ผลกระทบจากอุทกภัยสึนามิที่ญี่ปุ่น ได้ทำให้ราคาสินค้าเครื่องไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์เพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะชิ้นส่วนและส่วนประกอบใช้กับคอมพิวเตอร์ (ฮาร์ดดิสค์ แผงวงจรไฟฟ้า) และสำหรับในช่วงต่อจากนี้ไปยังคงมีแนวโน้มราคาจะขยับสูงขึ้นอีก สืบเนื่องจากโรงงานผลิตสินค้าประเภทนี้ในประเทศไทยถูกน้ำท่วม ต้องยุติการผลิตไม่น้อยกว่า 3 เดือน เยอรมนีจึงมีการนำเข้าสินค้าจากแหล่งอื่นๆ เพิ่มเติม โดยเฉพาะจากจีนประเทศในยุโรป ได้แก่ ฝรั่งเศส เช็ก และไอร์แลนด์ เป็นต้น ในปัจจุบันตลาดมีความต้องการสินค้าที่แปลกใหม่ ทันสมัย โดยเฉพาะที่เกี่ยวกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม ไม่เป็นอันตรายต่อธรรมชาติ เหล่านี้เป็นสินค้าที่ผู้ผลิตเยอรมันให้ความสนใจ ได้รับการส่งเสริมสนับสนุนโดยรัฐบาลมาก มีการคิดค้นและพัฒนาการผลิตมาโดยตลอด จึงทำให้อุตสาหกรรมแขนงนี้มีอนาคตแจ่มใส ในช่วง 7 เดือนแรกปี 2554 มียอดการจำหน่ายอุปกรณ์และเครื่องใช้อิเล็กทรอนิกส์เป็นมูลค่า 39,043 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 8.3 และสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้ามูลค่า 48,180 ล้านยูโร เพิ่มขึ้นร้อยละ 14.9
ตามสถิติกรมศุลกากรไทยในช่วง 9 เดือนแรกปี 2554 นี้ไทยส่งออก เครื่องใช้ไฟฟ้า ไปเยอรมนีมูลค่า 328.5 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 11.1 ของการส่งออกสินค้าไทยไปเยอรมนี มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 68.5 ที่สำคัญๆ ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและส่วนประกอบ มูลค่า 136.2 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 126.35 ไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4.0 แหล่งนำเข้าสำคัญของเยอรมนี ได้แก่ เช็ค ฝรั่งเศส และเบลเยี่ยม (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 22, 15 และ 7 ตามลำดับ) อุปกรณ์ไฟฟ้าให้สัญญานเสียงแสง มูลค่า 42.7 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 35.3 โดยไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 3.2 แหล่งนำเข้าสำคัญ ได้แก่ จีน ญี่ปุ่นและฮังการี (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 25, 11 และ 10) สำหรับ เครื่องใช้อิเล็คทรอนิกส์ไทยส่งออกไปเยอรมนีเป็นมูลค่ารวมทั้งสิ้น 559.6 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือร้อยละ 19.0 ของการส่งออกสินค้าไทยไปเยอรมนี มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 9.2 ที่สำคัญๆ ได้แก่ คอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ มูลค่า 319.1 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าลดลงร้อยละ 4.1 ไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 1.3 แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีน เนเธอร์แลนด์ และเช็ค (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 28, 21 และ 11) วงจรพิมพ์ มีการส่งออกไปเยอรมนีเป็นมูลค่า 54.2 ล้านเหรียญสหรัฐ มูลค่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 14.7 ไทยมีส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 4 แหล่งนำเข้าสำคัญอื่นๆ ได้แก่ จีน ออสเตรีย และใต้หวัน (ส่วนแบ่งตลาดร้อยละ 37, 10 และ 7) ความต้องการสินค้าจากอุตสาหกรรมแขนงนี้ โดยเฉพาะสินค้าประเภททุนเพื่อใช้ในการผลิตเป็นสินค้ากึ่งสำเร็จรูปและสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ ยังมีมากและต่อเนื่องทั้งจากตลาดในประเทศและต่างประเทศ จึงทำให้เยอรมนีมีความต้องการสินค้าประเภทวงจรพิมพ์ และแผงวงจรไฟฟ้า ส่งผลให้การส่งออกสินค้ารายการนี้ของไทยยังสามารถขยายตัวต่อเนื่อง
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน
ที่มา: http://www.depthai.go.th