ทูตพาณิชย์ลอนดอนชี้ พิธีเสกสมรสส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอังกฤษ แม้รัฐบาลเมืองผู้ดียังจับตาการดำเนินนโยบายการคลัง-การเงินอย่างเข้มข้น เผยเมษานี้ ลดภาษีล่อใจต่างชาติที่เข้าไปลงทุน-สูงสุดในกลุ่มจี 20 แนะโอกาสสินค้าเทรนที่สามารถดันส่งออกโต 10%
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจการค้า สินค้าที่นำเข้าจากไทย ตามนโยบายของนางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ว่า เหตุการณ์ที่น่าสนใจและจับตามองเป็นพิเศษในอังกฤษ คือ การเสกสมรสของราชวงษ์อังกฤษระหว่างเจ้าชายวิลเลียมกับเคท มิดเดิลตันได้ส่งผลดีถึงการกระตุ้นเศรษฐกิจในอังกฤษ โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ของขวัญ-ของชำร่วยที่ระลึก อย่างไรก็ตามในภาพรวมของการส่งออกไทยไปอังกฤษในช่วงไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.2554)ขยายตัว 20% คิดเป็นมูลค่า 997 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
สำหรับการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจนั้น แนวทางของรัฐบาลอังกฤษที่ต้องการบรรลุเป้าหมายให้เศรษฐกิจขยายตัวอย่างแข็งแกร่งและมั่นคง ทั้งจากการปรับลดหนี้สาธารณะ การเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่มเป็น 20% จาก 17.5 % การดูแลเงินเฟ้อยังคงอยู่ที่ 2% อัตราดอกเบี้ยทรงตัวที่ 0.5% และยังคงนโยบายรับซื้อตราสารหนี้ภาครัฐและเอกชน 200,000 ล้านปอนด์ตามมาตรการ QE ไว้ตามเดิมในปี 2554/55 รวมถึงนโยบายปฏิรูปการเงินการธนาคารเพื่อสอดส่องดูแลความเสี่ยงในระบบและมีอำนาจแก้ไขก่อนปัญหาจะลุกลาม
นอกจากนี้นโยบายเพื่อการสนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจนั้น รัฐบาลตั้งเป้าให้อังกฤษมีระบบภาษีที่เอื้อต่อการลงทุนจากต่างประเทศมากที่สุดในสมาชิกจี 20 โดยจะปรับลดภาษีลงอีก 1% ตั้งแต่เมษายน 2554นี้ เป็น 26% และจดลดเหลือ 23% ในปี 2557 เป็นต้น นอกจากนี้จะส่งเสริมให้อังกฤษเป็นที่ที่ดีที่สุดในยุโรปที่จะจัดตั้ง หาแหล่งเงินกู้และขยายตัวของธุรกิจ
“เป็นที่เฝ้าจับตาอยู่ว่า หากรายได้ที่มาจากภาคบริการมีสัดส่วน 75% ของจีดีพีในไตรมาส 1 ขยายตัวออกมาติดลบ (จากปี 2553 เฉลี่ยทั้งปีอยู่ในระดับ 1.3%) อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจอังกฤษหดตัว แต่นักเศรษฐศาสตร์คาดหวังว่า การอภิเษกของเจ้าชายฯ จะส่งผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจตลอดปีนี้ดีขึ้น”นางนันทวัลย์ กล่าว
นายอดิศัย ธรรมคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร กล่าวถึงลู่ทางการส่งออกสินค้าไทยไปอังกฤษ และสหภาพยุโรป(อียู)ว่า โอกาสสินค้าไทยในตลาดนี้จะยังเป็นกลุ่มที่เน้นประโยชน์ด้านสุขภาพ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และมีลักษณะเป็นสินค้าที่ให้ความเป็นธรรมแก่ผู้ผลิตในประเทศกำลังพัฒนายังคงเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูง รวมถึงตลาดยังให้ความสำคัญกับหีบห่อที่ออกแบบทันสมัยใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม สีอ่อน อิงธรรมชาติเป็นที่นิยมของตลาดสูงมาก
สำหรับการส่งออกในไตรมาสแรก(ม.ค.-มี.ค.54)ระหว่างไทยกับอียู (27ประเทศ) มีการอัตราการขยายตัว 22% คิดเป็นมูลค่า 6,311 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากเป้าหมายส่งออกทั้งปีไม่น้อยกว่า 10% โดยสินค้าสำคัญ ได้แก่ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ยางพารา รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ เครื่องนุ่งห่ม เครื่องใช้ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์บาง ไก่แปรรูป เป็นต้น
ที่มา: http://www.depthai.go.th