อินเดียเป็นผู้ผลิตข้าวขาวรายใหญ่อันดับ 2 ของโลกรองจากจีน หรือประมาณ ร้อยละ 20 ของผลผลิตข้าวฯทั้งหมดของโลก โดยที่ข้าวก็เป็นอาหารหลักของชาวอินเดียทางภาคใต้และภาคตะวันออกของประเทศ ด้วยเหตุที่จำนวนประชากรเพิ่มขึ้นทุกวัน ปริมาณของผลผลิตข้าวก็เพิ่มขึ้นแทบทุกปีทั้งเพื่อการบริโภคภายในประเทศและเพื่อการส่งออก ทั้งนี้ปริมาณผลผลิตข้าวเพิ่มขึ้นจาก 53.6 ในปี 2523 เป็น 74.6 ล้านตันในปี 2533 และในปี 2535 เป็นปีที่อินเดียผลิตข้าวได้เกินร้อยล้านตัน คือได้ถึง 111 ล้านตันเนื่องจากดินน้ำอุดมสมบูรณ์ แต่ก็ยังเป็นรองประเทศจีนในปีนั้นที่ผลิตข้าวได้มากถึง 182 ล้านตัน* โดยที่ปริมาณผลผลิตข้าวของอินเดียมาสดุดลดลงในช่วงปี 2552-2553 เหลือผลผลิตเพียง 89.13 ล้านตันเนื่องจากประสบภัยแล้งขาดแคลนน้ำอย่างหนัก อย่างไรก็ตามในช่วงปี 2553-2554 นี้น้ำท่าที่นากลับมาอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง จึงคาดการณ์กันว่าอินเดียจะผลิตข้าวได้ทะลุ 100 ล้านตันอีกครั้ง*
ประเทศไทยเป็นประเทศเล็กๆถึงแม้ปริมาณผลผลิตข้าวจะไม่ถึงร้อยล้านตันเหมือนประเทศใหญ่ๆ แต่คุณภาพข้าวไทยก็ไม่เป็นสองรองใคร ซึ่ง สคต.กรุงนิวเดลีได้ประชาสัมพันธ์ข้าวไทยในตลาดอินเดียอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างว่า รสนิยมและวัฒนธรรมการบริโภคของประชาชนในแต่ละประเทศนั้นแตกต่างกันและบังคับกันไม่ได้ ซึ่งเป็น ที่ทราบกันดีว่าชาวอินเดียนิยมบริโภคข้าวท้องถิ่น ได้แก่ ข้าวบาสมาติ มากกว่าบริโภคข้าวจากประเทศไทย เนื่องจากข้าวไทยและข้าวอินเดียนั้นแตกต่างกัน โดยเฉพาะคุณสมบัติสำคัญของข้าวไทยประการหนึ่ง คือ เมื่อหุงสุกแล้ว จะเหนียวนุ่มและมียาง ซึ่งไม่เป็นที่นิยมในตลาดอินเดีย แต่ข้าวอินเดียเป็นเม็ดยาวและไร้ยางเหนียว จึงทำให้ข้าวที่หุงสุกแล้ว จะนุ่มและร่วนซุย ถ้าถามว่าโอกาสที่ข้าวไทยจะเข้าไปอยู่ในใจของชาวอินเดียหรือไม่ คงต้องตอบว่ามีโอกาส แต่คงต้องใช้เวลา
ที่มา: http://www.depthai.go.th