1. ภาวะการตลาดสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า
1.1 ยอดจำหน่ายของผู้ผลิตรายใหญ่ 8 ราย ระหว่างเดือนเมษายน-มิถุนายน 2554 เพิ่มสูงขึ้น แต่ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้า เช่น Panasonic, Sony และ Sharp ต่างได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว และการแข่งขันในตลาดโลก ทำให้กำไรสุทธิลดลง
บริษัท Hitachi และ Mitsubishi Electric คาดว่ากำไรสุทธิจะเพิ่มสูงขึ้น โดยบริษัททั้งสองผลิตสินค้าหลากหลายตั้งแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านจนถึงอุปกรณ์ สาธารณูปโภคต่างๆ โดย Hitachi ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ รวมทั้งการขยายตัวของเครื่องจักรที่ใช้ในการก่อสร้างจากตลาดเอเชีย รวมทั้งกำไรจากสินค้ารุ่นใหม่ที่มีการพัฒนาประสิทธิภาพ เช่น เพิ่มการประหยัดพลังงาน ฆ่าเชื้อแบคทีเรีย เป็นต้น คาดว่ากำไรสุทธิอยู่ที่ 2 แสนล้านเยนภายในเดือนมีนาคม 2555 Mitsubishi มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 27.1 พันล้านเยน โดยได้รับคำสั่งซื้อจากธุรกิจรถยนต์ อุปกรณ์โรงงานจากเอเชีย มียอดจำหน่ายตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศเพิ่มขึ้นทั้งในประเทศ และต่างประเทศ ทำให้กำไรสุทธิทั้งปีอยู่ที่ 135 พันล้านเยน
ส่วน Sony ยอดจำหน่ายลดลงร้อยละ 4 หลังจากแผ่นดินไหวกระทบธุรกิจกล้องถ่ายภาพดิจิตอล และเซมิคอนดักเตอร์ ขาดทุนทั้งสิ้น 15.5 พันล้านเยน
Panasonic ขาดทุนจากความต้องการรวมทั้งราคาโทรทัศน์ในตลาดโลกลดต่ำลง รวมทั้งโรงงานผลิต LCD ที่จังหวัดชิบะถูกทำลาย ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 30.3 พันล้านเยน ยอดจำหน่ายอยู่ที่ 1.92 ล้านล้านเยน
Sharp ต้องเลื่อนการผลิต LCD หลังจากแผ่นดินไหว รวมทั้งการแข่งขันในตลาดโทรทัศน์ทำให้ขาดทุนสุทธิอยู่ที่ 49.2 พันล้านเยน แต่บริษัทกำลังมุ่งการขายโทรทัศน์ราคาถูกขนาดเล็ก 20-30 นิ้ว เพื่อเป็นโทรทัศน์เครื่องที่ 2 ในบ้าน
1.2 ผลกระทบจากการที่ค่าเงินเยนแข็งตัว และการลดปริมาณการผลิตจากการปิดโรงงานทำให้รายได้ของบริษัทผู้ผลิตชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิกส์รายใหญ่ทั้ง 6 รายลดลง ปริมาณการส่งออกลดลงร้อยละ 12 โดยชิ้นส่วนที่ลดลงได้แก่ หัวแม่เหล็กที่ใช้สำหรับฮาร์ดดิสค์ มอเตอร์ขนาดเล็กที่ใช้ในยานพาหนะ รวมทั้งชิ้นส่วนที่ใช้ในโทรทัศน์จอแบน
บริษัท Kyocera มีกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 17 อยู่ที่ 24.8 พันล้านเยน จากยอดจำหน่ายชิ้นส่วน ที่ลดลง และความต้องการโทรศัพท์มือถือในตลาดโลกลดลง ส่วน TDK ธุรกิจการผลิตหัวแม่เหล็กหยุดชะงักลงเนื่องจากการปรับการผลิตฮาร์ดไดรว์ ทำให้บริษัทมีกำไรสุทธิลดลงถึงร้อยละ 83 อยู่ที่ 2.4 พันล้านเยน บริษัท Nidec เช่นกัน กำไรสุทธิลดลงร้อยละ 11 อยู่ที่ 12.2 พันล้านเยน บริษัท Nitto Denko ที่ โอซากา รายงานผลกำไรสุทธิลดลงร้อยละ 23 หลังจากแผ่นดินไหวทำให้ยอดจำหน่ายเทปอุตสาหกรรม เช่นที่ใช้กับรถยนต์ตกฮวบ โดยกำไรสุทธิอยู่ที่ 13.2 พันล้านเยน Murata ยอดจำหน่ายลดลงร้อยละ 7 อยู่ที่ 143.2 พันล้านเยน ขณะที่กำไรสุทธิลดลงร้อยละ 8 อยู่ที่ 14.2 พันล้านเยน ส่วนบริษัท Alps Electric ซึ่งได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหวมากที่สุด ขาดทุนถึง 1.6พันล้านเยน โดย 700 ล้านเยนมาจากเหตุการณ์ในครั้งนี้
2.ความเคลื่อนไหวของบริษัท
2.1 บริษัท Lenovo ของจีน จะร่วมกับ NEC Corp. จะก่อตั้งบริษัทร่วมทุนชื่อ Lenovo NEC Holdings เพื่อผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล โดยจะใหญ่เป็นอันดับ 1 ของญี่ปุ่น คาดว่าจะครองตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล 1 ใน 4 ของประเทศ ภายใต้บริษัทแม่ ทั้ง Lenovo และ NEC ต่างผลิตคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล แต่จะใช้ระบบจัดซื้อ และ supply chain ร่วมกันทำให้ประหยัดต้นทุน Lenovo คาดว่าถ้ารวมธุรกิจในญี่ปุ่นแล้ว บริษัทจะสามารถเป็นอันดับ 3 ของตลาดโลก
2.2 บริษัท Sanyo Electric จะขายธุรกิจเครื่องซักผ้า และตู้เย็นที่ใช้ในบ้านให้กับบริษัท Haier ของจีน โดย Haier สามารถใช้แบรนด์ Sanyo สำหรับสินค้าที่จำหน่ายในประเทศเอเชียตะวันออก เฉียงใต้ คาดว่าการถ่ายโอนเทคโนโลยี่จะเสร็จภายในสิ้นเดือนมีนาคม 2555
2.3 บริษัท Panasonic จะทดสอบระบบพลังงานแสงอาทิตย์ และอุปกรณ์ทีใช้ในบ้านประหยัด พลังงานที่ประเทศสิงคโปร์ การทดสอบจะมีระยะเวลา 2 ปี โดยร่วมมือกับรัฐบาลสิงคโปร์ ทั้งนี้ Panasonic จะติดตั้งระบบพลังงานแสงอาทิตย์ที่สามารถใช้กับลิฟต์ ระบบไฟฟ้า และติดตั้งมาตรวัดปริมาณไฟฟ้า แก๊ส และน้ำประปา ในบ้านที่อยู่ในโครงการ Punggol Eco-Town โดยหวังว่าจะขายอุปกรณ์ต่างๆให้กับรัฐบาลสิงคโปร์ และบริษัทยังหวังจะสร้างสมาร์ทโฮมที่เมืองเทียนจิน และต้าเหลียน ประเทศจีนอีกด้วย
2.4 บริษัท Fujitsu General เริ่มจำหน่ายเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดบางเป็นพิเศษในตลาดต่างประเทศ โดยเริ่มที่ยุโรป จีน และ ไต้หวัน โดยจะมีขนาดกว้าง 87 เซนติเมตร ส่วนรุ่นที่จำหน่ายในประเทศกว้าง 80 เซนติเมตร แต่มีขนาดบางกว่าร้อยละ 20 เพียงแค่ 18.5 เซนติเมตรเพื่อให้ตรงกับรสนิยมของผู้บริโภคตะวันตกที่ชอบเครื่องปรับอากาศที่มีขนาดบาง บริษัทจะผลิตเครื่องปรับอากาศรุ่นใหม่ที่โรงงานในเมืองเซี่ยงไฮ้ คาดว่ามีปริมาณ 150,000-200,000 ยูนิตในปี 2555
3. ภาวะการส่งออกและนำเข้าสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ของญี่ปุ่น
ผลกระทบจากเหตุการณ์ แผ่นดินไหวยังส่งผลต่อเนื่องกับยอดการส่งออกสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ในเดือนมิถุนายน 2554 มีมูลค่า 8.09 แสนล้านเยน ลดลง ร้อยละ 11.2 จากเดือนมิถุนายน ปี 2553 โดยสินค้าเกือบทุกหมวดปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องเสียงลดลงร้อยละ 41.1 อุปกรณ์อิเล็คทรอนิกส์ลดลงร้อยละ 17.2 คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ลดลงร้อยละ 21.3 ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ ระบบสื่อสาร เพิ่มขึ้นร้อยละ 134.3 เครื่องมือวัดไฟฟ้า เพิ่มขึ้นร้อยละ 9.7 เครื่องใช้ในธุรกิจ เพิ่มขึ้นร้อยละ 7.5
ส่วนการนำเข้าสินค้าอิเล็คทรอนิกส์ในเดือนพฤษภาคม 2554 ปรับตัวลงในทิศทางเดียวกันมีมูลค่า 5.98 แสนล้านเยน โดยลดลงร้อยละ 8.8 จากเดือนพฤษภาคม ปี 2553 สินค้าเกือบทุกหมวดปรับตัวลดลง ได้แก่ เครื่องเสียงลดลงร้อยละ 26.6 เครื่องใช้ในธุรกิจลดลงร้อยละ 33.9 แผงวงจร ลดลงร้อยละ 22.2 ส่วนสินค้าที่เพิ่มขึ้น ได้แก่ หลอดไฟ เป็นผลจากความต้องการที่สูงขึ้นจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ เพิ่มขึ้นร้อยละ 184.2 ระบบสื่อสารวิทยุ เพิ่มขึ้นร้อยละ 26.6 อุปกรณ์สื่อสารเพิ่มขึ้นร้อยละ 26
สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ นครโอซากา
ที่มา: http://www.depthai.go.th