วุฒิสมาชิก Dianne Feinstein รัฐแคลิฟอร์เนีย เสนอร่างพระราชบัญบัติ "The South- Asia Pacific Trade Preference Act": S.1443 โดยมีจุดประสงค์เพื่อช่วยเหลือประเทศยากจน (Least Developed Counties: LDCs) และยกระดับความเป็นอยู่ ด้วยการพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอเพื่อการส่งออก ให้เป็นฐานการจ้างงานของประเทศ โดยจะยกเว้นนำเข้า (Duty Free) สินค้าสิ่งทอจากประเทศ LDCs ไปจำหน่ายในสหรัฐฯ กลุ่มประเทศ LDCs ที่จะได้รับผลประโยชน์ มีจำนวน 13 ประเทศ ได้แก่ อัฟกานิสถาน บังคลาเทศ ภูฐาน กัมพูชา คิริบาติ ลาว มัลดีฟ เนปาล ซามัว โซโลมอนไอร์แลนด์ อีสติมอร์ ทูวาลูและวานูอาทู หากพระราชบัญญัติผ่านความเห็นชอบจากวุฒิสภา (Senate) จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2555 เป็นต้นไป
พระราชบัญญัติกำหนดหลักการให้ประเทศที่จะรับผลประโยชน์ปฏิบัติ ดังนี้
1.ประเทศผู้ได้รับผลประโยชน์ต้องแสดงผลว่า ได้การพัฒนาด้านการเมือง สร้าง ความเป็นธรรม ทางด้านกฎหมาย และ สร้างปรับโครงการเศรษฐกิจและตลาด รวมไปถึงสิทธิและการคุ้มครองภาคเอกชน
2.ให้สิทธิประโยชน์แบบปีต่อไป แต่ไม่เกิน 10 ปี ในแต่ละประเทศ และไม่มีการ ขยายเวลาการให้สิทธิประโยชน์เมื่อครบ 10 ปี แล้ว (ปี 2565) และถือว่ากฎหมายยกเลิกโดยปริยาย
3.กำหนดให้มีคณะทำงานติดตามผลและรายงานให้สภาผู้แทนสหรัฐฯ ทราบทุกปี อนึ่ง การนำเข้าสิ่งทอของสหรัฐฯ ในปี 2553 จากกลุ่ม LDCs 13 ประเทศคิดเป็นเพียง ร้อยละ 4 หรือมีมูลค่า 4,120 เหรียญสหรัฐฯ ของการนำเข้าสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปรวมของสหรัฐฯ
ปัจจุบัน สินค้าทุกชนิดรวมทั้งสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มนำเข้าสหรัฐฯ ถูกเรียกเก็บภาษี นำเข้า (Import Duty) ในอัตราร้อยละ 5.00 - 27.00 (ขึ้นอยู่กับประเภทสินค้า) เนื่องจาก GSP ที่สหรัฐฯ ให้แก่ประเทศทั่วโลกหมดอายุและยังไม่ได้รับการพิจารณาต่ออายุ ดังนั้น หากร่างกฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับเป็นกฎหมาย จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ผลิต/ส่งออกสิ่งทอของไทยที่ไปลงทุนผลิตในกลุ่มประเทศ LDCs 13 ประเทศ โดยเฉพาะในประเทศลาว และ กัมพูชา เนื่องจาก ต้นทุนราคาสินค้านำเข้าไปยังสหรัฐฯ จะต่ำกว่าแหล่งผลิตอื่นๆ
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ นครชิคาโก
ที่มา: http://www.depthai.go.th