การขยายตัวของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ในจีน

ข่าวเศรษฐกิจ Monday September 12, 2011 15:04 —กรมส่งเสริมการส่งออก

ตามสถิติของบริษัทสำรวจตลาด iResearch พบว่า ในปี 2551-2552 พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศจีนขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 117 คิดเป็นมูลค่าการค้ารวม 2.59 แสนล้านหยวน ซึ่งทำให้ประเทศจีนกลายเป็นตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ใหญ่อันดับสองของทั่วโลก โดยเฉพาะสินค้าเสื้อผ้า เครื่องสำอาง และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

หลายปีมานี้ เพื่อประหยัดต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ บริษัทขนาดกลางและขนาดย่อมในประเทศจีนเริ่มมีการค้าขายกันผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมากขึ้น โดยมีลักษณะการดำเนินการดังนี้

1. การจัดทำเว็บไซต์ของบริษัทเอง ทั้งนี้ ต้องลงทุนในด้านเทคโนโลยี และว่าจ้างผู้เชี่ยวชาญด้านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์

2. การดำเนินธุรกิจผ่านเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ โดยสมัครเป็นสมาชิกและชำระค่าสมาชิกหรือค่าธรรมเนียมอื่นๆ ตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งเป็นช่องทางที่ลงทุนต่ำและรวดเร็ว เช่น เว็บไซต์ Taobao.com ซึ่งตั้งแต่ปี 2549 เว็บไซต์ Taobao.com ได้ตั้งบริการ B2C ให้ผู้ประกอบการเปิดร้านค้าและจำหน่ายสินค้าผ่านเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ในปัจจุบัน Taobao.com ได้รับการพัฒนาอย่างสมบูรณ์ โดยในเว็บไซต์Taobao.com ลูกค้าสามารถค้นหาสินค้าจากประเภทของสินค้า หรือค้นหาตามรูปแบบที่ต้องการ ในกรณีที่ลูกค้าสั่งสินค้าและได้ให้รายละเอียด นอกจากนี้ ลูกค้ายังสามารถสนทนากับเจ้าของร้านโดยตรงผ่านโปรแกรม AliWW และให้คะแนนความพึงพอใจ รวมทั้งให้คะแนนต่อสินค้า นอกจากนี้ Taobao.com ยังมีระบบชำระเงินที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือ ซึ่งถือเป็นเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ล้ำหน้าที่สุดในประเทศจีน

สำหรับนักธุรกิจต่างชาติที่สนใจเสนอขายสินค้าผ่านเว็ปไซต์ Taobao.com ต้องดำเนินการขั้นตอนเบื้องต้นดังนี้

(1). การลงทะเบียนสมัครเป็นสมาชิกผู้ขายของเว็บไซต์ Taobao.com

(2). การจดทะเบียนในระบบ Alipay ซึ่งเป็นระบบชำระเงินออนไลน์ที่ผูกพันกับบัญชีธนาคาร ลักษณะเดียวกันกับ PayPal ในอเมริกา แต่ Alipay ใช้กันบน Taobao.com และการจดทะเบียนต้องใช้หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชนของผู้ค้ำประกันจีน หมายเลขบัญชีที่เปิดในธนาคารจีน (ซึ่งกำหนดธนาคารดังนี้ Commercial Bank of China,China Merchants Bank, Agricultural Bank of China, Industrial Bank, Shanghai Pudong Development Bank, Bank Of Communication) และหนังสือรับรองที่มีลายเซ็นของผู้ค้ำประกันจีน

(3). การติดตั้งโปรแกรม AliWW ซึ่งเป็นโปรแกรมการสื่อสารออนไลน์ที่ใช้เฉพาะในTaobao.com

ทั้งนี้ในการสมัครทั้งหมดต้องใช้ภาษาจีนเป็นหลัก

3. การดำเนินธุรกิจผ่านเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์บนโทรศัพท์เคลื่อนที่ (M-commerce: Mobile-commerce) โดยในปี 2552 ยอดมูลค่าการค้าผ่าน M-commerce ได้ปรับตัวสูงขึ้นเป็น 5.5 ล้านหยวน และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มสูงขึ้นถึง 1.17 แสนล้านหยวนเมื่อถึงปี 2554 และจำนวนผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ M-commerce ขยายตัวอย่างรวดเร็ว

4. การดำเนินธุรกิจผ่านเว็บไซต์ Group-buy (ร่วมกันซื้อ)

เว็บไซต์ Group-buy เป็นรูปแบบใหม่ของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ เช่น เว็บไซต์ lashou.com ซึ่งมีผู้วางขายสินค้า/บริการในราคาพิเศษมีส่วนลดมากมาย (บางรายการลดมากถึงร้อยละ 50-70) โดยการซื้อสินค้าส่วนลดพิเศษนี้ ต้องมีผู้บริโภคร่วมกันซื้อทีละจำนวนมากในระยะเวลาที่กำหนดไว้ ถึงจะได้ส่วนลด เช่น คูปองทานอาหารญี่ปุ่น (2 คน) ปกติมูลค่า 200 หยวน แต่นำมาขายในเว็บไซต์ Group-buy ลดประมาณร้อยละ 60 เหลือเพียงแค่ 80 หยวนในกรณีที่ร่วมกันซื้อมากกว่า 70 คนขึ้นไปในระยะเวลา 24 ชั่วโมง หากไม่ถึงจำนวนคนตามที่กำหนด ผู้ขายอาจยกเลิกการค้า และคืนเงินผู้บริโภค นอกจากนี้ การซื้อสินค้าผ่านเว็บไซต์ประเภทนี้ ผู้บริโภคไม่ต้องชำระค่าขนส่งสินค้า ดังนั้น ด้วยการลดราคามากมายมหาศาลขนาดนี้ ทำให้ลูกค้ารุมเข้ามาซื้อจำนวนมาก ทั้งยังโฆษณาไปยังคนที่รู้จักกันให้เข้ามาซื้อพร้อมกันเพื่อได้ราคาที่มีส่วนลด จึงดึงดูดความสนใจต่อพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์มากขึ้น

ข้อดีของเว็บไซต์ Group-buy สรุปได้ดังนี้

(1) สินค้า/บริการที่เสนอขายในเว็บไซต์ Group-buy เป็นสินค้า/บริการที่มีคุณภาพ เนื่องจากผู้จัดทำเว็บไซต์ Group-buy จะเลือกสร้างความร่วมมือกับโรงงาน/ผู้ประกอบการที่มีชื่อเสียงในการเสนอขายสินค้า/บริการในเว็บไซต์ Group-buy มีความประสงค์ที่จะโฆษณาสินค้า/บริการของบริษัทเป็นหลัก ไม่ใช่เพื่อกำไร แต่เพื่อเป็นการดึงดูดลูกค้าอย่างต่อเนื่อง

(2) ผู้ประกอบการที่ลงเสนอขายในเว็บไซต์ลักษณะร่วมกันซื้อส่วนใหญ่จะเป็นธุรกิจบริการมากกว่า เพราะมีการลดราคามากถึงร้อยละ 50-70 ซึ่งสินค้าสำเร็จรูปอาจไม่สามารถลดราคาได้มากขนาดนี้ เพราะมีข้อจำกัดทางด้านต้นทุน ดังนั้นการลดราคามาก จึงเป็นโอกาสของธุรกิจบริการที่มีกำไรค่อนข้างสูง เช่น สปา, ร้านอาหาร, โรงแรม และร้านค้าต่างๆ ซึ่งผู้ประกอบการที่เข้าร่วมต่างก็พอใจ เพราะหลังจากลดราคาไป ก็ได้ลูกค้าจำนวนมากกลับมาเช่นกัน และลูกค้าที่มาก็ไม่ได้เข้ามาใช้บริการเพียงครั้งเดียว บางส่วนก็กลับมาใช้บริการในครั้งต่อไปอีกด้วย ซึ่งก็ถือว่าคุ้มค่ามากสำหรับธุรกิจบริการที่เข้ามาลงเสนอขายในเว็บไซต์ดังกล่าว

แต่ในปัจจุบัน ตามสถิติของสมาคมพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์แห่งเมืองเซินเจิ้น พบว่า บริษัทพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ที่ได้จดทะเบียนธุรกิจในเมืองเซินเจิ้นมี 3,700 ราย เนื่องจากการใช้ต้นทุนต่ำในการดำเนินธุรกิจ ทำให้การแข่งขันสูงด้านราคา จึงมีเพียงร้อยละ 20 ได้กำไร และมีประมาณ 500 รายต้องปิดกิจการไปตั้งแต่ปี 2553 ซึ่งสรุปปัญหาการดำเนินธุรกิจผ่านเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมในปัจจุบัน ได้ดังนี้

1. ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อมที่ดำเนินธุรกิจผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่จะขาดความรู้ด้านการบริหารพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ จึงมีจำนวนน้อยที่จะประสบผลสำเร็จ บางส่วนที่ขาดทุนและต้องปิดกิจการ

2. ราคาสินค้าในออนไลน์ส่วนใหญ่ต่ำกว่าในหน้าร้าน แต่ผู้บริโภคต้องเสียค่าขนส่งสินค้าด้วยตนเอง ในกรณีที่สั่งซื้อสินค้าจำนวนน้อย ผู้บริโภคจะรู้สึกไม่คุ้มค่า ซึ่งเป็นอุปสรรคหนึ่งในการดำเนินธุรกิจพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของผู้ประกอบการ

3. ผู้ประกอบการขนาดใหญ่ เช่น Lenovo และ Uniqlo ได้เริ่มเข้ามาเจาะตลาดพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งผู้ประกอบการเหล่านี้มีเงินลงทุนสูง และได้เปรียบในด้านความเชื่อมั่นในตราสินค้า เทคโนโลยี และคุณภาพสินค้า จึงจะส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม

4. เว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จำนวนมากที่ยังไม่มีระบบชำระเงินที่ปลอดภัย เหตุการณ์ที่ผู้บริโภคถูกฉ้อโกงหรือถูกหลอกลวงผ่านทางอินเตอร์เน็ตยังเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ดังนั้น การสร้างความร่วมมือระหว่างผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารและหน่วยงานของรัฐบาลเพื่อสร้างระบบการชำระเงินออนไลน์ที่ปลอดภัย เป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน

ใน 5 -10 ปีข้างหน้า พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ของประเทศจีนยังมีศักยภาพการขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยคาดการณ์ว่าถึงปี 2558 ผู้บริโภคผ่านพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จะมีจำนวน 500 ล้านคน มูลค่าค้าปลีกทางอินเตอร์เน็ตจะมียอดถึง 2 ล้านล้านหยวน หรือร้อยละ 7 ของมูลค่าค้าปลีกทั้งหมด

ข้อคิดเห็นของสคร.กวางโจว

การขยายตัวของพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์เป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทย ทั้งนี้ เว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ไทย เช่น thaitrade.com สามารถร่วมมือกับเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จีน เพื่อสร้างเวทีให้ผู้ประกอบการทั้งสองประเทศเจรจาธุรกิจกัน และเพิ่มมูลค่าการค้าระหว่างไทย-จีนมากขึ้น และผู้ประกอบการสามารถเสนอขายสินค้า/บริการผ่านเว็บไซต์พาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์จีน เช่น Taobao.com เพื่อประชาสัมพันธ์สินค้าและขยายตลาดในประเทศจีน

รวบรวมโดยสำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ เมืองกวางโจว

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ