ตามที่กระทรวงพาณิชย์ได้ดำเนินโครงการ “Internationalization” เพื่อให้ผู้ส่งออกไทยมีการปรับตัวในเชิงโครงสร้างทางธุรกิจ และส่งเสริมผู้ประกอบการสู่การทำธุรกิจในต่างประเทศนั้น
ล่าสุด 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านอาหารของไทยได้เปิดตัวโรงงานปลากระป๋อง และอาหารสัตว์ด้วยมูลค่าการลงทุนรวมแล้ว 4,300 ล้านบาท
บริษัทแรกคือ “สามแม่ครัว” ทุ่มเงินกว่า 25 ล้านเหรียญสหรัฐ (ประมาณ 850 ล้านบาท) สร้างโรงงานปลากระป๋องแห่งใหม่ที่เวียดนามผลิตปลาซาร์ดีน แมกเคอเรลกระป๋อง ภายใต้ชื่อ “บริษัทรอแยลฟู้ดส์ จำกัด(เวียดนาม)” เพื่อจำหน่ายในเวียดนามร้อยละ 50 ส่วนที่เหลือส่งกลับไทย
สินค้าที่ในเวียดนามจะเป็นสินค้าพรีเมียมเกรดคือ ปลาแมดเคอเรลในซอสมะเขือเทศภายใต้ยี่ห้อ “สามแม่ครัว” และยังจะผลิตปลากระป๋องคุณภาพระดับรองๆ คือ Number 9 เป็นระดับกลาง และ Saling Wave เจาะตลาดระดับล่าง โดยมีปลาในเวียดนามเป็นแหล่งวัตถุดิบที่สำคัญก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ธุรกิจอาหารแช่แข็งเต็มตัวต่อไป
ส่วนบริษัทที่ 2 คือ ซีพี ซึ่งเข้าไปลงทุนในเวียดนามมายาวนานถึง 15 ปี ทางด้านอาหารสัตว์ และสินค้าเกษตรอุตสาหกรรม ซึ่งมีส่วนแบ่งตลาดถึงร้อยละ 30 อยู่แล้ว และคาดจะเพิ่มขึ้นอีกร้อยละ 10 — 20 จากการเพิ่มการลงทุนอีกไม่ต่ำกว่า 100 ล้านเหรียญสหรัฐ (3,400 ล้านบาท)
ปัจจุบันธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตรของซีพีในเวียดนามยังเน้นไปที่การผลิตเพื่อการบริโภคภายในประเทศ ซึ่งมีสัดส่วนมากกว่าร้อยละ 90 มีเพียงผลิตภัณฑ์กุ้งเท่านั้นที่ซีพีผลิตจากเวียดนามและนำไปจำหน่ายในต่างประเทศ เช่น เกาหลี ญี่ปุ่นด้วย อย่างไรก็ตามสำหรับซีพีตลาดหลักคือ ชาวเวียดนามจำนวน 84 ล้านคน
นอกจากนี้ซีพียังมีแผนจะขยายการลุงทุนในเวียดนามในธุรกิจสาขาอื่นด้วย เช่น โทรคมนาคม อสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก ด้วยแผนการลงทุน 3.6 พันล้านเหรียญสหรัฐภายในระยะเวลา 5 ปี ซึ่งซีพีคาดว่าภายหลังที่รัฐบาลแก้กฎหมายภายในเพื่อเปิดเสรีทางการค้ามากขึ้นตามเงื่อนไขการเป็นสมาชิกดับบลิวทีโอ ธุรกิจค้าปลีกในเวียดนามย่อมมีการขยายตัวและให้ชาวต่างชาติดำเนินธุรกิจภายในฐานะเจ้าของกิจการได้ 100% ภายในปี 2552
ที่มา: http://www.depthai.go.th