ราคาเนื้อหมูในเดือนมิถุนายนเพิ่มชึ้นร้อยละ ๕๗ เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนมิถุนายนของปีที่แล้ว
ซึ่งเกษตรกรเลี้ยงสุกรของจีนต่างกังวลว่า ราคาเนื้อหมูที่แพงขึ้นอย่างกระทันหันในช่วงนี้อาจส่งผลให้มีการเก็งกำไรราคาเนื้อหมูมากขึ้นและนำไปสู่ภาวะราคาเนื้อหมูตกต่ำในที่สุด
ราคาเนื้อหมูที่สูงขึ้นนี้ อาจจะเป็นเหมือนกับสถานการณ์เมื่อปี ๒๕๕๑ ซึ่งการที่เนื้อหมูมีราคาสูงขึ้น ทำให้เกษตรกรมีการเลี้ยงสุกรเพิ่มขึ้น ทำให้เนื้อหมูในตลาดมีมากกว่าความต้องการของผู้บริโภค ผลที่ตามมาคือราคาเนื้อหมูตกลงอย่างกระทันหันในปี ๒๕๕๒ และ ๒๕๕๓ ซึ่งหากเป็นไปตามนี้จริง จะสามารถวิเคราะห์สถานการณ์ปัจจุบันได้ว่า อีกไม่นานราคาเนื้อหมูจะตกลง แต่จะลดลงเท่าใดนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยที่เกี่ยวข้อง เช่น นโยบายการเงินของรัฐบาล ภาวะเงินเฟ้อ และหากราคาเนื้อหมูลดลงอย่างที่คาดไว้ กำไรจากการจำหน่ายเนื้อหมูของเกษตรกรในปีนี้ก็จะหมดไป การทำกำไรจากการจำหน่ายเนื้อหมูในสถานการณ์ที่ราคาเนื้อหมูขี้นๆลงๆนี้ เป็นเรื่องที่ค่อนข้างยาก ซึ่งจริงๆแล้ว เกษตรกรส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวังที่จะทำกำไรสูงๆในช่วงที่เนื้อหมูราคาสูงขึ้น เพียงแต่ต้องการให้ราคาหมูคงอยู่ในระดับคงที่และมีกำไรที่เหมาะสมกับต้นทุนการผลิต
ประเทศจีน เป็นประเทศที่มีปริมาณการผลิตและการบริโภคเนื้อหมูสูงเป็นอันดับหนึ่งของโลก แต่ฟาร์มเลี้ยงหมูส่วนใหญ่ประมาณร้อยละ ๖๐ เป็นฟาร์มขนาดเล็กที่ผลิตเนื้อหมูได้ไม่เกิน ๕๐ ตัวต่อปี ซึ่งฟาร์มสุกรเหล่านี้ล้วนได้ผลกระทบโดยตรงจากการผันผวนของราคาเนื้อหมู เนื่องจากเกษตรกรเหล่านี้ ไม่มีความรู้เกี่ยวกับการตลาด เมื่อเห็นว่าหมูมีราคาสูงขึ้น ก็จะเลี้ยงเพิ่มขี้น ทำให้สินค้าล้นตลาดจนไม่สามารถจำหน่ายหมดได้ในเวลาอันสั้น ท้ายที่สุดก็ไม่สามารถรับมือกับราคาสินค้าที่ตกลงอย่างกระทันหันในช่วงภาวะตลาดตกต่ำได้
ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมาที่เนื้อหมูมีราคาตกต่ำ ฟาร์มสุกรมากกว่าครึ่งของประเทศ ประสบภาวะขาดทุน และฟาร์มสุกรจำนวนมากถูกปิดกิจการลง หรือ ต้องกำจัดสุกรทิ้งจำนวนหนึ่งเพื่อลดต้นทุน ซึ่งส่งผลให้เนื้อหมูในตลาดใน ๖ เดือนแรกของปี ๒๕๕๔ มีปริมาณที่ลดลง ประกอบกับต้นทุนอาหารเลี้ยงสุกรและค่าแรงงานที่สูงขึ้น จึงเป็นอีกสาเหตุสำคัญที่ทำให้ราคาเนื้อหมูในช่วงครึ่งปีแรกมีราคาสูงจนเป็นที่น่าวิตก รัฐบาลกลางของจีนจึงออกมาตรการลดราคาเนื้อหมูในระยะสั้น เพื่อแก้ไขปัญหาราคาเนื้อหมูที่ผันผวนในระยะยาว
นอกจากนี้รัฐบาลยังเตรียมที่จะลงทุนในฟาร์มสุกรขนาดใหญ่ เพื่อชดเชยและสนับสนุนเกษตรกรผู้เลี้ยงสุกรให้สามารถดำเนินธุรกิจต่อไปได้
ที่มา: http://www.depthai.go.th