โครงสร้างภาษีของอินเดีย

ข่าวเศรษฐกิจ Tuesday May 3, 2011 13:55 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ภาษีของอินเดียมีการจัดเก็บโดยรัฐบาล 3 ระดับ คือ (1) รัฐบาลกลาง (Central Government) (2) รัฐบาลของรัฐ (State Government) และ (3) รัฐบาลท้องถิ่น (Local Government)

(1) กระทรวงการคลัง มีอำนาจในการจัดเก็บภาษีทางตรงทั้งหมดและภาษีทางอ้อมบางชนิดเพื่อนำมาจัดสรรเป็นงบประมาณแผ่นดิน หน่วยงานภายใต้กระทรวงการคลังที่ทำหน้าที่เก็บภาษี คือ

  • Central Board of District Taxts (CBDT) ทำหน้าที่เก็บภาษีทางตรง เช่น Corporate Income Tax (ภาษีเงินได้นิติบุคคล) Personal Income Tax (ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา) Wealth Tax ( ภาษีทรัพย์สิน/ภาษีความมั่นคง) Interest Tax (ภาษีดอกเบี้ย) Gift Tax (ภาษีของขวัญ) Capital Gain Tax (ภาษีกำไรจากส่วนทุน) และ Expenditure Tax (ภาษีค่าใช้จ่าย) เป็นต้น
  • Central Board of Excise and Custom (CBEC) ทำหน้าที่เก็บภาษีทางอ้อม เช่น Central Excise Tax (ภาษีสรรพสามิตส่วนกลาง) Service Tax (ภาษีการบริการ) Customs Duties (ค่าอากรศุลกากร) เป็นต้น

(2) รัฐบาลของแต่ละรัฐทำหน้าที่จัดเก็บภาษีในระดับรัฐ เช่น Value Added Tax (ภาษีมูลค่าเพิ่ม) หรือ Sales Tax (ภาษีขาย) Property Tax (ภาษีอสังหาริมทรัพย์) State Excise Tax (ภาษีสรรพสามิตสำหรับสินค้าแอลกอฮอล์) Stamp Duty (อากรแสตมป์ซึ่งเก็บจากการซื้อขายอสังหาริมทรัพย์) เป็นต้น

(3) รัฐบาลท้องถิ่นทำหน้าที่เก็บภาษีในระดับท้องถิ่น เช่น Octroi/Entry Tax (ภาษีสินค้าผ่านแดน/เข้าเมือง ซึ่งปัจจุบันหลายเมืองได้ยกเลิกภาษีนี้แล้ว) และ Utility Tax (ค่าธรรมเนียมการใช้สาธารณูปโภค เช่น น้ำประปาและไฟฟ้า) เป็นต้น ภาษีที่สำคัญ ได้แก่

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล (Corporate Income Tax) โดยเรียกเก็บจาก
  • บริษัทท้องถิ่น (Resident Companies) คือบริษัทที่จดทะเบียนในอินเดีย (Indian Company) โดยฐานภาษีจะคิดจากเงินได้ที่เกิดขึ้นโดยใช้เกณฑ์คงค้าง (Accrual Basis) ทั้งในและนอกประเทศอินเดีย
  • บริษัทต่างชาติ (Non-resident Companies) คือ บริษัทที่ไม่ได้จดทะเบียนในอินเดีย ซึ่งฐานภาษีจะคิดจากเงินได้ที่เกิดขึ้นในอินเดียเท่านั้น กฎหมายภาษีเงินได้ (Income Tax Act, 1961) ไม่ได้กำหนดอัตราภาษีไว้โดยเฉพาะ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดทุกปีโดยกระทรวงการคลัง (ในแผนงบประมาณประจำปี ซึ่งออก ณ สิ้นเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี ในปัจจุบัน (ปีประเมินภาษี 2010 -11) มีการจัดเก็บภาษีเงินได้นิติบุคคล ดังนี้
ประเภทบริษัท                   อัตราภาษีเงินได้นิติบุคคล          ค่าธรรมเนียม (Surcharge)

หากรายได้สุทธิมากกว่า 10 ล้านรูปี

บริษัทท้องถิ่น (Resident)                30%                         7.50%
บริษัทต่างชาติ (Nonresident)            40%                         2.50%
หมายเหตุ: ปีภาษีเริ่มจาก 1 เมษายนของทุกปี และสิ้นสุดที่ 31 มีนาคม ของปีถัดไป
นิติบุคคลทุกประเภทต้องเสียภาษีเพื่อการศึกษา (Education Cess) อีกร้อยละ 3 ของภาษีเงินได้

ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (Personal Income Tax) โดยเรียกเก็บจาก
  • ผู้อาศัยในประเทศ (Resident Individuals) ได้แก่ บุคคลที่อยู่ในอินเดียไม่น้อยกว่า 182 วัน หรือเป็นบุคคลที่อยู่ในอินเดียไม่น้อยกว่า 60 วันในปีภาษีนั้น และอยู่ในอินเดียไม่น้อยกว่า 365 วัน ในรอบ 4 ปีก่อนหน้าปีภาษีนั้นๆ ผู้พักอาศัยในประเทศต้องเสียภาษีจากรายได้ที่มาจากทั้งในและนอกประเทศอินเดีย
  • ผู้ที่ไม่ได้พักอาศัยในอินเดีย (Non-resident Individuals) ได้แก่ บุคคลที่ไม่เข้าข่ายผู้พักอาศัยอินเดียข้างต้น และจะเสียภาษีจากรายได้ที่มาจากในอินเดียเท่านั้น แต่หากมีรายได้เป็นเงินตราต่างประเทศเข้ามาในประเทศอินเดีย จะต้องเสียภาษีในลักษณะเดียวกับผู้พักอาศัยในประเทศตามเกณฑ์ที่กำหนดไว้ใน The Foreign Exchange Management Act (FEMA)

กฎหมายภาษีเงินได้ (Income Tax Act, 1961) ไม่ได้กำหนดอัตราภาษีไว้โดยเฉพาะ แต่จะมีการเปลี่ยนแปลงรายละเอียดทุกปีโดยกระทรวงการคลัง ในปัจจุบัน สำหรับผู้ที่พักอาศัยในอินเดีย (Residnets) จะต้องเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาในอัตรา (ตามปีประเมินภาษี 2010 -11) ดังนี้

รายได้สุทธิต่อปี (รูปี)                     อัตราภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
0 — Rs 160,000 (a)(b)                                    0%
Rs 160,001 - Rs 500,000                                 10%
Rs 500,001 -- Rs 800,000                                20%
มากกว่า Rs 800,000(c)                                    30%
(a) ในกรณีของสตรีอายุต่ำกว่า 65 ปี รายได้สุทธิต่อปีที่ได้รับการยกเว้นภาษีจะเป็น 0- Rs 190,000
(b) บุคคลที่อายุ 65 ปีหรือมากกว่า รายได้สุทธิต่อปีที่ได้รับการยกเว้นภาษีจะเป็น 0- Rs 240,000
(c) ไม่คิดค่าธรรมเนียม (Surcharge)
(d) ต้องเสียภาษีเพื่อการศึกษา (Education Cess) อีกร้อยละ 3 ของภาษีเงินได้

ภาษีสรรพสามิตส่วนกลาง (Central Excise Duty)

ภาษีสรรพสามิตเป็นภาษีที่เรียกเก็บจากสินค้าที่ผลิตหรือประกอบในอินเดีย เพื่อใช้เป็นเครื่องมือของรัฐบาลในการจัดการกับอุปทานของสินค้า ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมและวิสาหกิจขนาดย่อม และยังเป็นแหล่งรายได้ที่ใหญ่ที่สุดของรัฐบาลอินเดีย อัตราภาษีสรรพสามิตมีหลายอัตรา ขึ้นอยู่กับประเภทของสินค้า โดยดูได้จาก Central Excise Tariff 2007 (Http://www.cbec.gov.in/excise/cx tariff0708/cxt0708-idx.htm) สำหรับสินค้าฟุ่มเฟือยบางประเภทรัฐบาลของแต่ละรัฐเป็นผู้จัดเก็บ ซึ่งจัดเก็บทั้งจากการนำเข้าและการผลิตภายในประเทศ

ภาษีศุลกากร (Customs Duty)

การเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้านำเข้าจะเป็นไปตามกฎหมาย Customs Tariff Act, 1975 และอยู่ภายใต้ความรับผิดชอบของThe Central Board of Excise Customs (CBEC) อัตราภาษีศุลกากรจะมีการปรับปรุงเป็นระยะๆ โดยฉบับล่าสุด คือ Customs Tariff 2009-10 (http://www.cbec.gov.in/customs/cst-0910/cst-main.htm) ทั้งนี้ สินค้าประเภทวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลางมีอัตราภาษีค่อนข้างต่ำอยู่ระหว่างร้อยละ 2-20 สินค้าประเภทอาหารจะมีอัตราภาษีระหว่างร้อยละ 10-70 ขณะที่สินค้าประเภทสุราและไวน์อัตราภาษีจะสูงโดยอยู่ระหว่าง 100-150

ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax: VAT)

อินเดียเริ่มใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) เมื่อวันที่ 1 เมษายน 2548 แทนการเก็บภาษีการขาย (Central Sales Tax: CST) เพื่อแก้ไขปัญหาการเก็บภาษีซ้ำซ้อนซึ่งทำให้ราคาสินค้าสุดท้ายแพงเกินจริง โดยภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นภาษีที่เก็บจากมูลค่าที่เพิ่มขึ้นในแต่ละขั้นต้อนการผลิตและการขนส่งสินค้าและบริการ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงมือผู้บริโภค

อัตราภาษี          ประเภทสินค้า
0%          สินค้าจำเป็น (สินค้าจากธรรมชาติหรือไม่ผ่านการแปรรูป) ได้แก่ สินค้าเกษตร และสินค้าวัตถุดิบ 46 รายการ
1%          โลหะมีค่าต่างๆ เช่น ทองคำ และเงิน
4%          สินค้าที่เป็นปัจจัยพื้นฐาน เช่น ยา เวชภัณฑ์ วัตถุดิบที่ใช้ในการเกษตรและอุตสาหกรรม และสินค้าทุน 270 รายการ
12.5%       สินค้าอื่นๆ
ข้อยกเว้น     - น้ำตาล สิ่งทอ ยาสูบ ได้รับการยกเว้น VAT 1 ปี แต่จะต้องเสียภาษี Additional excise duty
  • ชา อาจจะถูกเก็บ VAT ที่ร้อยละ 4 หรือ 12.5 ขึ้นอยู่กับแต่ละรัฐ
  • สินค้าประเภทน้ำมันเชื้อเพลิง (Petrol) ดีเซล สุรา และล็อตเตอร์รี่ ได้รับการยกเว้น VAT ยกเว้นบางรัฐ
  • Traders ที่มี turnover น้อยกว่า 500,000 รูปีต่อปี ได้รับการยกเว้นภาษี VAT
ข้อมูลเพิ่มเติม

India Finance and Investment Guide: http://finance.indiamart.com/taxation/value_added_tax.html

The National Portal of India : http://india.gov.in/citizen/salestax.php

Department of Trade and Taxes, Government of NCT of Delhi —http://www.dvat.gov.in/dvatonline/

ดร. ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ

ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ