สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์หรือยูเออีมีประชากรทั้งสิ้นประมาณ 7.1 ล้านคน ประชากรส่วนใหญ่เป็นมุสลิม การดื่มเหล้าจะเป็นการฝ่าฝืนข้อห้ามของศาสนาอิสลาม ดังนั้นน้ำผลไม้จึงมีนัยสำคัญสำหรับใช้เป็นเครื่องดื่มในทุกโอกาส ในงานสังสรรค์ งานเลี้ยงรับรอง จากการสำรวจในเรื่องของการบริโภคน้ำผลไม้ในยูเออีพบว่า คนในยูเออีบริโภคน้ำผลไม้เฉลี่ย 50 ลิตรต่อคนต่อปีคิดเป็นอัตราการขยายตัวปีละประมาณ 10% และความต้องการยังมีเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมโรงแรมเพื่อรองรับการขยายตัวของอุตสาหกรรมท่องเที่ยว
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เผยว่า อุตสาหกรรมการผลิตน้ำผลไม้ในยูเออี ผู้ผลิตขยายทางเลือกของสินค้าให้มีความหลากหลายมากขึ้น เช่น เพิ่มรสชาติของน้ำผลไม้ เพิ่มวิตามินหรือการรวมกันของน้ำผักและผลไม้ สร้างเครื่องหมายการค้าใหม่ เพิ่มขนาดของบรรจุภัณฑ์ ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกดื่มของน้ำผลไม้เพิ่มมากขึ้นและเป็นการขยายตลาดให้กว้างขึ้นแต่อย่างไรก็ตาม น้ำผลไม้ที่ผลิตในประเทศสามารถตอบสนองตลาดได้เพียงร้อยละ 56 จากความต้องการทั้งสิ้นซึ่งยังไม่รวมการนำเข้าเพื่อการส่งออกต่อ ดังนั้นยูเออียังคงต้องนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้จากต่างประเทศ
“ปี 2553 ยูเออีนำเข้าสินค้ากลุ่มนี้มูลค่าปีละประมาณ 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากประเทศสหรัฐฯ ฝรั่งเศส ซาอุดิอาระเบีย อังกฤษ มาเลเซีย ออสเตรเลีย แอฟริกาใต้ ไทย จีน และเนเธอร์แลนด์ โดยในช่วงครึ่งปีแรก (ม.ค.-มิ.ย.) ของปี 2554 นำเข้าจากไทยกว่า 3 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และคาดว่าตลอดทั้งปีจะขยายตัวเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เนื่องจากกระแสความสำคัญในเรื่องของสุขภาพ ทำให้การดื่มน้ำผลไม้ของคนในยูเออีก็เพิ่มสูงขึ้นทุกปี ดังนั้นการทำตลาดจะเป็นไปในทิศทางเชิงรุกมากขึ้น เช่น เพิ่มประเภทของสินค้า สร้างสีสันให้กับผู้บริโภคสามารถเลือกสินค้าที่หลากหลายขึ้น เหมาะกับกลุ่มคนรักสุขภาพที่เน้นเรื่องของประโยชน์ทางโภชนาการ ซึ่งถือได้ว่าเป็นปัจจัยผลักดันการส่งออกน้ำผลไม้ไทยได้มากยิ่งขึ้น นอกจากผู้ประกอบการจะต้องให้ความสำคัญในเรื่องของโภชนาการแล้ว ต้องควบคุมรักษาคุณภาพสินค้าให้ได้มาตรฐาน เพราะกลุ่มผู้บริโภคในประเทศอ่าวอาหรับค่อนข้างเข้มงวดเกี่ยวกับคุณภาพของอาหารที่นำเข้า และให้ความสำคัญกับสลากอาหารที่จะต้องระบุข้อมูลตามกฏระเบียบที่กำหนดไว้
อย่างไรก็ดี ทางกรมฯ ได้เตรียมความพร้อมให้กับผู้ประกอบการโดยมีโครงการพัฒนาขีดความสามารถของผู้ประกอบการ SMEs ซึ่งเมื่อเร็วๆ นี้ได้จัดสัมมนา “ธุรกิจติดปีก : จุดประกายความคิด SMEs พลังแห่งการสร้างสรรค์ 360 องศา” เพื่อเติมเต็มความรู้ในการทำธุรกิจแบบ Creative Economy หนทางในการก้าวสู่เวทีการค้าโลก รวมทั้งปรับความรู้ความเข้าใจให้แก่ผู้ประกอบการ SMEs ในการนำไปพัฒนาธุรกิจของตนเองสู่การขยายธุรกิจต่อไป” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม
ด้านนายณัฐพงศ์ บุญจริง ผู้อำนวยการอาวุโสสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครดูไบ กล่าวเพิ่มเติมว่า ผู้บริโภคในยูเออีมีหลากหลายเชื้อชาติที่นำวัฒนธรรมการบริโภคเข้ามาเผยแพร่ในยูเออี แต่เดิมนิยมน้ำผลไม้แถบเมดิเตอร์เรเนียน เช่น รสน้ำส้ม น้ำมะเขือเทศ ปัจจุบันมีการวางจำหน่ายน้ำผลไม้จากผลไม้เมืองหนาวและเมืองร้อนหลากหลายชนิดมากขึ้น เช่น น้ำกีวี น้ำ ราสเบอรี่ น้ำบลูเบอรี่ น้ำฝรั่ง น้ำ Fruit cocktial เป็นต้น ซึ่งน้ำผลไม้ของไทยถือเป็นน้ำผลไม้ที่ศักยภาพเช่น น้ำสัปปะรดเข้มข้น ซึ่งถือเป็นวัตถุดิบสำคัญในการทำน้ำผลไม้รวม ดังนั้นไทยในฐานะผู้ผลิต ผู้ส่งออกน้ำสับปะรดรายสำคัญของโลก ควรใช้โอกาสนี้ในการเจาะตลาดและขยายการส่งออกไปยูเออี และใช้ ยูเออีเป็นแหล่งกระจายสินค้าไปในภูมิภาคตะวันออกกลางและใกล้เคียง
ที่มา: http://www.depthai.go.th