาควรให้สถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลพิจารณาก่อน เพื่อความถูกต้องและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย
- ค่าแรงงานแล้วแต่จะตกลงกัน ภัตตาคารที่ตั้งอยู่ในโรงแรมระดับ 5 ดาว จ้างในอัตราประมาณ1,000 เหรียญสหรัฐ ฯ ต่อเดือนขึ้นไป แต่ถ้าเป็นร้านอาหารขนาดกลางที่ตั้งอยู่นอกโรงแรม ห้าดาว อัตราค่าแรงงานประมาณ 20,000 — 30,000 รูปีต่อเดือน
- สวัสดิการ แล้วแต่จะตกลงกันในสัญญาจ้าง โดยทั่วไปผู้ว่าจ้างจะจัดที่พักให้ มีรถรับส่งระหว่างร้านอาหารและที่พัก ทั้งนี้อาจให้ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ สำหรับกลับมาเยี่ยมบ้านปีละ 1 ครั้ง
ที่มา: http://www.depthai.go.th