ในปี ๒๕๕๔ นี้ การลงทุนทองคำแท่งในประเทศจีนอาจจะชะลอตัวลงถึงแม้ว่าเศรษฐกิจจีนจะมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว เนื่องจากราคาของทองคำที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปีที่แล้วได้ก่อให้เกิดความเสี่ยงของการผันผวนของราคาทองคำ
ในปี ๒๕๕๓ ปริมาณซื้อทองคำแท่งในจีนเพิ่มถึง ๑๔๑.๙ ตัน ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ ๙๔ จากปี ๒๕๕๒ เนื่องจากภาวะซบเซาของตลาดอสังหาริมทรัพย์และตลาดหุ้น แต่คาดว่าในปี ๒๕๕๔ นี้คงไม่สามารถรักษาอัตราการเติบโตให้เทียบเท่ากับปีก่อนได้ เนื่องจาก นักลงทุนจะชะลอการลงทุนลง เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่เกิดจากการผันผวนของราคาทองคำแท่ง จากข้อมูลของสมาพันธ์ทองคำโลก (World Gold Council, WGC) เมื่อนักลงทุนใช้กลไกการลงทุนที่มีผลกระทบต่อราคาทองคำโดยการนำทองคำขายออกจำนวนมาก อาจทำให้ราคาทองคำปรับตัวลงไปที่ ๑,๔๕๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์ในอีก ๓ เดือนข้างหน้า ซึ่งหลายฝ่ายคาดหวังว่าสิ้นปีนี้ ราคาทองคำจะสามารถหยุดอยู่ที่ ๑,๖๐๐ ดอลลาร์สหรัฐต่อทรอยออนซ์
ในปีนี้ ปริมาณความต้องการในส่วนของธุรกิจสิ่งทอและธุรกิจเครื่องประดับได้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่มาจากลูกค้าประเทศจีนและอินเดีย
ราคาทองคำมีระดับสูงสุดอยู่ที่ ๑,๕๔๙ เหรียญสหรัฐต่อทรอยออนซ์ในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งสร้างความกังวลแก่ตลาดแลกเปลี่ยนนิวยอร์คเป็นอย่างมาก เนื่องจากเกรงว่าประเทศอิตาลีจะไม่มีศักยภาพในการชำระหนี้ที่ตามกำหนดในเดือนสิงหาคมนี้
สำหรับประเทศจีน ในฐานะผู้ผลิตทองคำรายใหญ่ที่สุดและมีปริมาณการบริโภคเป็นอันดับที่สองของโลก สามารถผลิตทองคำได้ ๓๕๐ ตันในปี ๒๕๕๓ ในขณะที่ปริมาณการผลิตทองคำของโลกอยู่ที่ ๒,๖๘๙ ตัน และเมื่อเปรียบเทียบกับปี ๒๕๕๒ การผลิตทองคำของจีนและของโลกมีอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ ๘ และร้อยละ ๓.๘ ตามลำดับ ซึ่งจีนคาดว่าปีนี้จะผลิตทองได้เพิ่มขึ้นและมีปริมาณมากกว่าปี ๒๕๕๓
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ
ที่มา: http://www.depthai.go.th