ประเทศจอร์แดน และโมรอคโค เริ่มเดินหน้าเข้าสู่การเป็นประเทศสมาชิก GCC

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday September 28, 2011 14:05 —กรมส่งเสริมการส่งออก

นายศิวะลักษณ์ นาคาบดี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์ ประเทศซาอุดีอาระเบีย แจ้งว่า เมื่อเดือนพฤษภาคม 2554 กลุ่มประเทศ GCC (the Cooperation Council for the Arab States of the Gulf) มีการพิจารณาเชิญประเทศจอร์แดน และโมรอคโค เข้าร่วมเป็นประเทศสมาชิก และล่าสุดเมื่อเดือนกันยายน 2554 รัฐมนตรีต่างประเทศของประเทศ GCC รวมทั้งของจอร์แดนและโมรอคโค มีการประชุมหารือร่วมกัน เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเข้าเป็นสมาชิกใหม่ ที่เมืองเจดดาห์ ซาอุดีอาระเบีย

ทั้งนี้ ในการประชุมฯ ได้พิจารณาถึงแนวทางการให้ความช่วยเหลือทางด้านเศรษฐกิจ แก่สมาชิกใหม่ทั้งสองประเทศ โดยมีการร่าง "แผนพัฒนาเศรษฐกิจระยะ 5 ปี สำหรับจอร์แดนและโมรอคโค" ขึ้นมา กลุ่ม GCC มีเป้าหมายว่าจะนำร่างแผนฯ ดังกล่าว เข้าสู่การประชุมสุดยอดของ GCC ในช่วงเดือนธันวาคม 2554 เพื่อพิจารณาอนุมัติวงเงินช่วยเหลือในการดำเนินการตามร่างแผนฯ

นอกจากนี้ ที่ประชุมฯ ยังได้จัดตั้งคณะทำงานศึกษาขั้นตอนการเข้าเป็นสมาชิก GCC อีกด้วย อย่างไรก็ตาม ไม่มีการกำหนดกรอบเวลาที่แน่นอน สำหรับการเข้าเป็นสมาชิกของ GCC อย่างเป็นทางการ เนื่องจากมีความจำเป็นที่จะต้องพูดคุยกันในรายละเอียดอย่างต่อเนื่อง

GCC ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2524 (1981) ประกอบด้วยสมาชิก 6 ประเทศในคาบสมุทรอาหรับ ได้แก่ ซาอุดีอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต บาห์เรน คูเวต โอมาน และกาตาร์ ส่วนประเทศเยเมน ได้สมัครเข้าเป็นเป็นสมาชิก GCC ตั้งแต่ปี 2539 แต่ได้รับความเห็นชอบจากการประชุมสุดยอดของกลุ่มสมาชิก

เมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2544 ที่กรุงมัสกัต ประเทศโอมาน มีมติให้เยเมนเป็นสมาชิกสมทบ

การเพิ่มประเทศสมาชิกจะทำให้ GCC มีจำนวนประชากรเพิ่มขึ้นจากเดิม 45 ล้านคน เป็น 82.9 ล้านคน (ตัวเลขปี 2553) Nominal GDP ขยายตัวขึ้นร้อยละ 12.2 จากเดิม 1,075.7 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ เป็น 1,206.70 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ (ตัวเลขปี 2553) ในภาพรวม GCC ใหม่ น่าจะส่งผลดีต่อการค้าการส่งออกของไทยไปประเทศในกลุ่มนี้ จากระบบภาษีที่มีเอกภาพมากขึ้น ขั้นตอนระเบียบการนำเข้าที่เป็นไปในแนวทางเดียวกัน

สินค้าที่นำเข้าจากประเทศไทยสามารถที่จะเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศสมาชิกได้อย่างเสรี ซึ่งจะส่งผลให้ผู้ส่งออกไทยมีภาระค่าใช้จ่ายในการส่งออกไปประเทศใน GCC ลดลง

นายศิวะลักษณ์ นาคาบดี ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในปี 2553 ประเทศไทยและ GCC มีมูลค่าการค้า ระหว่างกัน 25,724 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ร้อยละ 6.59 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย) จำแนกเป็นการนำเข้า 19,524 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งออก 6,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าที่ไทยนำเข้าเกินกว่าร้อยละ 80 คือ น้ำมัน และแก็สธรรมชาติ สินค้าที่ไทยส่งออกไป GCC ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และชิ้นส่วน เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ เหล็กและผลิตภัณฑ์ ตามลำดับ

ปี 2554 (มค.- สค.) ไทยและ GCC มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 22,672 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ร้อยละ 7.29 ของมูลค่าการค้าทั้งหมดของไทย) จำแนกเป็นการนำเข้า 18,143 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และส่งออก 4,529 ล้านเหรียญสหรัฐฯ การส่งออกขยายตัวถึงร้อยละ 10.16 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา

ประเทศสมาชิก GCC ที่ไทยส่งสินค้าออกไปมากที่สุด ได้แก่ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (1,995 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) ซาอุดีอาระเบีย (1,570 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) โอมาน (426 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) คูเวต (230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) กาตาร์ (216 ล้านเหรียญสหรัฐฯ) และบาห์เรน (92 ล้านเหรียญสหรัฐฯ)

สินค้าที่ GCC นำเข้าจากไทยมากที่สุด 5 อันดับแรก ในปี 2554 (มค.- สค.) ได้แก่ ยานยนต์และชิ้นส่วน เคมีภัณฑ์ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน เครื่องประดับอัญมณี และสินค้าเครื่องรับวิทยุ โทรทัศน์และชิ้นส่วน ทั้งนี้ไทยส่งออกไปจอร์แดน และโมรอคโค ทั้งสิ้น 115 และ 121 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ตามลำดับ

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองเจดดาห์

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ