สืบเนื่องจากอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 เป็นร้อยละ 8.3 ทำให้ Ministry of Trade and Industry (MTI) ประกาศเพิ่มอัตราการคาดการณ์การเติบโตเศรษฐกิจปี 2554 เป็นร้อยละ 5-7 (เดิมคาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 4-6) นับเป็นสัญญาณการเริ่มต้นที่ดีซึ่งจะส่งผลให้เศรษฐกิจปี 2554 ขยายตัวเพิ่มขึ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นระดับที่ลดลงจากในปี 2553 ที่ขยายตัวร้อยละ 14.5 ก็ตาม MTI คาดว่า การเติบโตเศรษฐกิจปี 2554 จะนำโดยกลุ่มสินค้า Pharmaceutical และ Financial Services ทั้งนี้ การเพิ่มอัตราการเติบโตของ MTI ทำให้ภาคเอกชนคาดการณ์เพิ่มขึ้นด้วย อาทิ
United Oversea Bank เพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.7
Barclays Capital เพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 6
DBS and Citigroup เพิ่มจากร้อยละ 6 เป็นร้อยละ 7
Bank of America-Merrill Lynch เพิ่มจากร้อยละ 5 เป็นร้อยละ 5.3
สำหรับการเติบโตเศรษฐกิจในช่วงไตรมาสแรกปี 2554 มาจากภาคสำคัญๆ คือ (1) ภาคอุตสาห- กรรมการผลิตขยายตัวร้อยละ 13.1 โดยการเพิ่มในส่วนของการผลิตสินค้ายารักษาโรค (2) การบริการ ด้านการเงินขยายตัวร้อยละ 11.3 ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการบริการด้านการเงินภายในประเทศ ถึงแม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนในตลาดการเงินทั่วโลก (3) การส่งออกสินค้าทั่วไปที่ผลิตในประเทศ (ยกเว้นน้ำมัน) ขยายตัวร้อยละ 12
อนึ่ง นักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การเติบโตเศรษฐกิจจะขยายตัวในระดับพอสมควรในช่วงไตรมาสที่ 2 เนื่องจากวิกฤตภัยธรรมชาติและความเสียหายของโรงงานนิวเคลียร์ในญี่ปุ่น รวมถึงราคาน้ำมันที่แปรปรวนเพิ่มสูงขึ้น ทั้งนี้ ในช่วงครึ่งปีหลัง การเติบโตเศรษฐกิจจะกลับฟื้นคืนตัวขึ้น
สำหรับการเติบโตเศรษฐกิจในประเทศสหรัฐฯและประเทศในภูมิภาคยุโรป ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์คาดว่า จะมีเติบโตในระดับพอสมควร ส่วนภูมิภาคเอเชียจะมีเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากได้รับการสั่งซื้อสินค้าเพิ่มขึ้น ปัจจัยสำคัญที่จะส่งเสริมให้เศรษฐกิจสิงคโปร์มีการขยายตัวเพิ่มขึ้นในปี 2554 คือภาคอุตสาหกรรมการผลิต (โดยเฉพาะเคมีภัณฑ์ และ Biomedical Sciences) และการบริการด้านการเงิน (การให้กู้ยืมเงิน และกิจกรรมประกันภัย) นอกจากนี้ นักลงทุนยังหันนำเงินเข้าไปลงทุนในเอเชียเพิ่มขึ้น
อย่างไรก็ตาม MTI ให้คำนึงถึงปัจจัยเสี่ยง อาทิ ราคาน้ำมันที่แปรปรวนในระดับสูงขึ้นเรื่อยๆ วิกฤตหนี้สินในยุโรป และวิกฤตภัยธรรมชาติในญี่ปุ่น ซึ่งจะทำให้การเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์และโลกมีอัตราเพิ่มขึ้นในระดับที่ลดลง และจะส่งผลต่อเนื่องทำให้อัตราเงินเฟ้อของสิงคโปร์สูงขึ้นซึ่ง Monetary Authority of Singapore (MAS) คาดว่า ในปี 2554 จะมีอัตราร้อยละ 3-4 จากเหตุผลของค่าครองชีพที่เพิ่มสูงขึ้น โดยราคาและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของที่พักอาศัย การคมนาคม อาหาร และราคาน้ำมัน รวมถึงผลของการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2554 ปรากฎว่า ฝ่ายรัฐบาลได้รับคะแนนเสียงเพียงร้อยละ 60.14 อีกทั้งสภาวะแรงงานที่ภาครัฐเพิ่มมาตรการเข้มงวดในการอนุญาตจ้างคนงานต่างชาติในปัจจุบัน จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันทางการค้าในประเทศสิงคโปร์มีระดับลดลง
ตารางแสดงอัตราการเติบโตเศรษฐกิจสิงคโปร์ ช่วงไตรมาสแรกปี 2554
Sectors Year-on-Year Change (%) Goods-producing Industries Manufacturing 13.1 Construction 2.4 Services Industries Other Services 14.5 Financial Services 11.3 Hotels and Restaurants 7 Transport and Storage 4.9 Wholesale and Retail 4.5 Business Services 4.3 Information and Communication 2.9 Overall GDP growth 8.3 ที่มา : Ministry of Trade and Industry และ The Straits Times
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ สิงคโปร์
ที่มา: http://www.depthai.go.th