กลุ่มประเทศ GCC จะเป็นสหภาพศุลกากร (Customs Union) ในปี 2558

ข่าวเศรษฐกิจ Monday May 23, 2011 16:33 —กรมส่งเสริมการส่งออก

เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ GCC (the Cooperation Council for the Arab States of the Gulf) แถลงว่าประเทศสมาชิกทั้ง 6 ประเทศ กำลังจะเข้าสู่การเป็นสหภาพศุลกากร (Customs Union) โดยมีเป้าหมายร่วมกันว่าจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2558 (2015)

เป้าหมายดังกล่าวเป็นเรื่องที่ท้าทาย ซึ่งประเทศไทยต้องติดตามอย่างใกล้ชิดว่า GCC จะสามารถดำเนินการได้ตามที่ตั้งเป้าหมายไว้หรือไม่ ทั้งนี้ ตามเป้าหมายเดิม GCC ต้องเข้าสู่การเป็น Customs Union ภายในปี 2550 แต่ปรากฏว่าประเทศสมาชิก ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับหลักการณ์การแบ่งปันผลประโยชน์ (ภาษีนำเข้า) ระหว่างประเทศสมาชิก การวางระบบการเก็บภาษีร่วมกัน รวมทั้งปัญหาการดำเนินการให้สอดคล้องกับข้อกำหนดของ WTO เกี่ยวกับการทุ่มตลาด และการปกป้องตลาด (Dumping and Protectionism)

GCC (the Cooperation Council for the Arab States of the Gulf) ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2524 (1981) ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศในคาบสมุทรอาหรับ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต บาห์เรน คูเวต โอมาน และกาตาร์ ส่วนประเทศเยเมน ได้สมัครเข้าเป็นเป็นสมาชิก GCC ตั้งแต่ปี 2539 แต่ได้รับความเห็นชอบจากการประชุมสุดยอดของกลุ่มสมาชิกเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2544 ที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน มีมติให้เยเมนเป็นสมาชิกสมทบ

GCC มีเป้าหมายในการพัฒนาเป็นกลุ่มตลาดเช่นเดียวกับสหภาพยุโรป (EU) กลุ่ม GCC มีมติร่วมโดยสมาชิก 6 ประเทศ จากการประชุมสุดยอดครั้งที่ 23 ที่กรุงโดฮา เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2545 ให้มีการจัดตั้งสหภาพศุลกากร (Customs Union) ให้เสร็จสิ้นอย่างช้าภายในปี 2550 โดยกำหนดอัตราภาษีศุลกากรร่วมจากประเทศอื่นๆ ร้อยละ 5 ยกเว้นเก็บภาษีนำเข้าระหว่างประเทศสมาชิก นอกจากนี้ยังได้ตั้งเป้าหมายจัดตั้งสหภาพทางการเงิน ใช้เงินตราสกุลเดียวกัน (Monetary Union) ในวันที่ 1 มกราคม 2553 (2010) แต่จากปัญหาความล่าช้าในการดำเนินการหลายอย่าง GCC ได้มอบหมายให้ Monetary Union Council ที่จะตั้งขึ้นมาใหม่ เป็นผู้กำหนดเวลาที่จะเริ่มใช้เงินสกุลเดียวกัน ปัจจุบันสมาชิก GCC ทุกประเทศ ยกเว้นคูเวต ผูกค่าเงินของตนเองไว้กับเงินเหรียญสหรัฐฯ มีเพียงคูเวตที่ผูกค่าเงิน ไว้กับระบบตะกร้าเงิน (Currency Basket)

GCC เป็นภูมิภาคที่มีความสำคัญ และมีศักยภาพสูงในการนำเข้าสินค้าจากประเทศไทย การเป็นสหภาพศุลกากรของประเทศสมาชิกในกลุ่มนี้ ในภาพรวมน่าจะก่อให้เกิดผลในด้านบวก ต่อการส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศสมาชิก GCC สินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยสามารถที่จะเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศสมาชิกได้อย่างเสรี กฎระเบียบ และข้อกำหนดต่างๆ เกี่ยวกับการนำเข้าสินค้าจะมีความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากขึ้น มีความโปร่งใส ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยมีภาระค่าใช้จ่ายในการส่งออกไปประเทศใน GCC ลดลง

ในปี 2553 ประเทศไทยและ GCC มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 25,724.36 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ร้อยละ 6.59 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย) จำแนกเป็นการนำเข้า 19,524.72 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งออก 6,199.64 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าที่ไทยนำเข้าเกินกว่าร้อยละ 80 คือ น้ำมัน และแก็สธรรมชาติ สินค้าที่ไทยส่งออกไป GCC ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ

ปี 2554 (มค.-มีค.) ไทยส่งออกไป GCC แล้ว 1,742.92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวถึงร้อยละ 13.31 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา สินค้าที่นำเข้ามากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เครื่องประดับอัญมณี และสินค้าเครื่องจักรกลและชิ้นส่วน

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


แท็ก ศุลกากร   tat  

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ