มีรายงานข่าวว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจพิจารณายกเลิกมาตรการจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯ ที่ญี่ปุ่น ประกาศควบคุมมาตั้งแต่ปี ๒๕๔๖ นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรควัวบ้า หรือ BSE (Bivine Spongiform Encephalophathy) ในสหรัฐฯ และเป็นไปได้สูงว่า รัฐบาลญี่ปุ่นอาจเพิ่มระดับอายุของวัวที่จะอนุญาตให้นำเข้าญี่ปุ่นได้ จากเดิมกำหนดไว้อายุไม่เกิน ๒๐ เดือนเป็นอายุไม่เกิน ๓๐ เดือน คาดว่านายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น Mr. Yoshihiko Noda จะประกาศยกเลิกอย่างเป็นทางการในช่วงการพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระหว่างการประชุม APEC กลางเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ รวมทั้ง ควดว่า ญี่ปุ่นอาจลดข้อจำกัดการนำเข้าเนื้อวัวจากแหล่งผลิตอื่นๆ ด้วย เช่น แคนาดา ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์
รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศห้ามนำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐฯในปี ๒๕๔๖ เมื่อเกิดการแพร่ระบาดครั้งใหญ่ของไวรัส BSE จากนั้นในเดือนธันวาคม ปี ๒๕๔๘ จึงประกาศอนุญาตให้นำเข้าเฉพาะเนื้อวัวไม่ติดกระดูก เอ็น สมองและ ไขกระดูก เฉพาะจากวัวที่มีอายุ ๒๐ เดือนหรือน้อยกว่า ภายใต้เงื่อนไขว่าต้องได้รับการแนะนำอย่างใกล้ชิดจาก Food Safety Commission แต่การนำเข้าก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งในเดือนมกราคา ๒๕๔๙ เมื่อญี่ปุ่นตรวจพบว่ามีส่วนกระดูก ของวัวปะปนไปในเนื้อที่นำเข้าจากสหรัฐฯ แต่ก็เปิดให้นำเข้าอีกครั้งในเดือนกรกฎาคมปีเดียวกัน โดยกำหนดให้ต้องมีเอกสารรับรองผลการตรวจสอบจากหน่วยงานของสหรัฐฯ กำกับไปกับสินค้า
สหรัฐฯใช้ความพยายามอย่างต่อเนื่องในการเจรจากับญี่ปุ่นนานถึง ๘ ปี เพื่อเปิดตลาดเนื้อวัวในญี่ปุ่นอย่างไม่มีเงื่อนไขเรื่องอายุของวัว โดยอ้างว่าร้อยละ ๙๕ ของวัวที่นำมาบริโภคในสหรัฐฯ มีอายุ ๓๐ เดือนหรือน้อยกว่า ความไม่พอใจของสหรัฐฯ เป็นที่รับรู้อย่างชัดแจ้งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ญี่ปุ่น จนล่าสุดได้มีการเรียกร้องในช่วงการประชุมสุดยอดระหว่างสหรัฐฯ-ญี่ปุ่น ที่นครนิวยอร์ค สหรัฐฯ เมื่อเดือนกันยายน ขอให้ญี่ปุ่นเร่งดำเนินการเพื่อประกาศเปิดให้นำเข้าเนื้อวัวของสหรัฐฯ ในช่วงประชุม APEC Summit เดือนพฤศจิกายน
ญี่ปุ่นนำเข้าเนื้อสัตว์ทุกชนิดปีละประมาณ ๑.๗-๑.๘ ล้านตัน และมีแนวดน้มเพิ่มขึ้นทุกปี ชนิดของเนื้อที่นำเข้าตามลำดับปริมาณ ประกอบด้วย เนื้อหมู (๔๒.๒ % ของปริมาณนำเข้ารวมในปี ๒๕๕๓) เนื้อวัว สดหรือแช่เย็น (๒๓.๘%) เนื้อไก่ (๑๕.๐๕ %) เนื้อวัวแช่แข็ง (๑๑.๙ %) เนื้อแกะ (๑.๓%) โดยออสเตรเลีย เป็นผู้ส่งออกเนื้อวัวแหล่งใหญ่ไปตลาดญี่ปุ่น รองลงมาได้แก่ สหรัฐฯ นิวซีแลนด์ แคนาดา และเม็กซิโก โดยเนื้อวัวที่นำเข้าจากสหรัฐฯ ส่วนใหญ่ใช้ในอุตสาหกรรมอาหารและธุรกิจภัตตาคาร และเป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นและผู้อยู่ในวัยทำงาน การเปิดตลาดให้นำเข้าเนื้อวัวจากสหรัฐอเมริกา คงไม่ส่งผลกระทบต่อการนำเข้าเนื้อไก่และไก่แปรรูปในระยะสั้น เพราะผลภัยพิบัติจากแผ่นดินไหวและกัมมันตภาพรังสี ทำให้ธุรกิจปศุสัตว์ในเขตโทโฮกุต้องหยุดชะงัก และเกิดภาะวขาดแคลน แต่ในระยะยาวการนำเข้าเนื้อวัวราคาถูก น่าจะจูงใจให้อุตสาหกรรมอาหารหันมาใช้เนื้อวัว เป็นเมนูจูงใจผู้บริโภคมากขึ้น
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโตเกียว
ที่มา: http://www.depthai.go.th