ค่าเงินเฮฮัลกับผลกระทบต่อเศรษฐกิจบราชิล

ข่าวเศรษฐกิจ Friday July 8, 2011 15:32 —กรมส่งเสริมการส่งออก

นาย Guido Mantega รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังบราชิลได้กล่าวในหลายครั้งในเดือนมิ.ย. 54 ว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาหามาตราการเพิ่มเติมในการควบคุมค่าของเงินเฮฮัลที่แข็งขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยแข็งค่าขึ้นมากกว่า 35% จากปี 2008 โดยปัจจุบันอยุ่ที่ 1.55 เฮฮัลต่อ 1 USD ซึ่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจบราชิลในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาพอสรุปได้ดังนี้

1. ทำให้ผู้ผลิตในประเทศประสบปัญหาการแข่งขันด้านราคากับสินค้านำเข้า ที่มีต้นทุนในการนำเข้าลดลง ซึ่งส่งผลให้รัฐบาลพยายามออกมาตราการกีดกันทางการค้าเพื่อลดผลกระทบ เช่น การเพิ่มภาษีนำเข้าสินค้าปลาชาร์ดีนกระป๋องจาก 16% เป็น 32% การเพิ่มขั้นตอนในการนำเข้าสินค้าอาหารและเครื่องดื่มให้ยุ่งยากขึ้นโดยต้องมีการลงชื่อห้องแล็บที่ให้การรับรองมาตราฐานสินค้าก่อนมีการนำเข้า เป็นต้น เป็นที่แน่ชัดว่าในอนาคตอันใกล้จะมีมาตราการต่างๆ ในการกีดกันสินค้านำเข้าเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน

2. การขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อหวังลดสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจ ธนาคารกลางบราชิลและคณะกรรมการด้านนโยบายการเงินของประเทศ (SELIC) ได้ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายมาแล้วในรอบ 6 เดือนที่ผ่านมาถึง 4 ครั้ง ล่าสุดเมื่อเดือนมิ.ย. 54 เป็น 12.25 %ต่อปี จากที่ในปีที่แล้วเดือน ต.ค. 54 อยู่ที่ 10.25% หรือเพิ่มขึ้นถึง 2% เพียง 8 เดือน อย่างไรก็ดี การขึ้นอัตราดอกเบี้ยดังกล่าว ส่งผลให้การเพิ่มของอัตราเงินเฟ้อชะลอตัวน้อยลงคือ ปัจจุบันอยู่ที่ 6.3 %แต่ก็ยังสูงกว่าที่รัฐบาลต้องการอยู่มาก โดยรัฐบาลต้องการควบคุมให้อยู่ที่ 4.3-4.5 %

3. เป็นโอกาสให้ผู้ผลิตในประเทศเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและปรับตัวมากขึ้น รัฐบาลได้ใช้โอกาสนี้ ออกมาตราการสนับสนุนหลายด้านเพื่อให้ภาคเอกชนปรับปรุงธุรกิจตนเองเพื่อให้แข้งขันได้กับสินค้านำเข้า เช่น การสนับสนุนด้านภาษีที่เรียกเก็บน้อยลงในกรณีกู้เงินเพื่อปรับปรุงการผลิต เป็นต้น

4. ทำให้บราชิลมีสัดส่วนการพึงพาสินค้าการส่งออกสินค้าประเภททุนมากขึ้น โดยในปี 2008 สินค้าทุนต่างๆ เช่น เหล็ก น้ำตาล กาแฟ แร่ต่างๆ ถั่วเหลือง เป็นต้นมีสัดส่วนในการส่งออกเพียง 18%แต่เนื่องจากราคาของสินค้าทุน (community products) ในตลาดโลกสูงขึ้นมาก ทำให้สัดส่วนสินค้าดังกล่าวสูงขึ้นเป็นร้อยละ 40 ในปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเสี่ยงมากต่อระบบเศรษฐกิจเนื่องจาก ราคาสินค้าประเภทนี้ไม่สามารถคาดการณ์ได้ อย่างไรก็ดี หากเศรษฐกิจของเอเชียโดยเฉพาะจีนยังขยายตัวอย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าราคาของสินค้าทุนดังกล่าวก็ยังคงเพิ่มขึ้นต่อไป นอกจากนั้น ค่าเงินที่แข็งขึ้นทำให้สินค้าอุตสาหกรรมของบราชิลประสบปัญหาราคาสูงกว่าคู่แข่งทำให้ส่งออกได้น้อยลงในเชิงปริมาณและมูลค่าทำให้ลดสัดส่วนในการส่งออกลงตามลำดับ

5. ฐานะการเงินการคลังของรัฐบาลดีขึ้น เนื่องจากค่าเงินที่แข็งขึ้นส่งผลให้เงินสำรองภาครัฐสูงขึ้นกว่าปีก่อน โดยอยู่ที่ 1.81 พันล้านเฮฮัล สูงขึ้น 3.3% ปีก่อนที่เพิ่มขึ้น 2.8%

สคร. เซาเปาโล

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ