“ส่งออก” แนะผู้ประกอบการไทยเจาะตลาดเช็ก เน้นรักษารสชาด แสวงหาช่องทางโลจิสติกส์ลดต้นทุนขนส่ง

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยถึงข้อแนะนำการเข้ามาจำหน่ายผลไม้สดในสาธารณรัฐเช็กว่า ตลาดดังกล่าวมีการแข่งขันและความหลากหลายของผลไม้ในฤดูกาล ซึ่งผู้บริโภคชาวเช็กจะเลือกซื้อได้อย่างหลากหลาย ดังนั้นผู้ส่งออกผลไม้ไทย จะต้องรักษาจุดเด่นของรสชาติผลไม้สดจากไทย ควรจัดการด้านความสุกของผลไม้ให้ตรงกับเวลาการวางจำหน่ายได้ในระยะ 5-7 วัน และไม่ควรให้ผลไม้สุกมากหรือดิบเกินไปซึ่งจะทำให้เสียรสผลไม้ที่แท้จริงและส่งผลต่อลูกค้าจะไม่กลับมาซื้อผลไม้อีก เพราะจุดขายที่สำคัญคือรสชาดผลไม้ที่แท้จริงตามธรรมชาติ

“นอกจากนี้ ผู้ประกอบการผลไม้ไทยจะต้องการวางแผนการตลาด โดยสร้างเครือข่าย และกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้ชัดเจน โดยเน้นการทำตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งจะสามารถทำให้ผลไม้โซนร้อนจากไทย มีโอกาสเพิ่มปริมาณจำหน่ายได้มากขึ้น และยังต้องให้ความสำคัญกับการจัดการระบบการขนส่ง ถ้าใช้การขนส่งทางเรือจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์โดยราคาต้นทุนจะต่ำกว่าและสามารถขนส่งได้ปริมาณมาก ส่วนการขนส่งทางเครื่องบินจะมีต้นทุนที่สูงกว่ามากแต่จะเหมาะสมสำหรับผลไม้ที่มีการตัดแต่งพร้อมรับประทานซึ่งหากมีการจัดการที่ดี เช่น การใช้บรรจุภัณฑ์ การควบคุมอุณหภูมิ ก็จะเพิ่มโอกาสขีดความสามารถในการแข่งขันได้ รวมถึงควรศึกษาการใช้ระบบการขนส่งต่อเนื่อง ทั้งทางเรือ-เครื่องบิน และทางรถ (ภายในยุโรป) ก็จะช่วยให้คุณภาพและต้นทุนผลไม้นำเข้าจากไทย แข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้เช่นกัน” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม

ด้านนางนที ชวนสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สคร.) ณ กรุงปราก สาธารณรัฐเช็ก กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 24-25 มิ.ย ที่ผ่านมา สคร.กรุงปรากได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายผักผลไม้สดร่วมกับห้าง INTERSPAR Hypermarkets และบริษัท CEROFRUCHT ซึ่งเป็นผู้นำเข้าผลไม้จากต่างประเทศรายใหญ่ ในสาธารณรัฐเช็กภายใต้โครงการ TASTE THAI โดยจัดงานใน 3 สาขาใหญ่ของห้าง INTERSPAR Hypermarkets ได้แก่ สาขา ARKADY,PRAHA 4 สาขา EUROPARK,PRAHA10 และสาขา SVEHLOVA,PRAHA 10 โดยมีผู้สนใจเข้าชมงานวันละประมาณ 1,000 คน ประกอบด้วยชาวกรุงปราก ชาวต่างประเทศที่มาทำงานในกรุงปราก เช่น ไอวอรี่โคสต์ ภูฎาน รวมถึงชาวเช็กที่เคยมาเมืองไทย และชื่นชอบผลไม้ไทย

“ผู้เข้าชมงานให้ความสนใจเลือกซื้อผักและผลไม้ไทยแม้ราคาค่อนข้างสูงกว่าผลไม้ในท้องถิ่น และผลไม้นำเข้าอื่นๆ กว่า 2-3 เท่าเนื่องจากผลไม้ไทยมีความแปลก รสชาติหวานอร่อย ซึ่งผลไม้ไทยที่ชาวเช็กชื่นชอบส่วนใหญ่ ได้แก่ ทุเรียน มะม่วงน้ำดอกไม้ เงาะ เป็นต้น และในแต่ละปีชาวเช็กจะมาเที่ยวเมืองไทยในระหว่างหยุดยาวภาคฤดูร้อน อีกทั้งยังได้รับการประกาศจากสมาคมการท่องเที่ยวของสาธารณรัฐเช็กว่าชาวเช็กนิยมมาท่องเที่ยวเมืองไทยมากเป็นอันดับสองรองจากตุรกี ซึ่งในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวกว่าปีละ 3-4 หมื่นคนจากสาธารณรัฐเช็กเลือกมาเที่ยวไทย” นางนที กล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี ประเทศสาธารณรัฐเช็กถือเป็นประเทศหนึ่งที่รายได้ประชากรสูงและมีฐานะทางเศรษฐกิจที่เข้มแข็งในภูมิภาคยุโรปประเทศหนึ่ง ซึ่งการจัดงานแสดงสินค้าฯ ในครั้งนี้เป็นการเปิดโอกาสให้ชาวเช็กได้มีโอกาสเลือกซื้อและทานผลไม้เมืองร้อนจากไทยได้ตามฤดูกาล รวมถึงสร้างความคุ้นเคยให้รู้จักผลไม้ไทย ซึ่งจะเป็นแรงหนุนขยายความต้องการผลไม้ไทยได้อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งปัจจุบันสาธารณรัฐเช็กโดยเฉพาะกรุงปรากมีนักท่องเที่ยวปีละกว่า 10 ล้านคนและยังมีช่องทางที่จะขยายตลาดไปยังกลุ่มยุโรปกลาง และตะวันออกที่ใกล้เคียง

ที่มา: http://www.depthai.go.th