กลุ่มสภาความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (GCC) ที่มีสมาชิก 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ บาห์เรน คูเวต โอมาน กาตาร์ และซาอุดีอาระเบีย จะเริ่มใช้ระเบียบการนำเข้าอาหารใหม่ โดยจะกำหนดกรอบหลักเกณฑ์การนำเข้าอาหารและกรอบการตรวจสอบการนำเข้าที่เป็นเอกภาพ (unified monitoring system for imported foodstuff) รวมทั้งมีกรอบการประสานงานที่เป็นเอกภาพ เป็นระเบียบสำหรับการนำเข้าอาหารจากประเทศนอกกลุ่ม GCC ที่ประเทศสมาชิกจะร่วมใช้ระบบเดียวกัน
รายละเอียดของหลักเกณฑ์คู่มือนั้นได้ผ่านรับการรับรองการจากสมาชิกกลุ่ม GCC เรียบร้อยแล้ว ขณะนี้กำลังอยู่ในระหว่างการวินิฉัยของ World Trade Organization (WTO) เพื่ออนุญาตใช้ปฎิบัติ
หลายปีที่ผ่านมากลุ่ม GCC ยังไม่สามารถบรรลุข้อกำหนดการใช้หลักเกณฑ์การตรวจสอบการนำเข้าอาหารให้เป็นเอกภาพโดยการใช้ระเบียบข้อบังคับฉบับเดียวร่วมกัน ทั้งๆที่ระบบดังกล่าวได้ร่วมกันร่างผ่านมาแล้วหลายปี ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายที่จะประกาศบังคับใช้หลักเกณฑ์เพื่อปฎิบัติได้อย่างแท้จริง
จุดประสงค์ของหลักเกณฑ์การนำเข้าอาหารและระเบียบความปลอดภัยอาหารของกลุ่มหลักๆคือ จะไม่มีอาหารที่ไม่ปลอดภัยต่อการบริโภคชนิดใดๆสามารถนำเข้าไปใน GCC ได้ หรือเป็นอาหารที่ด้อยคุณภาพ อาหารที่สามารถได้รับอนุญาตินำเข้าไปจำหน่ายในซาอุดิอาระเบียได้ ก็จะสามารถจำหน่ายในโอมานได้ และโอมานไม่จำเป็นต้องตรวจสอบอาหารนั้นอีก
ดังนั้นเมื่อประเทศสมาชิกใดประเทศหนึ่งตรวจสอบการนำเข้าแล้วไม่จำเป็นที่ประเทศอื่นในกลุ่มสมาชิกจะต้องตรวจอีก ระบบใหม่นี้นอกจากจะลดขั้นตอนทางเอกสารแล้ว ยังจะทำให้ราคาอาหารลดลงเพราะผ่านขั้นตอนการตรวจโดยประเทศเดียวค่าธรรมเนียมเอกสารและอื่นๆลดลง ผู้ส่งออกอาหารก็จะไม่ต้องประสบกับปัญญาเกี่ยวกับกฎระเบียบต่างมาตรฐาน และลดขั้นตอนเกี่ยวกับเอกสารที่มีค่าธรรรมเนียมสูง ดังเช่นที่ประสบกันอยู่ในการส่งออกอาหารไปกลุ่ม GCC ในปัจจุบัน
หน่วยงาน Municipalities ของกลุ่มกลุ่มประเทศ GCC จะเข้าร่วมประชุม GCC Food Safety Committee ที่เมืองริยาด ประเทศซาอุดิอาระเบีย ในวันที่ 28 มิถุนายน 2554 และหลักเกณฑ์กำหนดการนำเข้าอาหารใหม่ให้เป็นกรอบการตรวจสอบการนำเข้าอาหารที่เป็นเอกภาพ จะเป็นวาระการประชุมที่สำคัญในครั้งนี้
1. การที่กลุ่มประเทศ GCC ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของอาหารเป็นพิเศษ เนื่องจากต้องนำเข้าอาหารจากต่างประเทศมีจำนวนมาก และกลุ่มประเทศยังคงพึ่งการการนำเข้าเป็นหลัก
2. ประเทศสมาชิก GCC 6 ประเทศ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าเกษตร - อาหาร รวมกันประมาณ 12 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ปี 2010) โดยมีซาอุดิอาระเบียนำเข้ามูลค่าสูงสุด รองลงไปคือยูเออี และคูเวต ตามลำดับ สินค้าที่ยูเออีนำเข้าส่วนใหญ่อย่างน้อย 60% เพื่อใช้ส่งออกต่อไปยังประเทศสมาชิก GCC อื่นๆ ประเทศอิหร่าน แอฟริกาตะวันออก และ CIS อีกทั้งการเติบโตของโรงแรมและร้านบริการอาหารเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเนื่องจากธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะในยูเออีและกาตาร์จะทำให้ความต้องการนำเข้าอาหารเพิ่มมากขึ้น
3. ภาครัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอาหารของไทย จะต้องให้ความสำคัญและคำนึงถึงการผลิตสินค้าอาหารให้ได้มาตรฐานสากลโลก ให้ถูกต้องตามระเบียบต่างๆของกลุ่ม GCC ที่ส่วนใหญ่เป็นมุสลิม หากสินค้ามีปัญหาการนำเข้าในประเทศหนึ่งก็จะถูก Ban โดยประเทศอื่นของกลุ่ม
4. สินค้าอาหารไทยที่บางประเทศในกลุ่ม GCC ห้ามนำเข้า เช่น ไก่สดแช่แข็งถูกห้ามนำเข้าในประเทศยูเออี ซาอุดิอาระเบีย คูเวต และกาตาร์เป็นต้น ในขณะที่ได้รับอนุญาตนำเข้าในประเทศบาห์เรนได้
ดังนั้นหากหลักเกณฑ์นี้สามารถบังคับใช้ได้อย่างจริงจัง ปัญหานี้ก็จะคลี่คลายลง โดยไทยจะสามารถส่งออกไก่สดแช่แข็งในทุกประเทศของกลุ่ม GCC ได้ เป็นการขยายตลาดและสามารถส่งออกสินค้าไทยไปยังประเทศในกลุ่ม GCC ได้เพิ่มขึ้นอีกมาก
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองดูไบ
ที่มา: http://www.depthai.go.th