นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ ให้เกียรติเป็นประธานเปิดแถลงข่าวงาน Thailand’s Best Friends 2011 หรือ TBF 2011 ซึ่งจัดต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 ตามนโยบายรักษาตลาดเดิม เจาะตลาดใหม่ และแสวงหาตลาดที่มีศักยภาพ ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ (นางพรทิวา นาคาศัย) โดยในปีนี้จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 22-24 มิถุนายน 2554 เพื่อตอกย้ำความสำเร็จจากปีที่แล้ว เร่งกระตุ้นยอดส่งออกไทยโตตามเป้า 15% ด้วยกลยุทธ์ CRM (Customer Relationship Management) ระดับประเทศ ดึงคู่ค้ารายใหญ่กว่า 100 รายจากทั่วโลก เดินทางมาเยือนไทย พร้อมการต้อนรับอย่างอบอุ่นในฐานะบุคคลสำคัญที่ได้รับมอบเกียรติบัตรจาก ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ
นางนันทวัลย์ เผยว่า เราได้เห็นตัวอย่างความสำเร็จมาแล้วจากกลยุทธ์แบบ CRM ในการดำเนินโครงการ Thailand’s Best Friends 2 ครั้งที่ผ่านมา จึงมีความมั่นใจว่าการจัดงานในปีนี้จะยิ่งช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีด้านการค้าอย่างต่อเนื่องในระยะยาว ระหว่างผู้นำเข้าและผู้ส่งออกสินค้าไทย รวมถึงช่วยรักษาฐานลูกค้าเดิม และสร้างโอกาสเพิ่มทางธุรกิจ ช่วยให้เพิ่มยอดการส่งออกของไทยให้สูงขึ้นตามเป้าส่งออกที่ได้คาดการณ์ไว้ที่ร้อยละ 15 คิดเป็นมูลค่า 2.19 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 7 ล้านล้านบาท
“สำหรับการดำเนินโครงการ Thailand’s Best Friends ใน 2 ปีที่ผ่านมามีมูลค่าการสั่งซื้อสินค้ารวม 6,435.8 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สำหรับสินค้าที่มีอัตราการขยายตัวสูงเป็นพิเศษคือ สินค้าในกลุ่มเกษตรและอาหาร อุตสาหกรรมหนัก เคมีภัณฑ์ และวัสดุก่อสร้าง รวมทั้งสินค้าไลฟ์สไตล์
จุดเด่นของการเชิญคู่ค้าในปีนี้คือนอกจากจะเชิญผู้ซื้อผู้นำเข้าสินค้าประเภทต่างๆ แล้วเรายังได้เชิญคู่ค้าในกลุ่มธุรกิจบริการที่เริ่มมีบทบาทมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่ม Digital Content และกลุ่มสปา ที่ทำรายได้เข้าประเทศถึงปีละประมาณ 20,000 ล้านบาท นอกจากนี้ ยังสามารถสร้างรายได้หมุนเวียนภายในประเทศ และเกิดการจ้างงานต่อเนื่องอีกหลายประเภท” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม
อย่างไรก็ดี ในช่วง 4 เดือนแรกของปีนี้การส่งออกของไทยเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 27.4 คิดเป็นมูลค่า 74,438.3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 2.2 ล้านล้านบาท โดยปัจจัยที่ทำให้การส่งออกขยายตัว ได้แก่ ความต้องการในตลาดโลกที่ยังมีแนวโน้มสูงขึ้นตามทิศทางและแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจ และการค้าในตลาดส่งออกสำคัญ โดยเฉพาะสหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป และประเทศในแถบเอเชีย ได้แก่ จีน อินเดีย เอเชียตะวันออก และอาเซียน รวมถึงปัจจัยด้านราคาสินค้าเกษตรและอาหารที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ที่มา: http://www.depthai.go.th