รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างประเทศ ประเทศบราชิล ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย. 2554

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 8, 2011 14:10 —กรมส่งเสริมการส่งออก

รายงานสถานการณ์เศรษฐกิจและภาวะการค้าระหว่างประเทศ ประเทศบราชิล

ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย. 2554

รายงานโดย สคร. ณ นครเซาเปาโล

1. สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของบราชิล

1.1. ค่าเงินเฮฮัลกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจบราชิล

นาย Guido Mantega รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบราชิลได้กล่าวในหลายครั้งในเดือนมิ.ย. 54 ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาหามาตราการเพิ่มเติมในการควบคุมค่าของเงินเฮฮัลที่แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแข็งค่าขึ้นมากกว่า 35% จากปี 2008 โดยปัจจุบันอยุ่ที่ 1.55 เฮฮัลต่อ 1 USD

ซึ่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจบราชิลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพอสรุปได้ดังนี้ 1.ทำให้ผู้ผลิตในประเทศประสบปัญหาการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้า ที่มีต้นทุนในการนำเข้าลดลง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลพยายามออกมาตราการกีดกันทางการค้าเพื่อลดผลกระทบ เช่น การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าปลาชาร์ดีนกระป๋องจาก 16% เป็น 32% การเพิ่มขั้นตอนในการนำเข้าสินค้าอาหารและเครื่องดื่มให้ยุ่งยากขึ้นโดยต้องมีการลงชื่อห้องแล็บที่ให้การรับรองมาตราฐานสินค้าก่อนมีการนำเข้า เป็นต้น เป็นที่แน่ชัดว่าในอนาคตอันใกล้จะมีมาตราการต่างๆ ในการกีดกันสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน 2.การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อหวังลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ธนาคารกลางบราชิลและคณะกรรมการด้านนโยบายการเงินของประเทศ (SELIC) ได้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาถึง 4 ครั้ง ล่าสุดเมื่อเดือนมิ.ย. 54 เป็น 12.25 %ต่อปี จากที่ในปีที่แล้วเดือน ต.ค. 54 อยู่ที่ 10.25% หรือเพิ่มขึ้นถึง 2% เพียง 8 เดือน อย่างไรก็ดี การขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้การเพิ่มของอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวน้อยลงคือ ปัจจุบันอยู่ที่ 6.3 %แต่ก็ยังสูงกว่าที่รัฐบาลต้องการอยู่มาก โดยรัฐบาลต้องการควบคุมให้อยู่ที่ 4.3-4.5 % 3.เป็นโอกาสให้ผู้ผลิตในประเทศเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและปรับตัวมากขึ้น รัฐบาลได้ใช้โอกาสนี้ ออกมาตราการสนับสนุนหลายด้านเพื่อให้ภาคเอกชนปรับปรุงธุรกิจตนเองเพื่อให้แข้งขันได้กับสินค้านำเข้า เช่น การสนับสนุนด้านภาษีที่เรียกเก็บน้อยลงในกรณีกู้เงินเพื่อปรับปรุงการผลิต เป็นต้น 4.ทำให้บราชิลมีสัดส่วนการพึงพาสินค้าการส่งออกสินค้าประเภททุนมากขึ้น โดยในปี 2008 สินค้าทุนต่างๆ เช่น เหล็ก แร่ต่างๆ ถั่วเหลือง เป็นต้นมีสัดส่วนในการส่งออกเพียง 18%แต่เนื่องจากราคาของสินค้าทุน (community products) ในตลาดโลกสูงขึ้นมาก ทำให้สัดส่วนสินค้าดังกล่าวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 40 ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเสี่ยงมากต่อระบบเศรษฐกิจเนื่องจาก ราคาสินค้าประเภทนี้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ดี

หากเศรษฐกิจของเอเชียโดยเฉพาะจีนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าราคาของสินค้าทุนดังกล่าวก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป นอกจากนั้น ค่าเงินที่แข็งขึ้นทำให้สินค้าอุตสาหกรรมของบราชิลประสบปัญหาราคาสูงกว่าคู่แข่งทำให้ส่งออกได้น้อยลงในเชิงปริมาณและมูลค่าทำให้ลดสัดส่วนในการส่งออกลงตามลำดับ 5.ฐานะการเงินการคลังของรัฐบาลดีขึ้น เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้นส่งผลให้เงินสำรองภาครัฐสูงขึ้นกว่าปีก่อน โดยอยู่ที่ 1.81 พันล้านเฮฮัล สูงขึ้น 3.3% ปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 2.8%

1.2. บราชิลและประเทศในลาตินอเมริกาเพิ่มระดับความสำคัญกับจีนมากขึ้น

ในปีที่ผ่านมาจีนได้ก้าวขึ้นเป็นตลาดส่งออกลำดับที่ 1 ของบราชิลแทนที่สหรัฐฯ และแนวโน้มที่เศรษฐกิจของสหรัฐและยุโรปยังมีแนวโน้มชะลดตัวและไม่ฟื้นจากภาวะตกต่ำ ทำให้บราชิลเล็งเห็นว่าควรเร่งเพิ่มความร่วมมือทางด้านต่างๆโดยเฉพาะเศรษฐกิจมากขึ้น

โดยเมื่อเดือนเมษายนประธานาธิบดี Rousseff ลงนามข้อตกลงหลายอย่างในการประชุม BRICS ที่ประเทศจีน เช่น การลงนามความร่วมมือทางการค้าระหว่างกัน การลงนามด้านการลงทุนต่างๆโดยเฉพาะด้านโครงสร้างพื้นฐานและอำนวยความสะดวกทางการเคลื่อนย้ายเงินทุนระหว่างกัน เป็นต้น

ในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีตัวแทนรัฐบาลของประเทศในลาตินอเมริกาหลายประเทศเดินทางไปจีนเพื่อเจรจาตกลงทางด้านความร่วมมือทางการค้าต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น คอสตาริกาที่มีการลงนาม FTA กับจีนที่ยอมลดความสัมพันธ์กับไต้หวันตั้งแต่ปี 2008 เพื่อเอาใจจีน หรือ การเยือนของประธานาธิบดีของเปรู ชิลี และอีกหลายประเทศล้วนแต่แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจีนที่มีบทบาทมากขึ้นเรี่อยๆในฐานะประเทศที่มีการค้าลงทุนกับลาตินอเมริกาลำดับที่ 1 แทนที่สหรัฐฯ 1.3. คาร์ฟูร์และคาสิโนกับการต่อสู้เพื่อตลาดการค้าปลีกในบราชิล

ในปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา กลุ่มคาร์ฟูร์ได้ประกาศว่าบริษัทจะมีการร่วมทุนกับกลุ่ม GPA (Grupo Pao de Acucar) กลุ่มค้าปลีกลำดับที่ 1 ของบราชิลที่มีสาขากว่า 1,647 ร้านค้าทั่วบราชิล ส่วนแบ่งตลาด 18% ซึ่งหากรวมกับที่คาร์ฟูร์สาขาในบราชิลอยู่แล้ว 654 ร้านค้า ส่วนแบ่งตลาด 14.5% ก็จะทำให้มีส่วนแบ่งตลาดมากถึง 1 ใน 3 ของตลาดค้าปลีกของบราชิล โดยความตกลงครั้งนี้มีมูลค่าประมาณ 2,000 ล้านปอนด์หรือ (100,000 ล้านบาท) เลยทีเดียว

อย่างไรก็ดี เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปว่า กลุ่ม GPA ได้ขายหุ้นเพื่อร่วมทุนกับกลุ่มคาสิโน คู่แข่งสำคัญของคาร์ฟูร์ตั้งแต่ปี 2006 โดยมีบริษัท Wilikes ที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างคาสิโนกับครอบครัว Diniz หรือผู้บริหาร GPA เพื่อควบคุมกิจการของ GPA หลังจากการรวมทุนนี้ ทำให้เมื่อมีข่าวดังกล่าวขึ้นมา กลุ่มคาสิโนก็ออกมาแสดงความไม่พอใจที่กลุ่ม GPA ดำเนินแผนการรว่มทุนกับคาร์ฟูร์โดยไม่ขอความเห็นชอบก่อน ทั้งนี้ กลุ่มคาสิโนได้นำเรื่องดังกล่าวฟ้องกลุ่ม GPA ทั้งในศาลของบราชิลและฝรั่งเศสเพื่อให้ความตกลงของคาร์ฟูร์กับ GPA เป็นโมฆธต่อไป โดยกลุ่มคาสิโนอ้างว่าแม้กลุ่มคาสิโนจะมีหุ้นในบริษัท Wilikes แค่ 37% แต่การที่กลุ่มครอบครัว Diniz ซึ่งมีการถือหุ้นมากกว่าทำการตกลงโดยไม่เอาเรื่องเข้าบอร์ดของบริษัทเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ทำให้ต้องติดตามต่อไปว่าการแข่งขันของคาร์ฟูร์กับคาสิโนในเรื่องการร่วมทุนนี้จะจบกันอย่างไร

2. สถิติการค้าระหว่างประเทศของบราชิล

สถิติการค้าระหว่างประเทศของบราชิล

1) มูลค่าการส่งออก นำเข้าและดุลการค้าระหว่างประเทศของบราชิลระหว่างปี 2004-2011

มูลค่าการค้า (พันล้าน US$)

         ปี ค.ศ.                    ส่งออก                     นำเข้า                    ดุลการค้า
          2004                      96.7                      62.8                       33.9
          2005                     118.5                      73.6                       44.9
          2006                     137.8                      91.4                       46.4
          2007                     160.6                     120.6                         40
          2008                     197.9                     173.0                       24.9
          2009                     153.0                     127.6                       25.4
          2010                     201.9                     181.6                       20.3
          2011*                    226.0*                    200.0*                      26.0*
  • เป็นการคาดการณ์ที่เศรษฐกิจบราชิลมี GDP ขยายตัวร้อยละ 4.5 ในปี 2011

ที่มา ธนาคารกลางบราซิล, สถาบันสถิติแห่งชาติบราซิล กองทุนการเงินระหว่างประเทศ และ ธนาคารโลก

ตลาดส่งออกที่สำคัญ 5 ลำดับแรก (ส่วนแบ่งตลาด%)

จีน (15.25%) สหรัฐฯ (9.56%) อาร์เจนติน่า (9.17%) เนเธอร์แลนด์ (5.07%) เยอรมนี (4.03%) ไทย (อันดับที่ 33, 0.70%)

สินค้าส่งออกสำคัญ 5 ลำดับแรก

แร่และเชื้อเพลิง เมล็ดพืชและถั่ว เนื้อสัตว์ (ไก่สดแช่แข็ง และเนื้อสดแช่แข็ง) และยานยนต์

แหล่งนำเข้าที่สำคัญ 5 ลำดับแรก

สหรัฐฯ (14.89%) จีน (14.09%) อาร์เจนติน่า (7.94%) เยอรมนี (6.91%) เกาหลีใต้ (4.64%) ไทย (อันดับที่ 22, 1.01%)

สินค้านำเข้าที่สำคัญ 5 ลำดับแรก

แร่และเชื้อเพลิง เครื่องยนต์และเครื่องจักร อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และเคมีภัณฑ์ (ที่มาจากวัสดุธรรมชาติ)

มูลค่าการส่งออก นำเข้าและดุลการค้าฯ ของบราชิล ระหว่าง ปี 2010-2011 (รายเดือน)

 เดือน            มูลค่าการค้า (พันล้าน US$) ปี 2010                       มูลค่าการค้า (พันล้าน US$) ปี 2011
             ส่งออก            นำเข้า         ดุลการค้า            ส่งออก            นำเข้า          ดุลการค้า
 ม.ค.         11.3             11.5            -0.2             15.2             14.8              0.4
 ก.พ.         12.2             11.8             0.4             16.7             15.5              1.2
 มี.ค.         15.7             15.1             0.6             19.4             17.7              1.7
 เม.ย.        15.2             13.9             1.3             20.0             18.3              1.7
 พ.ค.         17.7             14.2             3.5             23.2             20.2              3.2
 มิ.ย.         17.1             14.8             2.3             23.7             18.5              5.2
 ก.ค.         17.7             16.3             1.4
 ส.ค.         19.2             16.8             2.4
 ก.ย.         18.8             17.7             1.5
 ต.ค.         18.3             16.5             1.8
 พ.ย.         17.7             17.3             0.3
 ธ.ค.         20.9             15.5             5.3
 รวม         201.9            181.6            20.3           *226.0             *200            *26.0
ข้อมูลจาก World Trade Atlas (เดือนมิถุนายน 2554), *การคาดการณ์ของรัฐบาลบราชิล

โดยบราซิลได้คาดการณ์ว่าในปี 2554 จะสามารถส่งออกเป็นมูลค่ารวม 226,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

โดยขยายตัวเพิ่มขึ้นประมาณ 12% จากปี 2553 ส่วนการนำเข้าปี 2554 คาดการณ์จะมีการนำเข้าประมาณ 200,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯหรือขยายตัวถึง 10-11 % อันเป็นผลมาจากจากการที่มีความต้องการวัตถุดิบในการผลิตจากต่างประเทศเป็นจำนวนมากเนื่องการขยายตัวทางเศรษฐกิจในประเทศ ทำให้อัตราการขยายตัวของการนำเข้าสูงในอัตราที่ใกล้เคียงกับการส่งออก ตลอดจนปัญหาด้านเงินเฟ้อที่เริ่มจะสูงเกินกว่าเป้าหมายที่รัฐบาลต้องการ (ปี 2553 คาดการณ์ 4.8% ตัวเลขจริง 5.8-6.4 %) และอัตราเงินเฮฮัลที่แข็งค่าตั้งแต่กลางปีที่แล้วถึง 17-20 %(รัฐบาลต้องการ 1.70 เฮฮัลต่อ 1 USD ปัจจุบันอยู่ที่ 1.64-1.66 เฮฮัลต่อ 1 USD) ทำให้การส่งออกขยายตัวน้อยกว่าที่คาดไว้ รัฐบาลจึงพยายามควบคุมโดยขึ้นอัตราดอกเบี้ยจากเดิมที่สูงอยู่แล้วคือ 11.25 เป็น 11.75 ในปัจจุบัน ทำให้ต้นทุนในการดำเนินธุรกิจของภาคเอกชนสูงขึ้น นอกจากนั้น ผลจากการที่การส่งออกขยายตัวน้อยกว่าที่คาดนั้น ทำให้บราชิลได้ดุลการค้าลดลงตามไปด้วย อย่างไรก็ดี ในปี 2554 รัฐบาลได้มีการคาดการณ์ว่าบราชิลจะได้ดุลการค้าประมาณ 26 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพิ่มขึ้น จากปี 2553 ที่บราชิลได้ดุลการค้าเพียง 20 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ จากสถานการณ์ในทางตรงกันข้ามที่กำลังเป็นอุปสรรคของทั้งการส่งออกและการขยายตัวทางเศรษฐกิจของบราชิลดังกล่าว น่าจะส่งผลให้บราชิลพยายามลดการนำเข้าด้วยการออกมาตราการกีดกันการค้าต่างๆ เช่น การขึ้นภาษีสินค้าเพื่อสนับสนุนการผลิตในประเทศ การเพิ่มขั้นตอนการอนุญาตนำเข้าให้ยุ่งยากขึ้น การเข้มงวดในการเข้าออกของเงินตราต่างประเทศ เป็นต้น ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 1 ก.พ. 54 ที่ผ่านมารัฐบาลได้ขึ้นภาษีนำเข้า 3 รายการได้แก่ ถุงมือยางที่มิได้ใช้ทางการแพทย์ เคมีภัณฑ์ประเภทที่ใชในการผลิตพลาสติก และเครื่องพิมพ์หรือแม่พิมพ์ในอุตสาหกรรมวัสดุยาง

2.2.การค้าระหว่างบราชิลกับประเทศไทย

สถิติการค้าระหว่างไทยกับบราชิล (ข้อมูลจาก กระทรวงพาณิชย์ : ระบบ Menucom)

2.2.1. สถิติการส่งออกสินค้าจากไทยไปบราชิล ปี 2554 (พ.ค. 54)

 อันดับ            ชื่อสินค้า                     มูลค่า : ล้านเหรียญ                    อัตราขยายตัว (%)
  ที่                                    2553     2553       2554         2553     2553        2554
                                           (ม.ค.-พ.ค.)(ม.ค.-พ.ค.)          (ม.ค.-พ.ค.)   (ม.ค.-พ.ค.)
  1   ยางพารา                         296.0    109.9      174.5       182.35   528.60       58.70
  2   รถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ         244.1     89.2      119.6        17.30    77.21       34.05
  3   เครื่องยนต์สันดาปภายในแบบลูกสูบ       158.8     54.2       85.5        36.23    55.62       57.63
  4   เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ          119.0     40.5       65.0        55.19    52.13       60.31
  5   ผลิตภัณฑ์ยาง                       117.3     41.2       60.5       107.28   154.35       47.04
  6   เม็ดพลาสติก                        43.2     11.6       46.0        86.66    96.79      295.44
  7   ด้ายและเส้นใยประดิษฐ์                80.9     27.6       44.9         8.48    18.65       62.72
  8   รถจักรยานยนต์และส่วนประกอบ          38.5     10.2       30.2        65.01    92.13      195.70
  9   เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์            50.9     16.8       23.2        92.70   202.78       38.18
  10 ของเบ็ดเตล็ดทำด้วยโลหะสามัญ           32.1     10.9       19.8        27.44    89.72       80.81
รวม 10 รายการ                       1,180.8    412.2      669.1        60.56   115.50       62.31
อื่นๆ                                   431.2    154.7      201.0        62.80   106.81       29.96
รวมทั้งสิ้น                             1,612.1    566.9      870.1        61.15   113.05       53.49

สคร. คาดการณ์ว่าการส่งออกของไทยมายังบราชิลในปี 2554 จะมีมูลค่าประมาณ 2,100 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยขยายตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ร้อยละ 30 ซึ่งเป็นไปตามที่กระทรวงพาณิชย์วางเป้าหมายไว้ โดยมีปัจจัยหลักจากการขยายตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องของของบราชิลในปี 2554 ที่คาดว่าจะเติบโตร้อยละ 4.8 ทำให้มีอุปสงค์ความต้องการสินค้าเพิ่มขึ้นมาก ส่งผลให้มีการนำเข้าเพิ่มขึ้นมาก โดยร้อยละ 80 ของสินค้าที่ไทยส่งออกมายังบราชิลส่วนใหญ่เป็นสินค้าประเภทวัตถุดิบและส่วนประกอบเพื่อนำมาประกอบเป็นสินค้าสำเร็จรูปเพื่อจำหน่ายหรือส่งออกต่อไปยังประเทศในแถบลาตินอเมริกา อเมริกาและยุโรป นอกจากนั้น บราชิลยังเตรียมการเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันโอลิมปิกในปี 2012 และฟุตบอลโลกในปี 2014 ทำให้ สคร. มีความเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจของบราชิลจะขยายตัวอย่างต่อเนื่องอย่างน้อย 2-3 ปีข้างหน้า แม้อาจมีปัจจัยลบอื่นๆ เช่น อัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น การตัดรายจ่ายด้านงบประมาณของรัฐบาล การใช้นโยบายอัตราดอกเบี้ยสูง เป็นต้น

2.2.2.สถิติการนำเข้าสินค้าจากจากบราชิลมาไทย ปี 2554 (พ.ค. 54)

 อันดับ            ชื่อสินค้า                     มูลค่า : ล้านเหรียญ                    อัตราขยายตัว (%)
  ที่                                    2553     2553       2554         2553     2553        2554
                                           (ม.ค.-พ.ค.)(ม.ค.-พ.ค.)          (ม.ค.-พ.ค.)   (ม.ค.-พ.ค.)
  1   พืชและผลิตภัณฑ์จากพืช              1,142.0    330.0      550.8        31.57    30.08       66.91
  2   เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์           288.8     94.4      115.8        62.51   225.33       22.58
  3   สินแร่โลหะอื่น ๆ เศษโลหะและ          57.7      4.4       42.8       145.26   203.24      864.18
ผลิตภัณฑ์
  4   เครื่องเพชรพลอย อัญมณี เงินแท่งและ     50.3     36.9       27.0       446.55 5,857.90      -26.81
ทองคำ
  5   ด้ายและเส้นใย                      61.0     21.4       20.2        37.96   -16.01       -5.58
  6   เครื่องจักรกลและส่วนประกอบ           45.7     12.4       12.4        46.76     9.65        0.51
  7   สัตว์และผลิตภัณฑ์จากสัตว์               29.5     11.1       10.5        75.60   185.45       -5.64
  8   เยื่อกระดาษและเศษกระดาษ            18.4     10.7        9.8         5.29   181.34       -8.65
  9   เคมีภัณฑ์                           22.4      8.9        8.1        14.93    42.65       -9.41
  10 ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์            7.9      1.4        7.2        22.91   -71.70      406.18
รวม 10 รายการ                       1,723.7    531.7      804.6        41.99    56.13       51.32
อื่นๆ                                    81.9     27.4       33.3       -26.51   -60.62       21.39
รวมทั้งสิ้น                             1,805.6    559.1      837.9        36.23    36.33       49.85

3. ข้อมูลทางเศรษฐกิจที่น่ารู้ของบราชิล

3.1. เครื่องชี้วัดเศรษฐกิจที่สำคัญ

   ปี      GDP      GDP      GDP    จำนวน     อัตรา    อัตราการ      อัตรา       Ex Rate     ค่าแรงขั้นต่ำ
         พันล้าน   Growth  per Cap  ประชากร   เงินเฟ้อ   ว่างงาน      ดอกเบี้ย      เฮอัลต่อ 1    เฮฮัลต่อเดือน
          USD      (%)      USD    ล้านคน      (%)      (%)         (%)         USD
  2008   2,045     5.1    10,400   203.13     4.9      4.9        13.75        1.86         415
  2009   2,041    -0.2    10,300    198.8     4.9      4.9         8.75        1.99         465
  2010   2,194     7.2    10,900    192.3     5.3      5.3        10.75        1.77         510
 *2011   2,200     5.8    11,100      205     4.8      5.1        11.75        1.65         540
*  ปี 2011 เป็นการคาดการณ์หน่วยงานรัฐบาลกลางบราชิลและผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจต่างๆ

3.2. การจำแนกกลุ่มผู้บริโภคและรายละเอียดแต่ละกลุ่ม (Market Segmentation)

Class A 14%

Class B 36%

Class C 47%

Class D 3%

Class A.มี 14 ผู้มีรายได้สูง เจ้าของธุรกิจ นักการเมือง

Class B.มี 36 รายได้ระดับสูงถึงปานกลาง หมอ ทนายความ ผู้บริหาร เจ้าของกิจการ

Class C.มี 47 ผู้มีรายไดปานกลางถึงต่ำ ผู้ใช้แรงงาน ตำรวจ ครู เลขานุการ ข้าราชการระดับกลาง พนักงานขาย พนักงานต้อนรับ

แผนภาพแสดงการจำแนกกลุ่มผู้บริโภคแบ่งตามรายได้ออกเป็น4 กลุ่ม A, B, C, D

Class A, B หมายถึง ผู้ที่มีเงินเดือนมากกว่า 10 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ หรือมากกว่า 5,400 เฮฮัล Class C หมายถึง ผู้ที่มีเงินเดือนระหว่าง 3 - 10 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ หรือประมาณ 1,620-5,400 เฮฮัล Class D หมายถึง ผู้ที่มีเงินเดือนระหว่าง 1 - 3 เท่าของค่าแรงขั้นต่ำ หรือ 540-1,620 เฮฮัล

สคร. ณ นครเซาเปาโล

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ