- สถานการณ์เศรษฐกิจของสหภาพยุโรปยังคงมีความเปราะบางและมีความเสี่ยงสูง ปัญหาหนี้สินภาครัฐของประเทศกรีซ ไอร์แลนด์และโปรตุเกสยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นต่อสหภาพยุโรปโดยรวม ดังจะเห็นได้จากการปรับตัวลงอย่างรุนแรงของตลาดหลักทรัพย์ทั่วโลกในเดือนสิงหาคม ขณะที่ประเทศอิตาลีและสเปนเป็นสองประเทศที่กำลังถูกจับตาอย่างใกล้ชิด
- ประเทศหลักที่ให้ความช่วยเหลือประเทศที่กำลังประสบปัญหาในภูมิภาคยุโรป คือ เยอรมนี กำลังประสบปัญหาภายในของตน โดยมีอัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจลดลงเหลือเพียงร้อยละ ๐.๑ ในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ลดลงจากร้อยละ ๑.๓ ในช่วงไตรมาสแรก ส่งผลให้ความหวังที่เยอรมนีจะเป็นประเทศที่ให้ความช่วยเหลือประเทศอื่นในภูมิภาคยุโรปมีความเป็นไปได้น้อยลง หลายฝ่ายจึงวิเคราะห์ว่าเศรษฐกิจยุโรปโดยรวมยังคงชะลอตัวและมีโอกาสที่จะถดถอยได้
- ประเทศสเปนเองยังคงไม่มีท่าทีที่จะฟื้นตัวอย่างป็นรูปธรรม อัตราการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของสเปนในช่วงไตรมาสที่สองของปีนี้ ขยายตัวจากไตรมาสแรกเพียงร้อยละ ๐.๒ และขยายตัวร้อยละ ๐.๗ เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี ๒๕๕๓
- สาเหตุหลักที่ส่งผลให้สเปนยังคงอยู่ในภาวะชะงักงันต่อไป คือ การหดตัวของการบริโภคในประเทศโดยเฉพาะอย่างยิ่งภาคธุรกิจค้าปลีกและการลงทุนในสินค้ากลุ่มทุนและภาคอสังหาริมทรัพย์ซึ่งเป็นโครงสร้างหลักทางเศรษฐกิจของสเปนโดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ ๕๙ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ
- การส่งออกและการท่องเที่ยวยังคงเป็นแหล่งรายได้หลักของประเทศ โดยการส่งออกของสเปนยังคงขยายตัวที่ร้อยละ ๘.๔ ในไตรมาสสองของปีนี้ และรายได้จากการท่องเที่ยวซึ่งมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติมาเยือนสเปนในแต่ละปีมากกว่า ๕๗ ล้านคน และจำนวนนักท่องเที่ยวยังคงขยายตัวได้ดีถึงร้อยละ ๑๐.๔ ในช่วงไตรมาสสองของปีนี้
- ปัญหาการว่างงานยังคงส่งผลกระทบต่อสังคมอย่างกว้างขวาง ในไตรมาสสองของปีนี้ยังคงมีอัตราสูงถึงร้อยละ ๒๐.๙ ของจำนวนแรงงานทั้งหมดซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในสหภาพยุโรป โดยเฉพาะอย่างยิ่งอัตราว่างงานในกลุ่มวัยรุ่นที่เพิ่งจบการศึกษามีอัตราสูงถึงมากกว่าร้อยละ ๔๐ ส่งผลให้เกิดปัญหาทางสังคมอย่างกว้างขวาง
เศรษฐกิจของสเปนยังคงผันผวนและเปราะบาง ปัญหาการว่างงานในระดับสูงมากยังคงเป็นแรงกดดันอย่างรุนแรงให้รัฐบาลซึ่งนำโดยนาย Jose Luis Rodriguez Zapatero จากพรรคสังคมนิยมผู้ใช้แรงงานจึงถูกกดดันให้จัดการเลือกตั้งทั่วไปเร็วขึ้นเป็นในเดือนพฤศจิกายน ศกนี้ ขณะที่หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจของสเปนในปี ๒๕๕๔ จะขยายตัวที่ร้อยละ ๐.๕ และมีแนวโน้มที่จะกลับเข้าสู่ภาวะถดถอยในปี ๒๕๕๕
มาตรการด้านการคลัง รัฐบาลกำลังดำเนินการปรับโครงสร้างการจ่ายเงินเกษียณอายุและสวัสดิการสังคมให้มีประสิทธิภาพและลดค่าใช้จ่าย ตลอดจนเร่งดำเนินโครงการภาครัฐเพื่ออัดฉีดเงินเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ในส่วนของภาคการเงินและการธนาคาร รัฐบาลได้เข้ามามีส่วนสำคัญในการดำเนินการปรับโครงสร้างระบบการธนาคารเพื่อลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดการกับหนี้เสียอันเกิดจากภาวะฟองสบู่แตกในภาคอสังหาริมทรัพย์และภาคการก่อสร้าง
มาตรการด้านแรงงาน รัฐบาลอยู่ระหว่างการออกกฎหมายปรับระเบียบการจ้างงานเพื่อสร้างแรงจูงใจให้ธุรกิจของสเปนจ้างงานใหม่เพิ่มขึ้น ซึ่งแต่เดิมประสบปัญหาความยุ่งยากในการเลิกการจ้างแรงงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ ส่งผลให้ธุรกิจมีการจ้างงานใหม่น้อยมาก
- ประเทศคู่ค้าหลักของสเปนคือ ประเทศในสหภาพยุโรป ได้แก่ เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี โปรตุเกส สหราชอาณาจักร และเนเธอร์แลนด์ ตามลำดับ ซึ่งมีสัดส่วนสูงถึงร้อยละ ๖๖.๕ ของตลาดส่งออกทั้งหมดของสเปน ขณะที่ประเทศจีนนับเป็นแหล่งนำเข้าที่มีมูลค่าสูงเป็นอันดับ ๔ สำหรับประเทศไทยมีมูลค่าการส่งออกไปยังสเปนสูงเป็นอันดับที่ ๔๓ และสเปนนำเข้าจากไทยเป็นอันดับที่ ๕๙
- ในปี ๒๕๕๓ สเปนมีมูลค่าการค้ารวม ๕๖๐,๑๒๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ แบ่งเป็นการส่งออก ๒๔๕,๗๒๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้า ๓๑๔,๔๐๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ๖๘,๖๘๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ในช่วง ๖ เดือนแรกของปีนี้ สเปนส่งออก ๑๐๖,๓๖๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ นำเข้า ๑๓๐,๔๓๐ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขาดดุลการค้า ๒๔,๐๖๗ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- สินค้าส่งออกหลักของสเปน ได้แก่ รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักร น้ำมันเชื้อเพลิง ผลิตภัณฑ์ เวชกรรม พลาสติก เหล็กและเหล็กกล้า ผลไม้และถั่วชนิดต่างๆ และผักสด ตามลำดับ
- สินค้านำเข้าหลักของสเปน ได้แก่ น้ำมันเชื้อเพลิง รถยนต์และส่วนประกอบ เครื่องจักร เครื่องจักร ไฟฟ้า ผลิตภัณฑ์เวชกรรม เหล็กและเหล็กกล้า พลาสติก เคมีภัณฑ์ ตามลำดับ
มูลค่าการค้า
- สเปนเป็นคู่ค้าของไทยที่มีมูลค่าการค้าสูงเป็นอันดับที่ ๗ ของไทยในตลาดสหภาพยุโรป ในช่วง ๒ ปีที่ผ่านมามูลค่าการค้าสองฝ่ายลดลงอย่างมาก จากมูลค่า ๑,๘๗๕.๕ ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี ๒๕๕๑ ลดลงเหลือ ๑,๑๘๙.๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯในปี ๒๕๕๒ หรือลดลงถึงร้อยละ ๓๖.๕ สาเหตุหลักจากวิกฤตเศรษฐกิจในสหรัฐอเมริกาและยุโรป
ในปี ๒๕๕๓ มูลค่าการค้ากลับมาขยายตัวถึงร้อยละ ๓๓.๔ ที่มูลค่า ๑,๕๘๗.๒ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ ๘ เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค. - ส.ค.) มูลค่าการค้าสองฝ่ายยังคงขยายตัวต่อเนื่องที่ร้อยละ ๑๖.๗ มูลค่า ๑,๑๙๕.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
การส่งออก
- สเปนเป็นตลาดส่งออกที่มีมูลค่าสูงเป็นลำดับที่ ๓๑ ของไทย มูลค่าการส่งออกของไทยไปยังสเปนในปี ๒๕๕๓ ขยายตัวถึงร้อยละ ๔๑ ที่มูลค่ารวม ๑,๑๒๑.๓ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ในช่วง ๘ เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการส่งออกของไทยยังคงขยายตัวได้ดีที่ร้อยละ ๑๗.๔ ที่มูลค่า ๘๓๖.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออก ได้แก่ สินค้าในกลุ่มวัตถุดิบ ได้แก่ ยางพารา เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก สินค้าอุตสาหกรรม ได้แก่ เครื่องปรับอากาศและชิ้นส่วน รถยนต์และชิ้นส่วน ผลิตภัณฑ์ยาง เครื่องคอมพิวเตอร์ เลนส์ และสินค้าในกลุ่มอาหาร ได้แก่ อาหารทะเลแช่แข็ง ผลไม้แปรรูป อาหารทะเลกระป๋อง นอกจากนี้สเปนยังเป็นตลาดส่งออกเสื้อผ้าสำเร็จรูปที่สำคัญแห่งหนึ่งของไทยในยุโรป
การนำเข้า
- มูลค่าการนำเข้าสินค้าจากสเปนของไทยในปี ๒๕๕๓ ขยายตัวร้อยละ ๑๘.๑ มีมูลค่ารวม ๔๖๕.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- สำหรับ ๘ เดือนแรกของปีนี้ มูลค่าการนำเข้าจากสเปนของไทยยังคงขยายตัวที่ร้อยละ ๑๕.๓ มูลค่า ๓๕๙.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ สินค้าสำคัญที่ไทยนำเข้าจากสเปนคือสินค้าทุนและวัตถุดิบ ได้แก่ เคมีภัณฑ์ เครื่องจักร เครื่องเวชภัณฑ์ เครื่องจักรไฟฟ้า ส่วนประกอบและอุปกรณ์ยานยนต์ เหล็ก เหล็กกล้าและผลิตภัณฑ์ และสินค้าในกลุ่มอาหาร ได้แก่ อาหารทะเลแปรรูป ผลิตภัณฑ์ผักและผลไม้
ดุลการค้า
ไทยเป็นฝ่ายได้เปรียบดุลการค้าอย่างต่อเนื่อง ในปี ๒๕๕๓ ไทยได้เปรียบดุลการค้าจากสเปน ๖๕๕.๔ ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขณะที่ในช่วง ๘ เดือนแรกของปีนี้ ไทยได้เปรียบ ๔๗๖.๙ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- ยางพาราเป็นสินค้าส่งออกอันดับ ๑ ของไทยมายังสเปน โดยมีสัดส่วนถึงร้อยละ ๑๗ ของมูลค่าการส่งออกรวม และในช่วง ๘ เดือนแรกของปีนี้มูลค่าการส่งออกยางพาราของไทยยังคงขยายตัวถึงร้อยละ ๖๔.๔ มูลค่า ๑๔๑.๘ ล้านเหรียญสหรัฐฯ
- เคมีภัณฑ์ เม็ดพลาสติก อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูป ผลิตภัณฑ์ยาง และผลไม้กระป๋อง เป็นสินค้าที่มียอดขยายตัวได้ดี
- สินค้าอาหารที่มีศักยภาพ ได้แก่ กุ้งสดแช่เย็นแช่แข็ง ผลไม้กระป๋องและแปรรูป อาหารทะเลกระป๋องและแปรรูปและข้าวหอมมะลิ
- อาหารไทยเริ่มเป็นที่รู้จักและนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงแม้ว่าในปัจจุบันมีร้านอาหารไทยในสเปน ไม่มากนัก (จำนวน ๕ ร้านในกรุงมาดริด) แต่ก็มีลู่ทางขยายตลาดได้อีกมาก การสนับสนุนให้มีการสร้าง supply chain จึงน่าจะเป็นการเพิ่มช่องทางการส่งออกสินค้าอาหาร และส่งเสริมธุรกิจร้านอาหารไทยในการใช้วัตถุดิบจากประเทศไทยในราคาที่ถูกลงได้
- ผลิตภัณฑ์ สปาและธุรกิจสปา/นวดแผนไทยมีลู่ทางขยายตลาดและธุรกิจได้ดี โดยเฉพาะ ณ สถานที่ ท่องเที่ยวและสนามกอล์ฟชั้นนำในสเปน
สำนักงานส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ณ กรุงมาดริด
ที่มา: http://www.depthai.go.th