รายงานภาวะเศรษฐกิจและการค้าของกรีซประจำเดือนพฤษภาคม ๒๕๕๔

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday July 14, 2011 13:37 —กรมส่งเสริมการส่งออก

๑. ภาวะเศรษฐกิจโดยรวมของกรีซยังคงไม่กระเตื้องขึ้น โดยสำนักงานสถิติแห่งชาติกรีซ (ELSTAT) ได้รายงานข้อมูลตัวเลขของเศรษฐกิจกรีซ ดังนี้

๑.๑ GDP ในไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๔ มีมูลค่า ๔๑,๖๕๑ ล้านยูโร ขยายตัวเพิ่มขึ้น +๐.๒% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า แต่หากเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน อัตราการขยายตัวลดลง -๕.๕%

             ๑.๒ ภาวะเงินเฟ้อ ในเดือนพ.ค. ๕๔ เพิ่มขึ้นเล็กน้อย +๐.๒% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และเพิ่มขึ้น         +๓.๓% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

๑.๓ การบริโภค ในเดือนมี.ค. ๕๔ ลดลง -๑.๙% เมื่อเทียบกับเดือนก่อน และลดลง -๑๕.๕% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

๑.๔. การผลิตภาคอุตสาหกรรม ในเดือนเม.ย.๕๔ ลดลง - ๗.๕% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า และลดลง -๑๑% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน

๑.๕ ดัชนีราคาผู้ผลิตภาคอุตสาหกรรม (Producer Price Index) ในเดือนพ.ค.๕๔ เพิ่มขึ้น ๗.๓% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน และลดลง -๑.๓% เมื่อเทียบกับเดือนก่อนหน้า

๑.๖ ดัชนีมูลค่าการค้าในธุรกิจค้าปลีก (Turnover index in retail trade) ในเดือนเม.ย. ๕๔ (ไม่รวมน้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์) ลดลง -๕.๙% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน โดยลดลงในสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม และยาสูบ, ผลิตภัณฑ์เภสัชกรรมและเครื่องสำอางค์, เสื้อผ้าและรองเท้า, เฟอร์นิเจอร์และอุปกรณ์ไฟฟ้าและเครื่องใช้ในบ้าน ส่วนสินค้าที่ดัชนีมูลค่าการค้าเพิ่มขึ้น ได้แก่ ซุปเปอร์มาร์เก็ต, ห้างดีพารท์เมนท์สโตร์, น้ำมันเชื้อเพลิงสำหรับยานยนต์, หนังสือ/ เครื่องเขียน เครื่องใช้สำนักงาน เป็นต้น

๑.๗ ดัชนีมูลค่าการค้าภาคอุตสาหกรรม (ทั้งภายในประเทศ และในต่างประเทศ) ในเดือนเม.ย.๕๔ เพิ่มขึ้น ๑๐.๒% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (เดือนเม.ย.๕๓ เพิ่มขึ้น ๑.๖%) ดัชนีมูลค่าในการค้าอุตสาหกรรมโดยเฉลี่ย ๑๒ เดือน ตั้งแต่เดือนพ.ค. ๕๓ -เม.ย. ๕๔ เพิ่มขึ้น ๗.๓% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และในเดือนเม.ย.๕๓ ดัชนีมูลค่าการค้าเฉลี่ยเท่ากับ ๑๔.๗%

๑.๘ ดัชนีราคานำเข้าสินค้า ในเดือนเม.ย. ๕๔ เพิ่มขึ้น ๐.๘% จากเดือนมี.ค.๕๔ โดยเมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีก่อน เพิ่มขึ้น ๑.๕% ทั้งนี้เกิดปรากฏการณ์ราคานำเข้าเพิ่มขึ้นที่เรียกว่า "เงินเฟ้อการนำเข้า" (โดยดัชนีราคานำเข้าจากประเทศในสหภาพยุโรป เพิ่มขึ้น ๒.๐% และจากประเทศอื่นเพิ่มขึ้น ๑๓.๕%

๑.๙ ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ภาคอุตสาหกรรม ในเดือนเม.ย.๕๔ ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ในภาคอุตสาหกรรมเพิ่มขึ้น ๒.๒% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (เดือนเม.ย.๕๓เพิ่มขึ้น ๑.๖%) ดัชนีคำสั่งซื้อใหม่เฉลี่ย ๑๒ เดือน (พ.ค.๕๓-เม.ย.๕๔) เพิ่มขึ้น ๔.๖% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อนหน้า และในเดือนเม.ย.๕๓อัตราเฉลี่ยดัชนีคำสั่งซื้อใหม่ เท่ากับ ๑๗.๙%

๑.๑๐ การขาดดุลการค้า

                         เม.ย. ๕๔            % เปลี่ยนแปลง        ม.ค.-เม.ย. ๕๔            % เปลี่ยนแปลง
                          (ล้านยูโร)           (เม.ย. ๕๔/๕๓)        (ล้านยูโร)           (ม.ค.-เม.ย. ๕๔/๕๓)
          ดุลการค้า         ๑,๒๒๐.๖               -๓๑.๑%             ๕,๘๒๘.๓                  -๓๒.๙%
                       (ปี ๕๓ = ๑,๗๗๐.๖)                        (ปี๕๓ = ๘,๖๘๘.๒)
          การนำเข้า        ๒,๔๘๘.๔               -๑๕.๗%             ๑๐,๗๖๒.๓                 -๑๗.๙%
          (ไม่รวมน้ำมัน)  (ปี ๕๓ = ๒,๙๕๐.๘)                        (ปี๕๓ = ๑๓,๑๑๒.๙)
          การส่งออก        ๑,๒๖๗.๘                +๗.๔%              ๔,๙๔๓.๐                 +๑๑.๕%
          (ไม่รวมน้ำมัน)  (ปี ๕๓ = ๑,๑๘๐.๒)                        (ปี๕๓ = ๔,๔๒๔.๗)

๒. กระทรวงการคลังกรีซได้รายงานว่าในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค. ๒๕๕๔ กรีซขาดดุลงบประมาณของกรีซเพิ่มขึ้นเป็น ๑๐.๒๗๕ พันล้านยูโร เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจากเป้าหมายเดิม ๙.๐๗๒ พันล้านยูโร (ช่วงเวลาเดียวกันปีก่อน ๙.๑ พันล้านยูโร) และกล่าวว่า เงินรายได้ของรัฐลดลง ๑.๙๓๖ พันล้านยูโร ในขณะที่รายจ่ายลดลง ๗๓๔ ล้านยูโร โดยเฉพาะในเดือนพ.ค.๕๔ รายได้จากงบประมาณปรกติคือ เงินคืนภาษีก่อนหัก (pre-tax return) เพิ่มขึ้น ๔.๗% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อน (ซึ่งมีรายได้สุทธิเพิ่มขึ้น ๑.๓%) ในขณะที่รายได้สุทธิในช่วงเดือน ม.ค.-พ.ค.๕๔ ลดลง ๗.๑% เมื่อเทียบกับปีก่อน

ทั้งนี้ การที่รายได้ลดลงเนื่องจากเศรษฐกิจตกต่ำมากในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๓ การไม่เก็บค่าธรรมเนียมการจดทะเบียนรถยนต์ การลดภาษี withhold ให้ต่ำลงและเพิ่มการเก็บภาษีให้มากขึ้น ทั้งนี้ในเดือน พค. ๕๔ รายจ่ายงบประมาณปรกติเพิ่มขึ้น ๖.๔% (โดยมีรายจ่ายพื้นฐานเพิ่มขึ้น ๔.๓% ในขณะที่รายจ่ายจากโครงการการลงทุนสาธารณะลดลง ๔๗.๓%)

๓. คณะกรรมาธิการยุโรปได้รายงานการคาดการณ์ภาวะการจ้างงานในสหภาพยุโรปว่าโอกาสของการจ้างงานในภาคเอกชนที่ค่อนข้างต่ำ และการชะลอการจ้างงานรวมทั้งการลดระยะเวลาจ้างงานในภาคราชการ จะส่งผลให้อัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นมากกว่า ๑๕% ของกำลังแรงงานในปี ๒๕๕๕ นอกจากนี้ยังได้เน้นย้ำว่าสถานการณ์ที่ย่ำแย่ของตลาดแรงงานประกอบกับการลดค่าจ้างแรงงานอย่างต่อเนื่องจะทำให้ความสามารถในการหารายได้ในระยะขั้นกลางลดลง และส่งผลให้ความต้องการที่แท้จริงภายในประเทศลดลง รวมทั้ง ความไม่แน่นอนด้านภาษีที่ยังคงมีต่อเนื่องก็จะส่งผลกระทบให้ความต้องการบริโภคภาคเอกชนภายในประเทศหดตัวลงตามไปด้วย โดยข้อมูลจาก ELSTAT ปรากฎว่าในเดือนมี.ค.๕๔ การจ้างงานในกรีซลดลง ๕.๔% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันปีก่อนหรือมีจำนวนคนจ้างงานสูงถึง ๘๑๑,๐๐๐ คน นอกจากนี้คณะกรรมาธิการยุโรปยังได้คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจกรีซในปี ๒๕๕๔ จะหดตัวลง ๓.๕% และจะสามารถฟื้นตัวได้ในช่วง ไตรมาสสุดท้ายของปี ๕๔ หรืออาจเห็นได้ชัดเจนหลังจากปี ๒๕๕๕ แล้ว

๔. บริษัท Manpower กล่าวว่า จากการสำรวจในผู้ใช้แรงงงานจำนวน ๗๕๑ คนทั้งในภาครัฐและเอกชน ผู้ใช้แรงงานในกรีซยังคงมองไม่เห็นอนาคตในตลาดแรงงานกรีซ ในช่วงไตรมาสที่ ๓ของปี ดัชนีการจ้างงานในกรีซยังคงลดลง -๕% ซึ่งขยับตัวดีขึ้นเล็กน้อยเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา (แต่ยังคงที่เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน) จากผลสำรวจพบว่าผู้ใช้แรงงาน ๑๒% คาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่ม ๑๗% คาดว่าจะลดลง และอีก ๖๙% คาดว่าไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลง บริษัท Manpower กล่าวว่า ดัชนีการว่างงาน -๕% ถึงแม้ว่าจะมีการจ้างงานใหม่มาให้เห็นในช่วงไตรมาสแรกของปี ๒๕๕๔ และผู้ใช้แรงงาน ๗ ใน ๑๐ คน อยากจะรักษางานไว้ให้ได้ในไตรมาสถัดไป ภาคการท่องเที่ยวมีงานเพิ่มขึ้น ๓% ขณะที่ภาครัฐและเอกชนอื่น -๑๓% การจ้างงานทางตอนเหนือของกรีซมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ว่าจะอยู่ในภูมิศาสตร์ที่แย่กว่า ขณะที่แคว้น Attica (รวมเอเธนส์) ดัชนีการจ้างงานในไตรมาสถัดไปจะ -๕%

๕. สถาบัน "Great Place to work" ประกาศผล ๑๐๐ บริษัทที่มีบรรยากาศที่น่าทำงานที่สุดในยุโรปประจำปีนี้ ปรากฎว่า มีบริษัทในประเทศกรีซ ๕ บริษัทได้รับรางวัลดังกล่าวได้แก่ บริษัทยา Amgen, บริษัท3M, บริษัทTasty foods, บริษัทAccenture และ บริษัทMedtronic พิธีมอบรางวัลจัดขึ้นที่ปารีสเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา โดยรางวัลดังกล่าวเป็นการคัดเลือกจากการสำรวจความคิดเห็นของคนทำงาน ๑.๕ ล้านคน จาก ๑,๓๘๐ บริษัทคุณภาพทั่วยุโรป มีบริษัท Multinational ๒๕ บริษัท บริษัทขนาดใหญ่ (มีพนักงานกว่า ๕๐๐ คน) ๒๕ บริษัท และ บริษัท SME (มีพนักงาน ๕๐-๕๐๐ คน) อีก ๕๐ บริษัทที่ได้รับเกียรติได้รางวัลดังกล่าว ถึงแม้เศรษฐกิจกรีซจะซบเซาแต่บริษัทจำนวน ๕ บริษัทที่ได้รับรางวัลยังคงเปิดรับบุคลากรอย่างต่อเนื่องภายในช่วง ๑๒ เดือนที่ผ่านมาและเปิดการจ้างงานเพิ่ม ๑๔,๐๐๐ ตำแหน่ง

๖. สหภาพแรงงานกรีซ (GSEE : the General Confederation of Workers of Greece) เรียกร้องให้ผู้บริโภคกรีซเลือกซื้อสินค้าที่ผลิตในประเทศ ทั้งนี้สหภาพแรงงานได้เข้าร่วมการเดินขบวน "เราบริโภคสิ่งที่เราผลิต" เพื่อเรียกร้องให้ซุปเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่สนับสนุนสินค้ากรีซ สหภาพฯประกาศว่า ในช่วงที่เรากำลังประสบความยากลำบากนี้ เราจะต้องสนับสนุนผู้ประกอบการขนาดกลาง-ย่อม กลุ่มหัตถกรรมของกรีซ ผู้ผลิตกรีซ การท่องเที่ยวกรีซ เพื่อให้เกิดการจ้างงานและการทำงานขึ้น

๗. รัฐมนตรีการคลังกรีซโต้ตอบการปรับลดระดับดังกล่าวว่า เป็นเพียงข่าวลือหนาหูในสื่อสิ่งพิมพ์และ Internet เพราะรัฐบาลพึ่งจะได้รับเงินกู้ยืมมางวดที่ ๕ มูลค่า ๑๒ พันล้านยูโรหลังจากเดือน มิย. นี้ หลังจากที่ Eu, IMF พิจารณาเห็นความน่าเชื่อถือของการแก้วิกฤติเศรษฐกิจของรัฐบาลกรีซ และอาจจะให้เงินกู้ยืมเพิ่ทเติมมาลงทุนทในตลาดพันธบัตรที่กรีซได้กู้ตราดอกเบี้ยสูง ซึ่งแสดงให้เห็นว่ารัฐบาลกรีซประสบความสำเร็จในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจในระดับที่น่าพึงพอใจ

๘. สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือ Fitch ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของกรีซในระยะยาวจาก BB+ เป็น B+ โดยให้เหตุผลว่ากรีซยังคงประสบปัญหาในการดำเนินการปฏิรูปทางเศรษฐกิจ รัฐมาตรีกระทรวงการคลังกล่าวว่า การปรับระดับของ Fitch ออกมาในช่าวที่คณะกรรมาธิการยุโรป ธนาคารยุโรป และ IMF จะพิจารณาเงินกู้ยืมตามแผนให้ความช่วยเหลือทางเศรษฐกิจกรีซต่อไป จึงทำให้การพิจารณากดดันยิ่งขึ้นนอกเหนือจากการคาดเดาของสื่อต่างๆใน นสพ. และ Internet

๙. Moody's ปรับลดระดับความน่าเชื่อถือของกรีซไป ๓ จุด กล่าวคือจากระดับ B1 เป็น Caa1 เนื่องจากยังคงมีทัศนะในทางลบต่อการแก้ปัญหาทางการคลังของกรีซ โดยเชื่อว่ารัฐบาลกรีซไม่สามารถชำระหนี้กู้ยืมได้ตามกำหนด รัฐบาลกรีซไม่สามารถตรีงจำนวนหนี้สินไว้ตามเวลาที่ได้ประกาศไว้ในแผนงบประมาณ เช่น ในปี ๒๐๑๐ จะเห็นได้ชัดถึงความล้มเหลวที่ไม่เป็นไปตามกำหนด Moody's ยังให้ความเห็นว่าประเทศในกลุ่ม Caa1 กว่าครึ่งจะสามารถชำระหนี้รูดี้ส์ตามกำหนดจากการรับความช่วยเหลือของสถาบันต่างๆ ขณะที่อีกครึ่งหนึ่งยังคงทำไม่ได้

๑๐. การลงทุนสร้างแหล่งพลังงานทดแทนจะช่วยกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาการว่างงานของกรีซได้ นายกรัฐมนตรีของกรีซ Mr. Papandreou ขอร้องให้ผู้ที่ต่อต้านรัฐบาลสร้างแหล่งพลังงานเลิกประท้วง เนื่องจากการลงทุนสร้างแหล่งพลังงานทดแทนจะช่วยกอบกู้วิกฤติเศรษฐกิจ และปัญหาการว่างงานของกรีซได้อีกทั้งยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโลก

๑๑. ภายในปี ๒๐๒๐ กรีซจะสร้างงานเพิ่มได้ ๑๐๐,๐๐๐ ตำแหน่ง จากการลงทุนในแหล่งพลังงานดังกล่าว รูปแบบการผลิตของกรีซจะสร้างมูลค่าถึง ๑๖.๔ พันล้านยูโร ภายในทศวรรษหน้า และการเชื่อมต่อแหล่งพลังงานระหว่างเกาะและภาคพื้นทวีปถูกประเมินไว้ประมาณ ๔-๕ พันล้านยูโร ตอนนี้บริษัทต่างชาติและบริษัทกรีซกว่า ๒๒ แห่ง ให้ความสนใจในการลงทุนโครงการสร้างแหล่งพลังงานขนาดยักษ์ ๒๐๐MW ใน Kozani นายกรัฐมนตรียังกล่าวอีกว่า การปกป้องสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ต้องทำควบคู่ไปกับการสร้างระบบเศรษฐกิจที่ดีของกรีซที่เรากำลังพยายามทำอยู่ขณะนี้ ประเทศกำลังพัฒนาควรช่วยกันลดปัญหาการปล่อย Co2 ออกสู่ชั้นบรรยากาศของโลก ซึ่งจะทำให้เกิดผลเสียอันร้ายแรงตามมา

๑๒. สมาพันธ์ผู้ค้าและผู้ผลิตขนาดย่อมของกรีซ (GSEBEE) ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี Papandreou ร้องขอให้ยกเลิกการขึ้นภาษี VAT ๑๐% (จาก ๑๓% เป็น ๒๓%) เพราะจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการให้บริการ Catering ซึ่งเกี่ยวข้องกับธุรกิจประมาณ ๑๔๐,๐๐๐ ราย และลูกจ้างกว่า ๖๐๐,๐๐๐ คน เนื่องจากมาตรการดังกล่าวไม่ใช่ทางแก้ไขปัญหาที่ถูกต้อง และยังนำธุรกิจเหล่านี้ไปสู่จุดจบอีกด้วย

สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงโรม

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ