รายงานตลาดสหรัฐฯชิ้นส่วนประกอบรถยนต์

ข่าวเศรษฐกิจ Wednesday November 9, 2011 11:44 —กรมส่งเสริมการส่งออก

แนวโน้มสถานะการณ์ภายในประเทศ

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ ๗๐ ของการบริโภคชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ในตลาดสหรัฐฯเป็นการบริโภคสินค้า Original Equipment (OE) โดยโรงงานผลิตรถยนต์ ที่เหลือร้อยละ ๓๐ เป็นการบริโภคสินค้า Aftermarket โดยผู้บริโภคทั่วไปเพื่อการซ่อม ดัดแปลง และตกแต่งรถเก่า ดังนั้นโดยทั่วไปแล้วสภาวะการณ์ตลาดการบริโภคชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ในสหรัฐฯจะผูกติดกับสถานการณ์การผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯเป็นสำคัญ

ตลาดชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น OE

อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์สหรัฐฯเริ่มเข้าสู่สภาวะตกต่ำในปลายปี ๒๐๐๘ อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ของสหรัฐฯที่เป็น OE ก็ตกต่ำตามไปด้วย มีรายงานว่าในปี ๒๐๐๙ ซัพพลายเออร์ชิ้นส่วน

ประกอบรถยนต์ที่มีฐานธุรกิจในสหรัฐฯปิดตัวลง ๒๐๐ รายและยื่นฟ้องตนเองล้มละลายจำนวน ๕๐ ราย ในปี ๒๐๑๐ อุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์สหรัฐฯเริ่มฟื้นตัว ยอดจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในสหรัฐฯฟื้นตัวขึ้นเป็นประมาณ ๑๑.๕ ล้านหน่วย แม้ว่าอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์เริ่มฟื้นตัวและมูลค่าตลาดเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๖.๕ เป็น ๑๔๑.๕ พันล้านเหรียญฯ แต่เนื่องจากสภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯโดยรวมยังคงตกต่ำอยู่ อุตสาหกรรมการผลิตชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่ผลิตสินค้า OE ป้อนตลาดการผลิตรถยนต์ของสหรัฐฯหลายรายยังคงประสบปัญหาด้านการเงินและสินค้าล้นตลาด สาเหตุส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการผลิตรถยนต์ใหม่ที่ชะลอตัวไปนาน และโรงงานผลิตรถยนต์ในสหรัฐฯได้นำมาตรการต่างๆที่จะเป็นการกดราคาสินค้าจากซัพพลายเออร์มาใช้ มีประมาณการณ์ว่าอาจจะต้องใช้เวลาอีกสองสามปีกว่าสถานะการณ์ของธุรกิจเหล่านี้จะกระเตื้องขึ้น

ตลาดชิ้นส่วนประกอบ Aftermarket และการให้บริการ มีประมาณการณ์ว่าตลาดชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น Aftermarket ที่รวมถึงการให้บริการมีมูลค่าเฉลี่ยปีละ ๒๐๐ พันล้านเหรียญฯ มีประมาณการณ์ว่าในปี ๒๐๐๙ รถยนต์ในตลาดสหรัฐฯที่มีอายุถึงจุดที่ต้องซ่อมแซมมีจำนวนมากกว่าสองร้อยล้านคัน ในช่วงที่เกิดวิกฤตการณ์เศรษฐกิจใหม่ๆในปี ๒๐๐๙ ดีลเลอร์ขายรถยนต์สหรัฐฯปิดตัวลงกว่าพันราย ทำให้จำนวนสผู้บริโภคที่เคยใช้บริการจากดีลเลอร์ที่ต้องหันไปใช้บริการตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ Aftermarket เพิ่มขึ้น มีประมาณการณ์มูลค่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคกลุ่มนี้ว่ามีจำนวนสสูงเกินกว่า ๗ พันล้านเหรียญฯ

กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯประมาณการณ์มูลค่าตลาดชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ Aftermarket และการให้บริการในปี ๒๐๐๙ เท่ากับ ๑๘๗ พันล้านเหรียญฯ มีประมาณการณ์ว่าในปี ๒๐๑๐ มูลค่าตลาดเท่ากับ ๑๙๐ พันล้านเหรียญฯ (สมาคม Automotive Aftermarket Industry Association ประมาณการณ์ไว้ที่ ๒๘๙.๖ พันล้านเหรียญฯ) และพยากรณ์ว่าในปี ๒๐๑๑ จะเพิ่มขึ้นเป็น ๑๙๖ พันล้านเหรียญฯ ในปี ๒๐๑๐ เฉพาะตลาดค้าส่งชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น Aftermarket มีมูลค่าระหว่าง ๖๒ - ๗๘.๑ พันล้านเหรียญฯ

สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำของสหรัฐฯส่งผลดีต่อตลาดชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น Aftermarket ในระยะสั้นๆเท่านั้น เนื่องจากตัวแปรที่มีอิทธิพลต่อสภาวะการณ์ตลาดชิ้นส่วนรถยนต์ในสหรัฐฯที่เป็น Aftermarket มีอยู่หลายตัวแปรด้วยกันคือ

๑. อายุโดยประมาณของรถยนต์ที่ถึงเกณฑ์ที่จะต้องใช้ชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น Aftermarket

อายุเฉลี่ยในตลาดสหรัฐฯคือ ๘ ปี จำนวนรถยนต์ใหม่ที่จำหน่ายในตลาดสหรัฐฯในปี ๒๐๑๐ เท่ากับ ๑๑.๕ ล้านคันเป็นจำนวนที่ต่ำกว่าปี ๒๐๐๙ เท่ากับ ๑๗ ล้านคัน ดังนั้นในระยะ ๕ - ๘ ปีข้างหน้า จำนวนของรถยนต์ที่ต้องการใช้สินค้าและบริการของตลาด aftermarket จะลดน้อยลงไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ รถยนต์รุ่นใหม่ๆมีอายุการใช้งานนานกว่ารถยนต์รุ่นเก่าหรือเฉลี่ยประมาณ ๙.๒ ปี ในปี ๒๐๐๙ จำนวนรถยนต์เก่าในตลาดสหรัฐฯที่มีอายุเกินกว่า ๑๑ ปีขึ้นไปคิดเป็นร้อยละ ๔๐.๕ ของรถยนต์รวมทั้งสิ้น เปรียบเทียบกับร้อยละ ๔๑.๖ ในปี ๒๐๐๘ ในปี ๒๐๐๙ รถยนต์ที่มีอายุระหว่าง ๖ - ๑๐ ปีคิดเป็นร้อยละ ๓๑.๕ เปรียบเทียบกับร้อยละ ๒๙ ในปี ๒๐๐๘ รถยนต์เก่าเหล่านี้คือโอกาส ของตลาดชิ้นส่วน Aftermarket เช่น สตรัท (struts), ระบบท่อไอเสีย, ปั๊มน้ำ ตัวปั่นไฟ และชิ้นส่วนอื่นๆที่จะช่วยเรื่องปฏิบัติการและการตกแต่งรถยนต์ เป็นต้น

๒. ราคาน้ำมัน

ในระยะที่ผ่านสหรัฐฯเผชิญกับราคาน้ำมันที่พุ่งสูงขึ้นอยู่ตลอดเวลา ราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นทำให้ผู้บริโภคบางรายลดการใช้รถยนต์ทำให้ระยะเวลาการเสื่อมของรถยนต์ลดลง ความจำเป็นที่จะต้องบำรุงรักษาหรือเปลี่ยนชิ้นส่วนต่างๆจะลดลงตามไปด้วย

๓. จำนวนของรถที่ต้องการการบำรุงรักษา

ในช่วงสภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ผู้บริโภคส่วนใหญ่ลดการให้ความสำคัญกับการบำรุงรักษารถยนต์เพื่อนำเงินไปใช้ในสิ่งที่จำเป็นกว่า หรือแม้กระทั่งลดการใช้รถยนต์ลงเนื่องจากตกงาน

๔. ความสามารถในการเก็บรถเก่าไว้ใช้ของผู้บริโภค

๕. การได้มาซึ่งข้อมูลรถยนต์รุ่นใหม่ๆ

ปัจจุบันโรงงานผลิตรถยนต์รุ่นใหม่ๆจะเก็บข้อมูลการสร้างและซ่อมรถยนต์เป็นความลับ ทำให้ผู้ซื้อจำเป็นต้องใช้ชิ้นส่วนประกอบที่เป็น OE และบริการซ่อมของ ดีลเลอร์ขายรถยนต์เท่านั้น ตลาดการบริโภคชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น Aftermarket และที่เป็นตลาด specialty หรือสินค้าชิ้นส่วนประกอบที่ไม่ใช่สิ่งจำเป็นสำหรับรถยนต์แต่เป็นสินค้าที่ผู้บริโภคเลือกที่ซื้อไปใช้เพื่อปรับปรุงเปลี่ยนแปลงปฏิบัติการ รูปร่าง และหรือการขับ/จัดการกับรถยนต์ เป็นตลาดที่มีอัตราการขยายตัวสูงมากที่สุดในระยะสิบปีที่ผ่านมาคือร้อยละ ๗.๔ เมื่อเปรียบเทียบกับอัตราการเติบโตโดยรวมของตลาดชิ้นส่วนประกอบที่เป็น Aftermarket ที่ร้อยละ ๔.๕

ตลาดการบริโภคชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น Aftermarket ในตลาดสหรัฐฯยอมรับสินค้านำเข้าที่ผลิตจากประเทศอื่นๆเพิ่มมากขึ้น โดยจะให้ความสำคัญที่รูปร่าง (form) ความฟิต (fit) และปฏิบัติการ (function) มากที่สุด และจะต้องเป็นสินค้าที่ตามทันเทคโนโลยี่การผลิตของรถรุ่นใหม่ๆด้วย

ตลาดชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น remanufacturing

ในปี ๒๐๑๐ Automotive Parts Remanufacturers Association (APRA) ได้ประเมินมูลค่าตลาดสหรัฐฯว่าเท่ากับ ๔๐ พันล้านเหรียญฯ มีจำนวนบริษัทที่ทำธุรกิจนี้อยู่ประมาณสองถึงสามพันราย โรงงาน remanufacturing สำหรับเครื่องยนต์ขนาดใหญ่ส่วนใหญ่จะเป็นของโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ที่เป็น OE โรงงาน remanufacturing จะทำการผลิตสินค้าที่เป็นการนำสินค้าเก่าและสินค้าใหม่มาผลิตกลายเป็นสินค้าที่เหมือนใหม่ ("like-new") ออกจำหน่าย

ในช่วงอุตสาหกรรมรถยนต์สหรัฐฯตกต่ำ ตลาดชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น remanufacturing ก็ตกต่ำตามไปด้วย ปัจจุบนตลาดเพิ่มฟื้นตัวแต่เป็นไปอย่างช้าๆสาเหตุสำคัญมาจากชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ที่เป็น OE ในปัจจุบันมีอายุการใช้งานนานขึ้นและการแข่งขันจากสินค้านำเข้าจากจีนที่เป็นค้าใหม่และมีราคาถูกว่า

การค้าระหว่างประเทศ

ในปี ๒๐๑๐ สหรัฐฯเสียดุลย์การค้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ ๓๒.๘ พันล้านเหรียญฯ สูงกว่าอัตราการเสียดุลย์ในปี ๒๐๐๙ ร้อยละ ๖๑.๓

การค้าส่งออก

ในปี ๒๐๑๐ สหรัฐฯส่งออกชิ้นส่วนประกอบรถยนต์คิดเป็นมูลค่า ๕๘.๑ พันล้านเหรียญฯเพิ่มขึ้นร้อยละ ๓๖.๒ ส่วนใหญ่หรือร้อยละ ๘๔ เป็นการส่งออกไปยังตลาดส่งออกสำคัญคือคานาดา เม็กซิโก (มูลค่าส่งออกไปยังคานาดาและเม็กซิโกรวมกันคิดเป็นประมาณร้อยละ ๗๔.๓ ของมูลค่าส่งออกรวมทั้งสิ้น) สหภาพยุโรป ๑๕ ประเทศ (เบลเยี่ยม เดนมาร์ก ฝรั่งเศส เยอรมัน กรีก ไอร์แลนด์ อิตาลี ลักเซมเบอร์ก เนเธอร์แลนด์ สเปน สหราชอาณาจักร ออสเตรีย ฟินแลนด์ และสวีเดน) และญี่ปุ่น

การค้านำเข้า

ในปี ๒๐๑๐ สหรัฐฯนำเข้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์เพิ่มขึ้นจากเกือบทุกประเทศคิดเป็นมูลค่านำเข้า ๙๐.๙ พันล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๔๔.๓ ประเทศอุปทานนำเข้าสำคัญคือ เม็กซิโก คานาดา (มูลค่านำเข้าจากเม็กซิโกและคานาดารวมกันเท่ากับ ๔๒.๖ พันล้านเหรียญฯหรือร้อยละ ๔๖.๘ ของมูลค่านำเข้ารวมทั้งสิ้น) ญี่ปุ่น เยอรมัน และจีน มูลค่านำเข้าจากประเทศอุปทานสำคัญนี้รวมกันเท่ากับ ๗๑ พันล้านเหรียญฯหรือร้อยละ ๗๘ ของมูลค่านำเข้ารวมทั้งสิ้นของสหรัฐฯ การนำเข้าจากญี่ปุ่นและจีนขยายตัวสูงถึงร้อยละ ๓๗.๙ และร้อยละ ๓๕ ตามลำดับ

ในปี ๒๐๑๐ สหรัฐฯนำเข้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์จากประเทศไทยคิดเป็นมูลค่าประมาณ ๑,๖๘๔ ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นร้อยละ ๘๔.๔ และสหรัฐฯเสียดุลย์การค้าชิ้นส่วนประกอบรถยนต์ไทย ๑,๕๕๗ ล้านเหรียญฯ เพิ่ม ขึ้นร้อยละ ๘๘.๖

แหล่งข้อมูล

1.International Trade Administration, U.S. Department of Commerce

2.Automotive Aftermarket Industry Association

สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ นครลอสแอนเจลิส

ที่มา: http://www.depthai.go.th


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ