ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 (ม.ค.-ก.ค.) ไทยมีมูลค่าการค้ากับตุรกี 913.33 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 38.31 โดยเป็นการส่งออกมูลค่า 809.29 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 54.70 และนำเข้ามูลค่า 104.04 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากช่วงเดียวกันของปี 2553 ร้อยละ 24.18 ส่งผลให้ไทยได้เปรียบดุลการค้า 705.25ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ 82.75 เมื่อเทียบกับการได้เปรียบดุลการค้า 385.9 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2553
- สินค้าส่งออกสำคัญไปตุรกี ได้แก่ รถยนต์ดีเซลปิกอัพ ยาง เส้นใยสั้นเทียมวิสโครสเรยอน โพลิสไตรีน ยางธรรมชาติ เครื่องปรับอากาศ ด้ายเดี่ยว โพลิเอทิลีน เป็นต้น
- สินค้านำเข้าสำคัญจากตุรกี ได้แก่ เรือบรรทุกของเหลวหรือก๊าซ รัตนชาติหรือกึ่งรัตนชาติ แป้งข้าวสาลีหรือแป้งเมสลิน สินแร่และหัวแร่สังกะสี เฟอโรโครเมียม เป็นต้น
ในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 (ม.ค.-ก.ค.) มีการขอใช้สิทธิ GSP ส่งออกมูลค่า 497.17ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับการใช้สิทธิในช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งมีมูลค่า 309.51ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่งผลให้สัดส่วนการใช้สิทธิฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 83.51เทียบกับร้อยละ 63.45 ในช่วงเดียวกันของปี 2553
สินค้าสำคัญที่มีการใช้สิทธิ GSP ได้แก่ รถยนต์ดีเซลปิกอัพ (พิกัดฯ 870421) เส้นใยสั้นเทียมวิสโคสเรยอน (พิกัดฯ 550410) เม็ดพลาสติกจำพวกสไตรีน (พิกัดฯ 390319) เครื่องปรับอากาศ (พิกัดฯ 841510) ด้ายเดี่ยว (พิกัดฯ 551011) เม็ดพลาสติกจำพวกเอทิลีน (พิกัดฯ 390120) เครื่องทำความเย็น (พิกัดฯ 841430) เป็นต้น
ภาพรวมการส่งออกของไทยไปยังตุรกีในช่วง 7 เดือนแรกของปี 2554 (ม.ค.-ก.ค.) เพิ่มขึ้นร้อยละ 54.70 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 โดยการขอใช้สิทธิ GSP ส่งออกมีมูลค่าเพิ่มขึ้น 187.66 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นอัตราการขยายตัวของการส่งออกภายใต้สิทธิ GSP ร้อยละ 60.63 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2553 ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนการใช้สิทธิ GSP ตุรกีเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 83.51
ที่มา: http://www.depthai.go.th