นางพรทิวา นาคาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้ประชุมหัวหน้าสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ(สคร.) กรมส่งเสริมการส่งออก 65 แห่งทั่วโลก และคณะผู้แทนการค้าไทย(HTA) พร้อมด้วยข้าราชการระดับสูงของกระทรวงพาณิชย์ เพื่อเร่งรัดติดตามแผนปฎิบัติการตามยุทธศาสตร์การส่งออก และรับทราบแนวทางทำงานเชิงรุกในช่วงครึ่งปีหลัง 2554 เพื่อให้การส่งออกเป็นไปตามเป้าหมายที่วางใว้ โดยเน้นเจาะตลาด 3 โซนหลักและมีกิจกรรมชัดเจนในแต่ละตลาด เพื่อการยกระดับสินค้าบริการอย่างมีศักยภาพ ควบคู่ไปกับการใช้ประโยชน์จากเขตการค้าเสรี(FTA) อาทิ JTEPA, AJFTA, AKFTA, TAFTA ให้เพิ่มขึ้น
สำหรับกลุ่มตลาดหลัก(Matured Market) คือ สหรัฐฯ, สหภาพยุโรป(15)และญี่ปุ่น ตลาดศักยภาพสูง(Dynamic Market) คือ อาเซียน ,จีน ,เอเชียใต้ +อินเดีย,ฮ่องกง, เกาหลีใต้และไต้หวัน และ ตลาดศักยภาพระดับรอง (Emerging Market) คือ ออสเตรเลีย, ตะวันออกกลาง, แอฟริกา, ลาตินเมริกา, ยุโรป(12) ,รัสเซีย-ซีไอเอส และแคนาดา
การเจาะตลาดหลัก มุ่งเน้นนวัตกรรมใหม่ การสร้างแบรนด์ การออกแบบสินค้าให้สอดคล้องกับวิถีการดำเนินชีวิตในปัจจุบัน พร้อมใส่ใจสิ่งแวดล้อม รวมถึงการลดต้นทุนด้านโลจิสติกส์ ส่วนตลาดศักยภาพสูง ได้แก่ ส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มเอเซีย อาเซียนจะมุ่งเน้นการแสวงหาวัตถุดิบใหม่ๆ เพื่อลดต้นทุนในภาคอุตสาหกรรมของไทย สร้างโครงข่ายโลจิสติกส์เพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน โดยมุ่นเน้นสินค้าแฟชั่น อาหารเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ และมุ่งเน้นสร้างพันธมิตรทางด้านการค้าการลงทุนระหว่างภาคธุรกิจ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐ
สำหรับศักยภาพรอง หลายประเทศเป็นแหล่งวัตถุดิบและทรัพยากรธรรมชาติของโลก ได้แก่ แหล่งน้ำมันดิบ ป่าไม้แร่ธาตุธรรมชาติ อาทิ ทองคำ เพชร พลอย และอัญมณี รวมทั้งมีทรัพยากรทางทะเลอันอุดมสมบูรณ์ โดยมีประเทศในแถบลาตินอเมริกาเป็นตลาดที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ และถือได้ว่าเป็นตลาดส่งออกใหม่ของหลายประเทศทั่วโลกประเทศ นอกจากนี้ประเทศในภูมิภาคนี้ ยังได้รับการช่วยเหลือด้านเงินกู้จากจีน เพื่อใช้ในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะด้านการปรับปรุง ก่อสร้าง สาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ส่งผลให้ธุรกิจด้านการก่อสร้างขยายตัวเพิ่มขึ้น และมีการพัฒนาประเทศอย่างต่อเนื่อง
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กล่าวต่อไปว่า ทั้ง 10 ภูมิภาค ได้รายงานในที่ประชุมน่าสนใจหลายประเด็น อาทิ ภูมิภาคทวีปอเมริกาเหนือแจ้งว่า ปีนี้จากเดิมที่ตั้งเป้าส่งออกไว้ที่ 5% คาดว่าน่าจะขยายเป้าส่งออกได้ถึง 12% คิดเป็นมูลค่าการส่งออกกว่า 24,224 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งสหรัฐ 4 เดือนแรก(มกราคม-เมษายน 2554) มีมูลค่าการค้ารวม 11,409.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนเพิ่มขึ้นถึง 25.7% โดยมีมูลค่าการส่งออก 7,008.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น23
ในด้านการค้าระหว่างประเทศ สหรัฐฯเป็นประเทศผู้นำเข้าสินค้ารายใหญ่ของโลก การนำเข้าสินค้าของสหรัฐฯเป็นผลดีแก่ระบบเศรษฐกิจของสหรัฐฯเอง เนื่องจากทำให้ผู้บริโภคในสหรัฐฯสามารถหาซื้อสินค้าได้หลากหลายในราคาที่ถูกกว่าการผลิตเองภายในประเทศ อย่างไรก็ตาม การบริโภคภายในของสหรัฐค่อนข้างแข็งแกร่ง การดำเนินการของกระทรวงพาณิชย์จะเน้นการทำตลาดให้กว้างขึ้น เช่น ตลาดในกลุ่ม ฮิสเปนิค และตลาดกลุ่มสถาบัน (โรงแรม เรือนจำ และเรือสำราญ เป็นต้น)
สำหรับประเทศจีน ครอบคลุม 9 สคร. รายงานว่า ในปีนี้ได้ตั้งเป้าการส่งออกขยายตัวที่ 20% แต่คาดว่าจะทำได้ถึง 25% มูลค่า 25,146 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจีนมีประชากรกว่า 1,300 ล้านคน การขยายตัวทางเศรษฐกิจเฉลี่ย 9-10% ต่อปี มีการพัฒนาประเทศแบบก้าวกระโดด ในไตรมาสที่ 1 ปี 2554 ไทยสามารถส่งออกไปจีน คิดเป็นมูลค่า 5,550 ล้านเหรียญสหรัฐเพิ่มขึ้น 37% ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์ ดังนี้กิจกรรมและพัฒนาการส่งออกตลาดจีนในครึ่งปีหลัง กลยุทธ์ที่ใช้ได้แก่ โครงการต่อยอดธุรกิจ และส่งเสริมการลงทุนในต่างประเทศ การเน้นการจับคู่ทางธุรกิจ โดยจะกระจายกิจกรรมไปยังมณฑลรองที่มีความสำคัญ เช่น มณฑลฝูเจี้ยน เสฉวน เจ้อเจียง กวางสี เป็นต้น
ภูมิภาคอาเซียน ครอบคลุม 9 สคร. การส่งออกของมีมูลค่ารวม 16,913 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 22.8% และคาดว่าในช่วงกลางปีเป็นต้นไปจะมีอัตราการขยายตัวที่เพิ่มขึ้นเป็นไปตามเป้าหมาย สินค้าส่งออกสำคัญ ได้แก่ รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ น้ำมันสำเร็จรูป เครื่องคอมพิวเตอร์และส่วนประกอบ เม็ดพลาสติก เคมีภัณฑ์ ยางพารา เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ แผงวงจรไฟฟ้า เหล็ก และผลิตภัณฑ์ และน้ำตาลทราย เป็นต้น
สำหรับการส่งออกไปกลุ่มประเทศอาเซียน 5 ส่วนใหญ่มีการขยายตัวในระดับสูงเช่นกัน ดังนั้นกิจกรรมครึ่งปีหลังจะมุ่งเน้นสร้างพันธมิตรทางด้านการค้าการลงทุนระหว่างภาคธุรกิจ รวมทั้งความสัมพันธ์ระหว่างภาครัฐ ส่งเสริมการสร้างตราสินค้า/แบรนด์ไทยในอาเซียน สร้างเสริมสร้างศักยภาพของผู้ประกอบการ พัฒนาระบบข้อมูลการค้าการลงทุน และระบบโลจิสติกส์ทางการค้าเพื่อสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน
ตลาดรัสเซียและ CIS ในปีนี้เป้าหมายการส่งออกขยายตัวเป็นไปตามที่วางไว้ คือ 15% คิดเป็นมูลค่าถึง 1,134 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งรัสเซียและ CIS เป็นตลาดใหญ่มีประชากรรวมกันกว่า 277 ล้านคน จีดีพีขยายตัว 4.5% โดยเฉพาะรัสเซีย ยูเครน และคาซัคสถาน เป็นภูมิภาคที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านวิทยาการและเทคโนโลยี และมีกำลังซื้อสูง ดังนั้นในครึ่งปีหลังกิจกรรมการเข้าตลาดยังคงเน้นการเข้าร่วมงานแสดงสินค้าควบคู่ไปกับการจัด Business Matching ในสินค้าอาหาร เครื่องประดับอัญมณี ของตกแต่งบ้าน และของใช้ในครัวเรือน สำหรับสินค้าศักยภาพอื่นๆ ได้แก่ อะหลั่ยยานยนต์ เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้าน และสิ่งทอ
ที่มา: http://www.depthai.go.th