ปิดฉากลงไปเรียบร้อยอย่างยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างสำหรับงาน Thailand Trade Fair ณ 3 มุมเมืองใหญ่ในอินเดีย เงินสะพัดหลายร้อยล้าน ผู้ประกอบการไทยตัวเบากระเป๋าเงินโป่งกลับบ้านพร้อมออเดอร์สินค้าต่อเนื่องทั้งปี
สำนักข่าว thaiindia.net รายงานว่า อาหารแปรรูป อาหารพร้อมปรุง เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน ดอกไม้ประดิษฐ์ กระเป๋าสตรี ปุ๋ย ผลิตภัณฑ์สปา การท่องเที่ยว ผลไม้แปรรูป น้ำผลไม้ และเสื้อผ้าสำเร็จรูป ที่ผู้แสดงสินค้าไทยนำมาเผยแพร่ให้ชาวอินเดียรู้จักในงานนั้ ต่างเป็นที่ถูกอกถูกใจ จนทำให้มีกระแสการเรียกร้องให้ขยายเวลาการจัดงาน Thailand Trade Show ออกไปอีกอย่างน้อย 1 เดือนในปีต่อไป
อินเดียนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นตลาดเมลามีนและผลิตภัณฑ์พลาสติกที่ใหญ่ที่สุดในโลก ดังนั้นสินค้าเครื่องครัวเมลามีนและพลาสติกคุณภาพจากไทยจึงขายดีเป็นเทน้ำในงานแสดงสินค้าทั้งที่เจนไน บังคาลอร์ และมุมไบ ไม่ว่าจะเป็นสินค้าจากบริษัท Picnic Plast Industrial บริษัท Pioneer Industrial Corp. และจากบริษัทศรีไทยซุปเปอร์แวร์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับศรีไทยซุปเปอร์แวร์ การมาออกแสดงสินค้าที่ Thailand Trade Show ยิ่งเป็นการตอกย้ำแบรนด์ของบริษัทหลังจากที่ได้ตั้งสำนักงานขายแล้ว 3 แห่ง ที่กรุงนิวเดลี มุมไบ และบังคาลอร์
ฝีมือแกะสลักขั้นเทพของคนไทยนั้นเป็นที่เลื่องลืออยู่แล้ว เมื่อนำมาผสมผสานกับวัฒนธรรมอินเดีย เช่นการใส่พระกฤษณะ และพระพิฆเนศวรลงในงานแกะสลัก ลูกค้าชาวอินเดียถูกใจเป็นหนักหนา ยินดีควักเงินแสนซื้อสินค้าอย่างง่ายดาย งานนี้เรียกได้ว่าเป็นการปูทางสำหรับช่างฝีมือไทย หากสามารถนำทักษะที่ไม่มีชาติใดเทียบได้มาปรับเข้ากับสไตล์ความชอบของชาวอินเดีย โอกาสในครองตลาดนี้อยู่แค่เอื้อม
อัญมณีไทยประเภท Fashion Jewelry มีชาวอินเดียแวะเวียนมาชมไม่ขาดสาย ทั้งงานแสดงสินค้าที่บังคาลอร์ เจนไน และมุมไบ ในช่วงสิงหาคมที่ผ่านมา โดยแต่ละร้านพกความหลากหลายของสินค้ามาให้เลือกชมจนจุใจ เพราะว่าผู้หญิงอินเดียมักจะประกวดประชันกันที่ส่าหรีและเครื่องประดับเวลาไปออกงาน ซึ่งไม่ดีแน่ถ้าจะสวมใส่อัญมณีเก่าออกงาน ดังนั้นอัญมณีไทยประเภท Fashion Jewelry เป็นคำตอบที่ตรงใจสาวอินเดียมากที่สุด เพราะงดงาม ดีไซน์เลิศหรู แถมราคาไม่แพง ดังนั้น การเจาะตลาด Fashion Jewelry ของอินเดีย จึงเป็นโอกาสของผู้ส่งออกไทยที่ไม่ควรมองข้าม
สินค้าอีกประเภทที่ขายดิบขายดีในงานแสดงสินค้าทั้ง 3 เวที คือ กระเป๋าถือผู้หญิง เพราะนอกจากส่าหรีและเครื่องประดับ กระเป๋าถือก็เป็นเครื่องบอกรสนิยมที่สาวอินเดียจะออกงานประชันกันทั้งทีควรมีให้ full option
การผลิตสินค้าผู้หญิงจะต้องดูทิศทางแฟชั่นผู้หญิงของอินเดีย ซึ่งอินเดียเขามีดีไซเนอร์ออกแบบเสื้อผ้าแฟชั่นของเขาเองอยู่ที่เมืองมุมไบ (คนอินเดียไม่ได้ตามแฟชั่นของยุโรปหรือญี่ปุ่น) ดังนั้น การจะเจาะตลาดเสื้อผ้าแฟชั่นอินเดีย ถ้าเข้าถึงจิตวิญญานของแฟชั่นอินเดียได้ โอกาสรวยในตลาด 1,200 ล้านคนก็ไม่ไกลเกินเอื้อมอย่างแน่นอน
ในงาน Thailand Trade Show 2011 ที่เมืองเจนไน มีเครื่องสำอางชั้นนำของไทยร่วมงานกว่า 10 บริษัท อาทิเช่น ดร. สมชาย มิสทีน จันทร์สว่าง Bio-woman, Fancy World และ Gold Cross ซึ่งผู้ประกอบการไทยต่างกล่าวเป็นเสียงเดียวกันว่าตลาดเครื่องสำอางอินเดียเติบโตเร็วกว่าที่คิด และได้รับการตอบรับจากตัวแทนจำหน่ายมากมายเกินความคาดหมาย และคาดว่าอินเดียจะเป็นตลาดเครื่องสำอางที่สำคัญของไทยในอนาคต
สาเหตุสำคัญที่เครื่องสำอางไทยได้รับการตอบรับที่ดี เนื่องจากสาเหตุหลายประการ อาทิ1) เครื่องสำอางไทยใช้สมุนไพรเป็นส่วนผสม ซึ่งสอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคอินเดียที่ส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงสารเคมี 2) ครีม Whitening ของไทยเป็นที่ต้องการสูง เนื่องจากคนอินเดียใต้ส่วนมากมีผิวคล้ำจึงต้องการให้ผิวขาวขึ้นสวยขึ้น ซึ่งเครื่องสำอางไทยตอบโจทย์นี้ได้เป็นอย่างดี 3) เมืองเจนไนเป็นเมืองอุตสาหกรรมสำคัญของอินเดีย จึงมีกำลังซื้อสูงกว่าเมื่อเทียบกับเมืองอื่นๆ ในอินเดีย 4) คู่แข่งยังมีไม่มาก และคู่แข่งก็ไม่เน้นเรื่องสมุนไพร จึงเป็นโอกาสของสินค้าไทยที่สามารถตอบโจทย์นี้ของผู้บริโภคอินเดียได้ดีกว่า
แม้จะมีความใกล้เคียงกันในเรื่ององค์ประกอบหลักของอาหาร เช่นเครื่องแกง แต่ก็ไม่ค่อยมีร้านอาหารไทยในอินเดีย ทั้งนี้เพราะอาหารไทยถูกมองว่าเป็นอาหารหรู ต้องเข้าโรงแรมถึงจะมีให้ทาน ดังนั้นเมื่อมีสินค้าประเภทเครื่องแกงไทยพร้อมปรุง น้ำจิ้ม ซ๊อส มาแนะนำในงานแสดงสินค้าทั้ง 3 เวที จึงเป็นที่ถูกใจแม่บ้านชาวอินเดียเป็นอย่างยิ่ง นอกจากนี้น้ำผลไม้ ขนมขบเคี้ยว และชา/กาแฟสมุนไพรเพื่อสุขภาพ (คนอินเดียนิยมสินค้าประเภทสมุนไพรมากเป็นพิเศษ) ก็ตีตลาดได้ดีในงานแสดงสินค้าครั้งนี้
ดร. ไพศาล มะระพฤกษ์วรรณ ผอ. สำนักงานส่งเสริมการค้าฯ ณ เมืองเจนไน กล่าวว่า ที่พิเศษสุด และเรียกเสียงฮือฮาจากลูกค้าชาวอินเดียได้เป็นอย่างมากคือ เค้ก 1 นาที โดยผู้บริโภคเพียงใส่ผลิตภัณฑ์นี้ในเตาอบไมโครเวฟแค่ 1 นาทีก็สามารถลิ้มรสเค้กไทยแสนอร่อยได้แล้วสินค้าในลักษณะนี้สามารถเป็นที่นิยมได้ในเวลาอันรวดเร็ว เนื่องจากอินเดียมีเศรษฐีใหม่ถึง 120 ล้านคน ที่พร้อมเปิดรับสินค้าใหม่ๆ ไฮเทคอันสามารถสะท้อนรสนิยมเลิศหรู และที่สำคัญยังไม่มีคู่แข่งในตลาด
จากงาน Thailand Trade Show 2011 ที่เมืองเจนไน บูทสาธิตการนวดและสปาไทยของวัดโพธิที่ไปออกร้านในงานนี้ได้รับความสนใจจากโรงพยาบาลเอกชนชั้นนำของเจนไนอย่างมากและ ต้องการหมอนวดไทยไปบริการคนไข้โดยด่วน
โดยในปีนี้มีแพทย์จากโรงพยาบาลดังๆ หลายแห่งของเมืองเจนไน อาทิเช่น Apollo Hospital ไปร่วมชมงานกันอย่างคับคั่ง โดยแพทย์ชาวอินเดียถึงกับอึ้งที่หมอนวดไทยสามารถรักษาโรคเมื่อยหายเป็นปลิดทิ้งได้ภายใน 5 นาที และต่างสนใจติดต่อนำหมอนวดไทยไปให้บริการในโรงพยาบาลกันอย่างท่วมทั้น นันเป็นการเปิดมิติใหม่ให้กับวงการนวดและสปาไทยกลายเป็นสปาเกรด A ในอินเดียโดยฉับพลัน
นอกจากการเปิดตลาดสปาไทยในอินเดียอย่างเป็นรูปธรรมแล้ว โรงพยาบาลไทยและอินเดียยังสามารถขยายความร่วมมือในด้านอื่นๆ ของการให้บริการทางการแพทย์ได้อีกด้วย เนื่องจากเมืองเจนไนมีชื่อเสียงในการเป็น Medical Hub ด้วยเช่นกัน ดังนั้นแพทย์ไทยจึงไม่ควรมองข้ามโอกาสดีๆ อย่างตลาดอินเดียไป
ที่มา: http://www.depthai.go.th