นับถอยหลังโอลิมปิก-เทศกาลฤดูร้อน กรมส่งออกฯเดินแผนต่อยอด “มัสมั่น” ลุยงานแฟร์อาหารในแดนผู้ดี ชี้เพื่อนบ้านอาเซียนข้ามน้ำข้ามทะเลโชว์ศักยภาพงานในไอร์แลนด์ ทูตพาณิชย์เผยปีนี้ไม่โชคไม่เข้าข้าง แต่ไม่ควรประมาท แม้ว่าตอนนี้ฝีมือคนละชั้น เชื่อปี 55 มาแก้มืออีกรอบ
นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก เปิดเผยว่า กรมฯและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังวางแผนบูรณาการทำงานผลักดันสินค้าไทย โดยเฉพาะอาหาร ซึ่งจะต่อยอดจาก แกงมัสมั่นของไทยที่ไปประกาศศักดาความอร่อยครองใจคนทั่วโลกเป็นอันดับหนึ่ง จนได้รับการโหวตจาก เว็บไซต์ ซีเอ็นเอ็นโก ให้โลกได้รู้ว่า ตำรับไทยขนานแท้มีมายาวนานกว่า 200 ปี ในงาน “เทส ออฟ ลอนดอน (Taste of London 2012)” ซึ่งเป็นงานเทศกาลอาหารและเครื่องดื่ม ที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติของอังกฤษ
พร้อมทั้งเกาะกระแสงานเฟสติวัลประจำฤดูร้อนในอังกฤษที่จะเริ่มตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-กรกฎาคม 2555 รวมถึงใช้โอกาสที่อังกฤษเป็นเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาโอลิมปิคฤดูร้อนที่ จะจัดขึ้นราว 27 กรกฎาคม - 12 สิงหาคม 2555 ที่จัตุรัสทราฟัลการ์ในกรุงลอนดอนท่ามกลางชาวอังกฤษที่มาร่วมเป็นสักขีพยานนับหมื่นราย เป็นโอกาสเจาะตลาดสินค้าอาหาร/เครื่องดื่มและธุรกิจบริการของไทย ซึ่งแสดงถึงศักยภาพของความเป็น “ ครัวของโลก Kitchen of the World ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกงานหนึ่งด้วย
นายอดิศัย ธรรมคุปต์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ กล่าวถึงการจัดงาน “เทสออฟดับบิน(Taste of Dublin)” ในประเทศไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นงานส่งเสริมสินค้า ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มที่ใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดของไอร์แลนด์ว่า ไทยเข้าร่วมงานปีนี้เป็นปีที่ 3 แม้ไอซ์แลนด์จะเป็นประเทศที่ได้รับผลกระทบจากภาวะการเงินในยุโรป แต่ยังมีกลุ่มผู้บริโภคระดับบนของไอร์แลนด์ยังคงมีกำลังซื้อสูงที่สามารถจับจ่ายใช้สอย เพื่อการบริโภคในจำนวนเงินที่สูงได้ ซึ่งปีนี้มีสิ่งที่น่าสังเกตว่า เพื่อนบ้านอาเซียนเริ่มเข้าไปทำตลาดในยุโรปมากขึ้น โดยทุ่มงบประมาณจัดคูหาใหญ่กว่าไทย และมีลักษณะการจัดงานที่คล้ายคลึงกัน ตั้งแต่การแสดงสินค้า จำหน่ายอาหารสำเร็จรูป มีสาธิตการปรุงอาหาร นำเสนอการท่องเที่ยวร่วมด้วย และใช้แนวคิดในเรื่องอาหารว่า “Kitchen for the World” ซึ่งคล้ายคลึงกับประเทศไทยที่เคยใช้ว่า “Kitchen of the World”
อย่างไรก็ตาม การนำเสนอของเพื่อนบ้านยังไม่เป็นที่นิยมของผู้บริโภคมากนักหากเทียบกับของไทยซึ่งได้รับความนิยมจากผู้เข้าร่วมงานที่สูงกว่า เพราะผลิตภัณฑ์อาหารของไทยมีความหลากหลายและเป็นที่รู้จักมากกว่า แต่เชื่อว่าปีหน้าประเทศเพื่อนบ้านจะปรับปรุงและนำเสนอใหม่ด้วยงบประมาณที่มากขึ้น ประเทศไทยจึงควรที่จะได้ทราบถึงความพยายามของประเทศเพื่อนบ้านของไทย ซึ่งจะเป็นคู่แข่งขันสำคัญในกลุ่มสินค้าอาหารอีกประเทศหนึ่ง
“การจัดงานในลักษณะนี้มีผลดีทั้งเศรษฐกิจ การค้า และการลงทุน โดยกิจกรรมจะมีส่วนช่วยยกระดับธุรกิจร้านอาหารไทยให้เป็นที่ยอมรับในกลุ่มชาวอังกฤษที่มีกำลังซื้อสูง มีส่วนส่งเสริมให้มีการลงทุนในธุรกิจร้านอาหารไทยในตลาดเพิ่มขึ้น ช่วยส่งเสริมความนิยมอาหารไทยและการไปใช้บริการร้านอาหารไทยที่มีคุณภาพ ซึ่งในไอร์แลนด์มีร้านอาหารไทยประมาณ 30 ร้าน โดยที่มีชื่อเสียง อาทิ ร้านบ้านไทยที่มี 2 สาขาในกรุงดับลิน ช่วยส่งเสริมผลิตภัณฑ์อาหารไทย เครื่องปรุง ซอส ข้าวไทย ผัก-ผลไม้และเครื่องดื่มของไทยให้แพร่หลายมากขึ้นและที่สำคัญ ส่งเสริมความรู้จักประเทศไทย เสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทย ศิลปวัฒน ธรรมไทย อาหารไทย สปาไทย และประชาสัมพันธ์การเดินทางไปท่องเที่ยวประเทศไทยให้มากขึ้น” นายอดิศัย กล่าว
ที่มา: http://www.depthai.go.th