“ส่งออก” เตรียมจัดสัมมนา “ต่อ....ยอด...ออนไลน์” พร้อมพัฒนาผู้ประกอบการไทยสู่โลกออนไลน์

ข่าวเศรษฐกิจ Thursday August 18, 2011 11:18 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ปัจจุบันการค้าขายทางโลกออนไลน์มีแนวโน้มสูงขึ้นทั้งด้านปริมาณและด้านมูลค่า โดยปัจจุบันมีผู้เล่นอินเตอร์เน็ตมากถึง 2,000 ล้านรายทั่วโลกจากประชากรโลก 6,900 กว่าล้านราย โดยอันดับ 1 คือ จีนมีกว่า 485 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 32 ของประชากร อันดับ 2 สหรัฐฯ กว่า 240 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 77.3 ของประชากร อันดับ 3 ญี่ปุ่นเกือบ 100 ล้านราย คิดเป็นร้อยละกว่า 78 ของประชากร ในขณะที่อินเดีย มีผู้ใช้เน็ต 81 ล้านราย คิดเป็นร้อยละ 7 ของประชากรเท่านั้น ซึ่งจากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าทั้งประเทศจีนและอินเดียจำนวนประชากรที่ใช้อินเตอร์เน็ตมีโอกาสขยายตัวอย่างมากในอนาคต อีกทั้ง 2 ประเทศยังมีจำนวนประชากรที่มากทำให้ผู้ประกอบการไทยที่สนใจค้าขายบนโลกออนไลน์ไม่ควรมองข้าม ส่วนในกลุ่มประเทศอาเซียน ประชากรของอินโดนีเซียและฟิลิปปินส์มีการเล่นอินเตอร์เน็ตจำนวน 30 ล้านรายพอๆ กัน ในขณะที่ประเทศไทยมีประชากรเล่นอินเตอร์เน็ตเพียง 18.3 ล้านรายเท่านั้นจากประชากร 65 ล้านคน ประกอบกับการค้าขายทางปกติหรือที่เราเรียกว่าการค้าแบบออฟไลน์นั้นมีแนวโน้มที่ลดลงเนื่องจากปัจจัยหลายๆ อย่าง เช่น ภัยธรรมชาติ ภัยภิบัติที่เกิดขึ้นทั่วโลก ประกอบกับค่าแรงที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ราคาวัตถุดิบโดยเฉพาะกลุ่มพลังงานมีราคาที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องเช่นกัน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ต้นทุนผู้ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นตามไปอย่างไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำให้ผู้ประกอบการโดยเฉพาะกลุ่ม SMEs ต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

นางนันทวัลย์ ศกุนตนาค อธิบดีกรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ เผยว่า จากปัญหาที่เกิดขึ้นดังกล่าวทางกรมฯ จึงต้องการที่จะผลักดันให้ผู้ประกอบการหันมาทำการค้าขายบนโลกออนไลน์เพื่อลดค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นออกไป และยังเป็นการเพิ่มศักยภาพและประสิทธิภาพของผู้ประกอบการไทย โดยสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก ได้จัดโครงการสัมมนาเรื่อง “ต่อ....ยอด...ออนไลน์ และเตรียมความพร้อมในการทำ Business Matching ให้กับกลุ่มอาหารและอุปกรณ์ ของขวัญของชำร่วย ของใช้ขอตกแตบ้านและเฟอร์นิเจอร์ จากกลุ่ม Smart Exporter” เนื่องจากตลอดระยะเวาลาเกือบ 10 ปี กรมฯ จัดอบรมกลุ่ม Smart Exporter มาแล้ว 12 รุ่น จึงควรที่จะมีการต่อยอดกลุ่ม Smart Exporter เพื่อสร้างการรับรู้และกระตุ้นให้ผู้ประกอบการกลุ่มนี้หันมาทำการค้าบนโลกออนไลน์

“การจัดสัมมนาในครั้งนี้ทางกรมฯ ได้รับเกียรติจาก Mr. Brian A. Wong, Alibaba.com’s Vice President of Global Sales ประจำอยู่ที่เขตบริหารพิเศษฮ่องกง สาธารณรัฐประชาชนจีน พร้อมทีมงานทั้งจากกรมฯ และจาก alibaba.com มาร่วมแชร์ประสงการ์และแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพื่อต้องการที่จะให้ผู้ประกอบการไทยในกลุ่ม Smart Exporter มีความรู้ในการทำตลาด บนโลกออนไลน์ และเตรียมความพร้อมในการทำ Business Matching ในลักษณะ (B 2 B) รวมทั้งยังเป็นการส่งเสริมผู้ประกอบการไทยในกลุ่ม Smart Exporter ให้สามารถค้าขายใน Web : thaitrade.com ได้ต่อไป โดยเริ่มต้นจากกระบวนการอบรมและทำการค้าได้จริงก่อน จากทางสถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ และหลังจากนั้นก็ส่งต่อไปยังสมาชิก thaitrade.com ต่อไป ซึ่งทางกรมฯ จะรับสมัครเพียงแค่ 80-100 รายเท่านั้น” นางนันทวัลย์ กล่าวเพิ่มเติม

อย่างไรก็ดี เมื่อช่วงเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาทางกรมฯ ได้เปิดตัวโครงการตลาดกลางซื้อขายทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-Marketplace ภายใต้เว็บไซต์ thaitrade.com เพื่อส่งเสริมการทำตลาดแบบออนไลน์ให้กับผู้ประกอบการและผู้ส่งออกไทยเพื่อใช้เป็นอีกช่องทางหนึ่งในการทำการค้าในลักษณะธุรกิจกับธุรกิจ Business to Business (B 2 B) โดยคาดว่าภายในสิ้นปีนี้เว็บไซต์ thaitrade.com จะสามารถคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีคุณภาพเข้ามาค้าขายในตลาด thaitrade.com ได้ไม่ต่ำกว่า 5000 ราย

ผู้สนใจเข้าร่วมสัมมนาติดต่อได้ที่ สถาบันฝึกอบรมการค้าระหว่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก 22/77 ถ.รัชดาภิเษก จตุจักร กรุงเทพฯ 10900 โทร. 0 2512 0093 - 104 ต่อ 604,485 โทรสาร 0 2511 5501, 0 2513 1904 ไม่เสียค่าใช้จ่ายใดใดทั้งสิ้นรับจำนวนจำกัดเพียง 100 ท่านเท่านั้น

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ