รัฐมนตรีอาวุโสและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์กัมพูชา (นายจอม ประสิทธิ์) เผยนโยบายด้านการค้าต่อปัญหาความขัดแย้งบริเวณชายแดน ในหนังสือพิมพ์ The Phnom Penh Post วันที่ 31 พฤษภาคม 2011 ซึ่งขอยกบางตอนที่เกี่ยวข้องมาดังนี้ ฯ ล ฯ
เหตุผลคือเกิดจากการกระทำผิดบางอย่างบริเวณชายแดน ขณะที่มีความตึงเครียด กองทัพบกไทยได้เข้าแทรกแซงขัดขวางการขนส่งของสินค้าที่เคยเป็นไปอย่างเสรี ห้ามการส่งออกสินค้าบางอย่างมากัมพูชา เช่น น้ำมันเชื้อเพลิง เหล็ก ปูนซีเมนต์ โดยคิดว่าฝ่ายกัมพูชาใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อสร้างบังเกอร์ ใช้เป็นเชื้อเพลิง และขณะเดียวกันกระทรวงพาณิชย์ไทยได้กำหนดภาษีอากรใหม่ต่อสินค้าจากกัมพูชา แม้ว่าจะกำหนดกับประเทศอื่นๆเช่นกัน แต่นั้นไม่ได้เป็นไปตามกฎของอาเซียนซึ่งส่งผลกระทบต่อการค้าชายแดน
เหตุผลการเลื่อนการจัดงานไม่ใช่เพราะมีปัญหากับผู้ขายสินค้าชายแดน แต่เพราะการแทรกแซงจากกองทัพไทย ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้จำกัดปัญหาให้อยู่ที่การทหารไม่ใช่เศรษฐกิจ ดังนั้นกัมพูชายังสนับสนุนด้านการค้า แต่การจัดงานแสดงสินค้าในเวลาที่กองทัพบกไทยสร้างปัญหากับสินค้ากัมพูชาในบริเวณชายแดน จึงคิดว่าไม่ใช่เวลาที่เหมาะสมที่จะโฆษณาสินค้าไทยในเวลาที่กัมพูชาถูกคุกคามบริเวณชายแดนการจัดงานครั้งนี้บางทีอาจไม่ถูกเวลาเพราะไม่ทราบว่าปฏิกริยาของสาธารณชนกัมพูชาเป็นเช่นไร อาจเดินทางมาซื้อหรือมาสร้างปัญหาในงานแสดงสินค้า และอาจไม่ปลอดภัยสำหรับผู้ประกอบการไทย ซึ่งไม่สามารถรับประกันความปลอดภัยต่อเขาเหล่านั้นได้ เพราะขณะที่คุณกำลังเหยียบเท้าแต่ขณะเดียวกันคุณยังพยายามโฆษณาสินค้า จึงถือว่าไม่ยุติธรรม ในภาคการค้าเราจะเห็นได้ว่ามีการลดลงของมูลค่าการค้า ผมเชื่อว่าการค้าระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาคาดว่าจะลดลงอย่างน้อยประมาณร้อยละ 20 ไม่ใช่เป็นเพราะประชาชนกลัวความปลอดภัยของการขนสินค้าข้ามแดน แต่ปัญหาคือประชาชนกลัวว่าสินค้าของตนจะขายไม่ได้ในกัมพูชาหรือไม่เป็นที่นิยมเหมือนเดิมในกัมพูชา กัมพูชาส่งออกสินค้าไปไทยมูลค่า 200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และนำเข้า 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ดังนั้นต้องชั่งน้ำหนักให้ดี กัมพูชาต้องการใช้ธุรกิจเพื่อสร้างสันติภาพและความร่วมมือกับประเทศไทย แต่ปัญหาคือการแทรกแซงจากการเมืองภายในของประเทศไทยและการมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมตามที่กล่าวมา
ที่มา: http://www.depthai.go.th